สวัสดีเพื่อนๆสมาชิก Droidsans ทุกท่าน วันนี้ผมได้รับมอบหมายจาก mod ปลาหมึกของเรา @octopatr ให้มาทำการแกะกล่อง ASUS Zenfone 2 รุ่นท็อปสุดติ่ง ZE551ML ที่มาพร้อม RAM 4GB และพื้นที่ความจุถึง 64GB โดยหลังจากที่แกะกล่องรุ่นต่ำสุดรหัส ZE550ML ไปก่อนหน้านี้แล้วเห็นว่าสมาชิกเว็บเรายังไม่หายคัน จึงได้พากันเสาะแสวงหาจนพบในดินแดนต้นกำเนิดที่ไต้หวัน แล้วมันก็ได้บินมาถึงมือของพวกเราทีมงาน Droidsans แล้ว ไม่ต้องพูดเพ้อเจ้อให้เสียเวลา ไปแกะกล่องกันเลยดีกว่า 

คำเตือน: รูปเยอะมาก ระวังติด FUP

เริ่มแรกเราก็มาดูกล่องกันก่อนเลยครับ สำหรับรุ่นที่ได้มาเป็นรุ่นสีเงิน Metallic ซึ่งตัวผมเองเข้าใจว่ารุ่นท็อปตัวนี้จะมีแค่สีนี้สีเดียวนะ ถ้าเข้าใจผิดขออภัย โดยกล่องจะมีเป็นแบบแนวนอนซึ่งก็ถือว่าแปลกดี เพราะเท่าที่แกะกล่องมือถือมาส่วนใหญ่จะเป็นแนวตั้งกันหมดนะครับ

 

ที่ปลายกล่องด้านล่างจะมี “ลิ้น” เป็นแผ่นพลาสติกใสเพื่อเอาไว้ดึงกล่องชั้นในออกมา แต่หลังจากที่ลองดึงดูแล้วพบว่า ดึงออกยากเพราะกล่องมันหนักและแน่นกว่าที่คิด ดังนั้นแนะนำว่าเอามือดึงตัวกล่องออกมาเองดีกว่าครับ

 

โผล่ออกมาแล้ว! ASUS Zenfone 2 รหัส ZE551ML ยืนยันว่าซื้อมาไม่ผิดรุ่นแน่นอน โดยยังคงชูประเด็นกล้อง 13MP PixelMaster, จอใหญ่ 5.5 นิ้ว FHD ในขนาดเครื่องเทียบเท่าจอ 5 นิ้ว, ชิป Intel 64-bit Super Quad Core (แต่ software เป็น 32-bit) และ ASUS ZenUI 

 

แวะดูหลังกล่องซักนิด ยืนยันสเปกอีกครั้งว่าเป็น Intel MRF Z3580, RAM 4GB และ ROM 64GB แน่นอน

 

ใบคำเตือนเรื่องการใช้ micro SIM ของ Zenfone 2 ซึ่งแนะนำว่าอย่าใช้ตัวแปลง SIM จาก nano เป็น micro หรือเอา SIM ใหญ่มาตัดให้เล็กลงเป็น micro SIM แล้วเอามาใช้นะครับ อาจจะใช้ไม่ได้หรือ SIM จะติดอยู่ใน slot แกะไม่ออก ซึ่งตรงนี้ mod @octopatr ได้ทดลองไปแล้วพบว่า “ใช้ไม่ได้” จริงๆ ต้องเป็น micro SIM แท้เท่านั้น

 

แกะพลาสติกหุ้มออกจากตัวเครื่องได้แล้ว เสียงการแกะพลาสติกหุ้มออกจากของนี่มัน “ฟิน” ดีจริงๆ

 

ASUS Zenfone 2 พร้อมให้เปิดเครื่องทดสอบได้แล้ว

 

อ้าวลืม! แวะดูของในกล่องกันสักนิดก่อนครับ สำคัญด้วยนะเนี่ย

 

ของในกล่องอันแรกเลยคือ “คู่มือและใบรับประกัน” ที่ไม่เคยมีใครอ่าน จริงๆจะอ่านก็อ่านไม่ได้ เพราะมันเป็นภาษาจีนทั้งหมดเลย ข้ามไปดีกว่า

 

หูฟัง Stereo Smalltalk แบบ in-ear กับจุกยางสำหรับเปลี่ยนตามขนาดของรู

 

สาย micro USB สำหรับชาร์จและ sync ข้อมูล

 

หัวชาร์จไฟหรือ Adaptor ที่ระบุการจ่ายไฟ (Output) ไว้ 2 แบบคือ 5V 2A และ 9V 2A เพื่อรองรับฟีเจอร์ Quick Charge ของ Zenfone 2 โดยถ้าแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่าระดับ 75% จะเป็นระบบ Quick Charge ที่จ่ายไฟ 9V 2A หากชาร์จเกิน 75% ไปแล้ว จะเป็นการชาร์จแบบปกติที่ 5V 2A นั่นเองครับ

