เปิดตัวตามหลังเพื่อนๆอย่างเป็นทางการแล้วกับ Samsung Galaxy S8+ สมาร์ทโฟนจอใหญ่รุ่นล่าสุด โดยมีทาง iPhone 7 Plus ที่ได้เปิดตัวก่อนเพื่อนตั้งแต่ปีที่แล้ว ตามมาด้วย Huawei P10 Plus บนเวที MWC 2017 ที่ผ่านมา โดยทั้งสามรุ่นนี้จะบอกว่าเป็นเพื่อนกันก็ได้เพราะแอบต่อท้ายว่าพลัส (Plus+) มาด้วยนั้นเองและแน่นอนว่าเมื่อมากันครบแล้วเราลองมาเปรียบเทียบสเปกดูว่าในสามรุ่นนี้แต่ละรุ่นนั้นแตกต่างกันอย่างไรบ้างลองไปดูพร้อมกันเลย

ตารางเปรียบเทียบสเปค Samsung Galaxy S8+ vs Huawei P10 Plus vs iPhone 7 Plus

รายละเอียดGalaxy S8+ spec

Samsung Galaxy S8+

huawei p10 plus specs

Huawei P10 Plus

iPhone 7 Plus spec

iPhone 7 Plus

OSAndroid 7.0 NougatAndroid 7.0 Nougat, EMUI 5.1iOS 10.3.2
หน้าจอ6.2 นิ้ว แบบ Quad HD+ Super AMOLED 2960 x 1440 พิกเซล (529 ppi)IPS LCD 5.5 นิ้ว Quad HD 2560 x 1440 พิกเซล (540 ppi)LED 5.5 นิ้ว Full HD 1920 x 1080 พิกเซล (401 ppi)
ชิป CPU– Exynos 8895 64-bit Octa-core 2.3GHz (Global)
– Snapdragon 835 64-bit Octa-core 2.35GHz (US)
HiSilicon Kirin 960 64-bit Octa-core 2.4GHzA10 Fusion 64-bit Quad-core และ M10
ชิปกราฟิกMali-G71Mali-G71 MP8PowerVR Series7XT Plus
RAM4GB แบบ LPDDR44 GB3 GB
หน่วยความจำภายใน64GB แบบ UFS 2.1 (รองรับ microSD สูงสุด 256GB)64GB (รองรับ microSD สูงสุด 256GB)32/128/256 GB (ไม่รองรับ microSD)
กล้องหลัง12 ล้านพิกเซล Dual Pixel, F1.7, ระบบ AF, OIS,  8x Max Zoom (Digital)กล้องคู่ 20 ล้านพิกเซล (Mono) + 12 ล้านพิกเซล (RGB) Dual-sensor, F1.8, OIS, 2x Hybrid Zoom, SUMMILUX Leica Certifiedกล้องคู่ 12 ล้านพิกเซล (F/1.8 และ F/2.8), OIS, 10x Max Zoom Digital และ 2x Optical zoom
วิดีโอ4K@30fps,1080p@30fps และ 60 fps, 720p@30 fps VDIS, 8x Digital Zoom, ถ่าย VDO SlowMotion ที่ 720p@240fps
มีระบบ Playback Zoom
4K@30fps, 1080p@60fps4Kp@30fps, 1080p@30/60/120fps, ถ่าย VDO SlowMotion 1080p@120fps และ 720p@240fps
กล้องหน้า8 ล้านพิกเซล แบบ AF (F1.7) มุมมองกว้าง8 ล้านพิกเซล (F/1.9) Leica Certified7 ล้านพิกเซล (F/2.2)
SIMรองรับ 2 ซิม (เลือกใส่ ซิม 2 หรือ MicroSD)รองรับ 2 ซิม (เลือกใส่ ซิม 2 หรือ MicroSD)รองรับ 1 ซิมแบบนาโน
LTELTE Cat.16รองรับ 4.5G LTE Quad-Antennas (4×4 MIMO) ทุกเครือข่ายทั่วโลก FDD-LTE ครอบคลุมทุกเครือข่ายทั่วโลก
WiFiWi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspotWi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, DLNA, WiFi Direct, hotspotWi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band
Bluetoothv 5.0 (LE up to 2Mbps), A2DP, LE, aptXv4.2, A2DP, LEv4.2, A2DP, LE
SensorsIris scanner, fingerprint (rear-mounted), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, heart rate, SpO2Fingerprint (front-mounted), accelerometer, gyro, proximity, compassFingerprint (front-mounted), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer
ระบบสแกนลายนิ้วมือด้านหลังด้านหน้าด้านหน้า
NFCรองรับรองรับรองรับ
การเชื่อมต่อType-CType-CLightning port
กันน้ำกันฝุ่นIP68IPX3 IP67
GPSมีมีมี
แบตเตอรี่3500 mAh ถอดเปลี่ยนไม่ได้3750 mAh ถอดเปลี่ยนไม่ได้2900 mAh ถอดเปลี่ยนไม่ได้
สัดส่วน159.5 x 73.4 x 8.1 มม.153.5 x 74.2 x 7 มม.158.2 x 77.9 x 7.3 มม.
น้ำหนัก173 กรัม165 กรัม188 กรัม
สีMidnight Black, Orchid Gray, Arctic Silver, Coral Blue และ Maple GoldCeramic White, Dazzling Blue, Dazzling Gold, Graphite Black, Mystic Silver, Rose Gold และ GreeneryJet Black, Black, Silver, Gold, Rose Gold และ สีแดงในรุ่นพิเศษ

