หลังจากหลายๆคนตั้งหน้าตั้งตารอคอยการมาถึงของ Android KitKat 4.4 กันอยู่นานสองนาน ในที่สุดทาง Google ก็ปล่อยเจ้าเฟิร์มแวร์ขนมหวานชิ้นล่าสุดออกมาให้ทุกคนได้เห็นกันสักที โดยการเปิดตัวเจ้า Android KitKat นี้เป็นไปอย่างเงียบๆ ไม่มีงานแถลงข่าวอะไรเหมือนผลิตภัณฑ์อื่นๆของ Google และมันก็ไม่ได้มีฟีเจอร์อะไรที่หวือหวาอย่างที่หลายๆคนคาดหวัง แต่ถ้ามองในองค์รวมของ OS แล้วล่ะก็ Android 4.4 จะเป็นตัวที่ทำให้ผู้ใช้จากหลากหลายระดับ ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้น และขัดเกลาส่วนต่างๆให้สมบูรณ์มากขึ้นนั่นเองครับ ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง

จุดเด่นที่สุดของ Android 4.4 คือการทำให้ Android จับต้องได้สำหรับทุกคน

ด้วยการพัฒนาให้ระบบกินทรัพยากรน้อยลงจนแม้แต่เครื่องราคาถูกที่มีแรมเพียง 512 MB ก็สามารถได้รับประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมจาก Android ซึ่งจะทำให้ทางผู้ผลิตสามารถกดราคาของ Android ให้ลงต่ำกว่าเดิมได้อีก เข้าถึงผู้ใช้ในตลาดล่างได้มากขึ้น และเป็นฐานของผู้ใช้อีกมากมาย

ณ ตอนนี้ Android มีผู้ใช้อยู่มากกว่า 1 พันล้านราย Android 4.4 KitKat ถือเป็นยุทธศาสตร์หลักของทีม Android เพื่อดึงผู้ใช้อีก 1 พันล้านรายเข้าสู่ ecosystem เพราะเหล่าผู้ที่ยังไม่ได้ใช้ Smartphone ในโลกนี้ยังมีอยู่อีกมาก ด้วยเหตุผลหลักๆคือเรื่องราคาของอุปกรณ์ที่แพงไป ซึ่งหากแผนของ Android ทำได้จริงนั่นหมายความว่าประชากรกว่า 30% ทั่วโลกจะใช้ Android เลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ดี อยากฝากเอาไว้นิดนึงว่าการที่ Android จะใช้แรมน้อยลงกว่าเดิมก็ไม่ได้หมายความว่าเครื่องรุ่นล่างๆจะมีประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้นขนาดนั้น เนื่องจาก Hardware บางตัวเช่นหน้าจอ หรือตัวรับสัมผัสมันใช่ของที่ไม่ได้คุณภาพอยู่นั่นเอง

Android 4.4 ยังไม่ได้หมดความน่าสนใจแต่เพียงเท่านี้ ไปดูกันต่อเลยดีกว่าครับ

Android จะทำให้คุณไม่ต้องพกบัตรอีกต่อไป

เพราะต่อไป Android จะสามารถจำลองให้ตัวเองเป็นบัตรได้เอง แทนที่เราจะต้องพกบัตรเครดิต บัตรสะสมแต้ม บัตรส่วนลดอะไรต่างๆนาๆในกระเป๋า เราก็สามารถใช้มือถือที่มี NFC แตะไปยังเครื่องอ่านแทนบัตรเหล่านั้นได้ทันที หรือในทางกลับกันแอนดรอยด์ก็สามารถทำตัวเองให้เป็นเครื่องอ่านเองได้อีกด้วย

ข้อมูลข้างต้นดูน่าสนใจใช่มั้ยครับ แต่ความเป็นจริงแล้วก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆเช่นกัน เพราะการที่ Android จะทำเช่นนั้นได้ นั่นหมายถึงว่าร้านค้าและสถาบันการเงินต่างๆต้องยอมรับการทำงานนี้และติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่างๆเข้าไปด้วย รวมถึงทางฝั่ง iOS ที่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มี NFC ฝังลงไปในอุปกรณ์สักรุ่นเดียว ทำให้การที่ NFC จะได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลายนั้นก็ไม่ได้เป็นไปได้ง่ายนัก

 

ขอคืนพื้นที่หน้าจอ ใช้งานได้เต็มๆโดยไม่มีปุ่มและแถบแจ้งเตือนมากวนใจ

สำหรับเครื่องที่ต้องใช้ปุ่มบนหน้าจอ หลายๆครั้งคงแอบหงุดหงิดที่หน้าจอก็ใหญ่อยู่แต่ดันต้องสูญเสียพื้นที่ให้กับปุ่มกดไปเสียนี่ แต่ทางทีม Android ก็รับรู้ปัญหานี้และเพิ่มฟีเจอร์ให้แอพต่างๆสามารถร้องขอแสดงผลแบบเต็มหน้าจอได้โดยซ่อนปุ่มและแถบต่างๆ และเรียกกลับออกมาได้ง่ายๆเพียงลากมันออกมาจากขอบเท่านั้น