 

ถ่ายรูปรวมกันสักครั้ง

 

กล้องหน้าของ Zenfone 2 ZE551ML นั้นมีความละเอียด 5MP เหมือนกับรุ่น ZE550ML

 

ปุ่ม Capacitive ของ Zenfone 2 ยังคงเอกลักษณ์เดิมจากรุ่นก่อนไว้คือ “ไม่มีไฟ backlight” ให้นะครับ ตอนมืดๆก็คลำหาเอาแล้วกัน

 

ด้านล่างของตัวเครื่องเป็น Microphone กับช่องเสียบ micro USB

 

ด้านบนของตัวเครื่องมีปุ่ม Power (ที่กดยากมาก) อยู่ตรงกลาง พร้อมช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm และ Microphone สำหรับตัดเสียงรบกวน

 

พลิกมาด้านหลังของเครื่องแล้วรู้สึกคุ้นๆตา เพราะ Zenfone 2 นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจาก LG G series นั่นเอง ด้านหลังประกอบด้วยกล้องหลังความละเอียด 13MP พร้อม Dual-LED flash อยู่ด้านบน และปุ่มเพิ่มลดเสียงย้ายมาอยู่ด้านหลังเครื่อง 

 

ส่วนด้านล่างก็เป็นช่องลำโพงเหมือนกับรุ่นที่แล้ว 

 

การแกะฝาหลังของเครื่องต้องใช้เล็บแกะจากช่องด้านขวานะครับ อย่าไปงัดจากช่องอื่นเด็ดขาด เดี๋ยวเขี้ยวที่ใช้ล็อคกับตัวเครื่องจะมีปัญหานะครับ

 

พอแกะฝาหลังออกมาแล้วจะเห็นช่องใส่ SIM 2 ช่องและช่อง microSD 1 ช่อง  ซึ่งตรงนี้จะเห็นสัญลักษณ์ระบุชัดเจนว่า SIM 1 นั้นรองรับ 2G/3G/4G ส่วน SIM 2 นั้นรองรับแค่ 2G ดังนั้นเวลาใส่ควรใส่ SIM ที่จะเล่นอินเตอร์เน็ตไว้ที่ SIM 1 ส่วน SIM 2 เอาไว้ใช้โทรออกหรือรับสายเท่านั้นครับ

 

ผลการทดสอบ Benchmark เบื้องต้นด้วย Antutu และ 3DMark Ice Storm ปรากฏว่าได้คะแนนไม่สูงมากแต่ก็ไม่ขี้เหร่เลยนะครับ อาจจะยังไม่ถึงอย่างที่คาดไว้เฉยๆ ดูได้ตามรูปเลย

 

เบื่องต้นความจุ 64GB นั้นถูกแบ่งให้เป็นของระบบไปส่วนหนึ่ง ทำให้เหลือพื้นที่ใช้งานจริงได้ประมาณ 52GB ครับ

 

พอเสียบสายชาร์จแล้วในหน้า Lockscreen จะขึ้นคำว่า “Quick Charging” บอกให้รู้ว่าตอนนี้กำลังอยู่ในโหมดชาร์จเร็ว ซึ่งต้องบอกว่า เร็วจริงๆ เดี๋ยวมาดูกันเร็วแค่ไหน

 

ตอนเริ่มชาร์จเวลา 11:44 นั้นมีแบตเตอรี่เหลืออยู่ 42% พอเวลาผ่านไปถึง 12:00 แบตเตอรี่ขึ้นมาเป็น 66% นั่นหมายความว่า ในเวลาเพียง 15 นาที Quick Charge สามารถชาร์จได้ถึง 24% เร็วพอสมควรเลยครับ ซึ่งตามสเปกนั้น ASUS บอกว่าสามารถชาร์จจาก 0%-60% ได้ภายใน 39 นาที ดูจากตัวเลขที่ทดสอบก็น่าจะเป็นอย่างที่บอกได้ครับ

 

ขอหยุดบทความแกะกล่องไว้เท่านี้ก่อนจะกลายพันธุ์เป็นบทความรีวิวไปซะก่อนนะครับ เบื้องต้นเท่าที่ได้ลองเล่น 1 คืนที่ผ่านมา พบว่า ASUS Zenfone 2 นั้นลื่นสมกับที่เป็น Android 5.0 Lollipop มาแล้ว การใช้งานไม่มีสะดุดเลย RAM 4GB ก็น่าจะเป็นตัวช่วยเรื่องนี้ได้ดีเหมือนกัน ถึงแม้คะแนน benchmark จะออกมาไม่สูงอย่างที่คิด คงต้องรอดูตอนที่ ASUS ปล่อย software ที่เป็น 64-bit จริงๆออกมาอีกทีว่าจะแรงขึ้นขนาดไหน แต่มันจะมีวันนั้นมั้ย ยังไม่มีใครรู้