หลายๆคนน่าจะพอรู้อยู่แล้วว่าทางเครือข่ายโทรศัพท์จะมีข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ระบุได้ว่าเราโทรเข้า-ออกไปที่ไหนอย่างไร เวลากี่โมง รวมถึงระบุตำแหน่งใช้งานได้ด้วย ซึ่งข้อมูลส่วนนี้ปกติจะเป็นความลับที่ห้ามเปิดเผย (ขนาดที่ว่าเครื่องหาย มีใบแจ้งความ ขอให้ช่วยหาตำแหน่ง ยังไม่ยอมเปิดเผยข้อมูล) แต่กลับมีการพบว่ามีพนักงานของ AIS คนหนึ่งได้ละเมิดสิทธิ์ส่วนนี้ นำเอาข้อมูลของลูกค้าไปให้บุคคลภายนอก พร้อมรับค่าตอบแทน โดยทางจขกท.ใน pantip ได้แนบข้อมูลตัวอย่างของไฟล์ดังกล่าวมาให้ได้เห็นกันด้วย ซึ่งล่าสุดทาง AIS ได้รับทราบเรื่องและไล่พนักงานคนดังกล่าวออกแล้ว และเตรียมดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่ออีกด้วย

เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดยคุณ pairnow โพสต์เอาไว้เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยผู้อ่านทุกคนที่ได้พบเห็นถึงกับช็อคไปตามๆกันกับตัวอย่างภาพที่ถูกแนบมา เพราะมีการระบุตำแหน่งพิกัดระดับ lat-long พร้อมทั้งรายละเอียดการโทรเข้าออกทั้งหมดเลยทีเดียว

โดยตัวจขกท. ทำอาชีพเกี่ยวกับการออกแบบตกแต่งภายใน และได้ไปทำงานให้กับผู้มีอิทธิพลซึ่งภายหลังได้เกิดปัญหาและถูกข่มขู่มาโดยตลอด และได้รับความช่วยเหลือจากพนักงาน AIS รายนี้ในการติดตามตัวจขกท. มาโดยตลอด ซึ่งพนักงานคนนี้ไม่ได้ทำกับแค่จขกท.เพียงคนเดียว แต่รับจ้างจัดหาข้อมูลมาหลายปีแล้วรับรายได้มาเป็นหลักหลายแสนบาท เรื่องราวมีความดราม่าค่อนข้างสูง ถ้าใครสนใจอยากอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าไปอ่านต่อได้ที่ http://pantip.com/topic/35589452

ล่าสุดทาง AIS ได้ออกแถลงการณ์เรื่องนี้มาแล้วเรียบร้อย โดยได้ไล่พนักงานคนดังกล่าวออก และเตรียมดำเนินคดีต่อไปด้วย 

ถ้อยแถลงจากทาง AIS นะครับ

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บริษัทได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่าพนักงานมีเจตนากระทำผิดจริง โดยอาศัยอำนาจหน้าที่ กระทำผิดกฏข้อบังคับในเรื่องนโยบายความปลอดภัยข้อมูลของลูกค้า ซึ่งเอไอเอสให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง 

พนักงานที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจะไม่สามารถเข้าไปดูหรือตรวจสอบรายละเอียดและส่งให้ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของเลขหมายได้อย่างเด็ดขาด 

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เอไอเอสได้พิจารณาให้พนักงานคนดังกล่าวพ้นสภาพทันทีและจะมีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป

 

เรื่องการนำข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ออกมาเปิดเผยให้คนนอกรับรู้นี่ ส่วนตัวเคยได้ยินมานักต่อนักแล้ว ซึ่งโดยมากก็จะถูกเอามาใช้ในเรื่องชู้สาวมากที่สุด และไม่ใช่ว่ามีแต่ AIS แต่เป็นทุกค่ายทุกเครือข่ายเลยด้วยซ้ำ ซึ่งก็หวังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นอีกบทเรียนของทุกค่ายให้เริ่มทำการ audit พนักงานของตัวเองให้มากขึ้น พร้อมออกแบบระบบให้รัดกุมกว่าเดิมด้วย เพราะนับวันข้อมูลส่วนตัวยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นทุกที จะไปหวังพึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบก็คงลำบาก เพราะทำงานดีซะเหลือเกิน…