นอกจากนี้เพื่อการแสดงผลที่สวยงามขึ้นและป้องกันการเบิร์นหน้าจอ พื้นที่ปุ่มกดและแถบแจ้งเตือนจะสามารถทำให้โปร่งใสได้ เห็นทะลุไปถึง Background ได้เลย

เชื่อว่าสองความสามารถนี้หลายๆแอพคงจะพยายามนำเอาไปพัฒนาใส่เข้าไปที่แอพตัวเองโดยเร็ววัน แต่ก็ใช่ว่าเครื่องพวกเราจะเห็นได้ทันที เพราะเราก็ต้องรออัพเดทเป็น Android 4.4 ด้วยเช่นกันจึงจะใช้งานได้ครับ

 

ฉีกกฎแอพโทรศัพท์ที่เคยมีมา ค้นหาเบอร์ที่ไม่เคยมีในเครื่องได้

   

ฉลาดยิ่งขึ้นกว่าเดิมเมื่อแอพโทรศัพท์จะมีการจัดเรียงรายชื่อที่เราติดต่อด้วยบ่อยสุดขึ้นมาให้ก่อน (มีกิ๊กแล้วแฟนมาเห็นนี่ม้วยเลยนะ) นอกเหนือจากนี้เมื่อเราค้นหาเบอร์โทรศัพท์ หรือมีคนโทรเข้าที่เราไม่ได้บันทึกเอาไว้ Google จะทำการค้นหาหรือเปรียบเทียบเบอร์จากฐานข้อมูลร้านค้าใน Google Maps ให้เราได้ทันที เรียกว่าสู่…เอ้ย แสนรู้เป็นที่สุดเลย

 

ส่ง Message หากันได้โดยไม่เสียเงิน

ถ้าใครติดใจ iMessage บน iPhone มาก่อน ตอนนี้ Android KitKat ก็เสกฟีเจอร์คล้ายๆกันนี้ลงมาให้แล้วเช่นกัน โดยทำงานผ่านแอพ Hangouts ที่ควบรวม SMS MMS มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถ้าจะส่งข้อความแต่อีกฝั่งไม่มี Hangouts หรือติดต่อไม่ได้ก็จะปรับเป็นส่ง SMS ให้ได้ทันที และนอกเหนือจากส่งข้อความแล้ว ก็สามารถส่งรูป ตำแหน่ง ภาพเคลื่อนไหว(GIFs) รวมถึงทำ Video Calls ได้อีกด้วยจ้า

จริงๆฟีเจอร์นี้ไม่รู้ว่าจะเรียกเป็นฟีเจอร์ของ Android 4.4 ดีหรือเปล่า เพราะในงาน Google+ Event ที่เพิ่งผ่านไปก็เปิดตัว Hangouts ตัวนี้ไปแล้วทีนึง แต่ถ้าทีม Android เค้าประกาศมาอย่างงี้ ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของ Android 4.4 ไปละกันนะ 😛

และนอกเหนือจากนี้ Emoji ที่ทุกคนรอคอยก็โผล่มาอย่างสมบูรณ์แล้วใน Android KitKat นี้เองจ้า

        

 

สั่ง Print งานได้ทันทีจากทุกที่

แม้ว่าตอนนี้เราจะทำงานแบบ Paperless กันอยู่พอสมควรแล้ว แต่หลายๆครั้งเราก็ยังต้องพิมพ์กระดาษออกมาอยู่บ้าง แต่ถ้าเราอยู่นอกบ้านหรือออฟฟิศ ก็ไม่ต้องลำบากเปิดคอมหรือส่งแฟกซ์ให้วุ่นวายอีกต่อไปเมื่อโทรศัพท์เราสามารถสั่งพิมพ์ได้ทันทีผ่าน Google Cloud Print โดยหากเครื่อง printer ของคุณต่ออินเทอร์เนตอยู่ มันก็สามารถรับคำสั่งมาพิมพ์ได้ทันทีเลย

การสั่งงาน printer นั้นก็ต้องทำผ่านแอพในแต่ละยี่ห้อไป ถ้าหากว่าเครื่องที่บ้านหรือออฟฟิศเรายังไม่มีแอพรองรับก็จะยังใช้ไม่ได้นะเออ

 

สามารถบันทึกหน้าจอเป็นวิดีโอได้แล้ว

เหล่าผู้ทำแอพหรือคนที่ต้องสอนคนอื่นใช้งานโทรศัพท์เป็นประจำคงดีในเนื้อเต้นเมื่อเห็นฟีเจอร์นี้ เพราะนั่นหมายถึงว่าเค้าไม่ต้องมาคอยตั้งกล้องถ่ายมือตัวเองอีกต่อไปแล้ว แต่ว่ายังไม่มีการระบุว่าจะบันทึกวิดีโอได้อย่างไร คงต้องรอว่าเมื่อไหร่ที่ทีมงานมีเครื่องจะหาทางดูอีกทีครับ

