วันนี้มีข่าวน่าสนใจข่าวนึงมานำเสนอ นั่นก็คือข่าวการเติบโตของ Chromebooks ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งผมดูจากแผนภูมิแล้วก็แอบตกใจอยู่ไม่น้อย ว่าทำไมยอดขายของ Chromebooks ถึงได้พุ่งกระฉูดแซงแม้กระทั่ง Macbook ไปแล้ว ทั้งๆ ที่กระแสของ Chromebooks ในตอนแรกนั้นหลายๆ คนมองว่าเดี๋ยวมันก็ตายไปเหมือน Netbook ด้วยซ้ำ

ก่อนอื่นลองมาดูตัวเลขรวมของตลาดทั้งหมดก่อนครับ ยอดขายคอมพิวเตอร์ทุกชนิดรวมกับแท็บเล็ตในช่วงเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2013 นั้นเพิ่มขึ้น 25.2% มีจำนวนรวมทั้งหมด 4.4 ล้านเครือง

ยอดขายในฝั่งของคอมพิวเตอร์นั้นหดลงทั้งหมดครับ ไม่ว่าจะเป็นแบบตั้งโต๊ะหรือโน๊ตบุคก็ตาม ฝั่งของ Macbook เองก็ด้วย แต่อีกด้านหนึ่งอุปกรณ์จำพวก Tablet กลับเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็น Android Tablets, Windows Tablets จะมีก็แต่ iPad ที่ปรับตัวลงเล็กน้อย ส่วนที่เติบโตมากที่สุดคือ Chromebooks ครับ จาก 0.2% ในปี 2012 กระโดดขึ้นมาเป็น 9.6% ในปี 2013 เลยทีเดียว

ข้อมูลข้างต้นนั้นมาจาก บริษัทวิจัย NPD Group ยังระบุด้วยว่าที่ Google Chromebooks สามารถทำยอดขายแซง Macbook ได้นั้นมาจากราคาที่ถูกแสนถูก และที่สำคัญคือมันถูกขายให้กับหน่วยงานทางด้านการศึกษาแทบทั้งหมด

แน่นอนครับ Google Chromebooks นั้นคงไม่สามารถไปบุกตลาดองค์กรณ์ บริษัท หรือแม้แต่รัฐได้ ด้วยควาามสามารถที่จำกัดของมัน แต่ด้วยราคาและความสามารถที่พอเพียงของ Chromebooks กลับสามารถเจาะตลาดด้านการศึกษาได้แบบสบายๆ เพราะราคาเริ่มต้นของมันคือ 199 เหรียญ (ราว 6 พันบาท) และแพงสุด 299 เหรียญ (ราว 9 พันบาท) ในขณะที่ iPad รุ่นปกติราคาเริ่มต้นก็ 499 เหรียญ และ Macbook เริ่มที่ 999 เหรียญ

แน่นอนว่านอกจากเรื่องราคาที่ทำให้ Chromebooks ได้เปรียบแล้ว อีกเรื่องหนึ่งก็คือแป้นพิมพ์ หรือ keyboard นั่นเอง โดย iPad หรือ Tablet นั้นถูกมองว่าเป็น comsume device หรือเหมาะกับการใช้บริโภคข้อมูลและข่าวสารมากกว่าการสร้าง ในขณะที่ keyboard หรือแป้นพิมพ์นั้น ถือเป็น create device ไม่ว่าคุณจะทำการบ้าน พิมพ์รายงาน แป้นพิมพ์ยังเป็นที่หนึ่งเสมอ แถม Chromebooks ยังมีให้ครบทั้ง Google Docs และ Google Drive และบริการทั้งหมดของ Google

แต่ถ้าหากเรามองเปรียบเทียบจากตัวเลขในตอนนี้ สถาบันการศึกษาต่างๆ ยังคงเลือกซื้อ iPad ไปใช้งานมากกว่า Chromebooks อยู่พอสมควร แต่ในปี 2014 เราอาจจะได้เห็นการเติบโตของ Chromebooks ที่คาดว่าจะยังคงแรงต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปีก็เป็นได้ 

source : mashable