 

เข้าถึงและจัดเก็บไฟล์ได้สะดวกกว่าเดิม

ส่วนนี้ผมเข้าใจว่ามันเป็นคล้ายๆพวกแอพ File Explorer ที่มีสามารถทำงานร่วมกับเหล่า Cloud Storage ได้อย่างเต็มที่ จากที่ก่อนหน้านี้ถ้าใครใช้ Nexus อยู่ต้องไปหาโหลดเอาเอง หรือถ้าแบรนด์ใหญ่ๆก็จะทำ File Explorer ขึ้นมาให้ใช้ เวลาจะเลือกหรือจัดเก็บไฟล์ทีก็ต้องไปทำการเรียกผ่านแอพนู้นที่แอพนี้ที แต่ด้วย Storage Access Framework จะรวมศูนย์ทุกสิ่งอย่างเข้ามาไว้ที่ตรงนี้แทนครับ (ถ้าเกิดว่าผมเข้าใจผิดอะไรไปแย้งได้นะ)

 

แค่เรียก “Ok Google”

สั่งงานโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอด้วย Google Now เพียงแค่อยู่หน้า Homescreen หรือใน Google Now แล้วเรียก “Ok Google” มือถือของเราก็จะพร้อมรับคำสั่งให้เปิดเพลง จดบันทึกโน๊ต ค้นหาข้อมูล นำทาง หรือจะเปิดเพลงก็ทำได้เลยทันที

Google Now นี่อยากให้ลองพยายามใช้มันดูนะครับ มันสะดวกและทำงานได้ดีในระดับนึงเลย ส่วนตัวผมจะใช้เวลาขับรถที่พิมพ์ไม่ได้ ก็สั่งด้วยเสียงไปเลยครับ 😉

 

ส่วนอื่นๆอีกเล็กๆน้อยๆ

– ปรับดีไซน์งานให้สวยยิ่งขึ้น ทำงานได้เนียนตาขึ้นกว่าเดิม

– เมื่อเราทำการเปิดเพลงหรือเล่นหน้าผ่าน ChromeCast อยู่เล่นหน้า Lockscreen จะแสดงภาพของเนื้อหาที่เราเล่นอยู่ และควบคุมได้โดยไม่ต้องปลดล็อค (ใหม่ยังไง)

– รองรับเซนเซอร์ต่างๆมากขึ้น ทำให้กินพลังงานน้อยลง เช่น เซนเซอร์ตรวจจับก้าวเดินของเรา

– Multitasking ได้ดีขึ้นกว่าเดิม กดสลับหน้าจอเปลี่ยนแอพได้รวดเร็ว ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการ Optimize ระบบให้กินแรมน้อยลงกว่าเดิมนั่นเอง

– แสดงผลหน้าเว็บในแอพต่างๆได้ถูกต้องมากขึ้นด้วยการนำเอา Chromium WebView เข้ามาใส่ในระบบ

– Audio Tunneling to DSP ทำให้การเล่นเพลงต่างๆกินพลังงานน้อยลงเป็นเท่าตัว โดยทาง Google ได้เคลมว่า Nexus 5 สามารถเปิดเพลงติดต่อกันได้ยาวนานถึง 60 ชม.จากการใช้เทคนิคนี้เลย

– Bluetooth รองรับ MAP ทำให้อุปกรณ์อื่นๆสามารถอ่านข้อความจากมือถือของเราได้

– รองรับ ChromeCast ได้ทันที

– ติดตั้ง Android Device Manager ระบบป้องกันเครื่องหายหรือสั่งล้างข้อมูลทางไกล มาให้ในเครื่องเลย

– ปรับปรุงแอพ Email

– สลับ Launcher ได้โดยไม่ต้องพึ่งแอพอีกต่อไป เพราะทำมาให้เลยใน Settings>>Home

– เปิดให้แอพต่างๆสามารถเข้าใช้งาน Infrared Port ได้แล้ว สร้างแอพรีโมทขึ้นเองได้เลย

– ปรับการทำงานของ GPS ให้กินแบตน้อยลงได้แล้ว และดูว่าประวัติแอพที่ร้องขอตำแหน่งได้

สำหรับคนที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้จาก

http://www.android.com/versions/kit-kat-4-4/

หรือเชิงลึกขึ้นกว่าเดิม สำหรับเหล่านักพัฒนา http://developer.android.com/about/versions/kitkat.html

 

ก็ขอเชิญได้เลยนะครับ ถ้าข้อมูลส่วนไหนผิดอย่างไรก็สามารถแย้งได้เต็มที่เลยจ้า