li {line-height: 1.4em;}

สรุปภาพรวมของสมาร์ทโฟนทั้งสามรุ่น

สำหรับการเปรียบเทียบสเปกของทั้งสามรุ่นว่ามีจุดเด่นอย่างไร มีการพัฒนาปรับปรุงไปเยอะในด้านไหนบ้าง จุดไหนคือความโดดเด่นของแต่ละรุ่น จุดไหนที่ใกล้เคียงกัน รวมถึงความแตกต่างอย่างไรบ้างตามข้อมูลสรุปข้างล่างนี้เลย

Samsung Galaxy S8+ : ก้าวกระโดดของงานดีไซน์และครบเครื่องเรื่องการใช้งาน

  • การดีไซน์ตัวเครื่องจับกระชับมือมากกว่าตอน S7 edge ขนาดตัวเครื่องพอๆ กับ P10 Plus และ iPhone 7 Plus แต่ได้หน้าจอขนาดใหญ่กว่าทุกรุ่น
  • หน้าจอกับตัวเครื่องที่ยาวขึ้นสำหรับบางคนอาจจะจับไม่ถนัดมือ
  • การแสดงผลของหน้าจอ Infinity Display มาพร้อมอัตราส่วนใหม่ ทำให้การชมภาพยนตร์แบบ original format ได้เต็มตามากขึ้น
  • การตัดปุ่มโฮมออกและออกแบบใหม่เอามาไว้บนหน้าจอ ช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้งานและลดกรอบหน้าจอลง
  • ใช้หน่วยความจำแบบใหม่ UFS 2.1 อ่านเขียนข้อมูลได้เร็วกว่าเดิม
  • กล้องหน้าโฟกัสมีระบบ Auto focus ภาพคมชัดขึ้น selfie เป็นธรรมชาติ ไม่หลอก มีฟีเจอร์เพิ่ม
  • กล้องหลังแสงปกติถ่ายภาพออกมาได้ดีกว่า S7 edge ขึ้นไปอีก ตัวอย่างภาพ Galaxy S8 ทั้งหน้า-หลัง โทนสีต่างๆ ใกล้เคียงกัน แต่ได้มิติและความคมที่มากขึ้น ซึ่งถ้าไม่สังเกตุดีๆ ซูมๆ แทบดูไม่ออก
  • ถ่ายภาพกลางคืนได้แสงและรายละเอียดมากขึ้นด้วยระบบ Multiframe
  • มีระบบความปลอดภัยให้เลือกใช้งานหลากหลาย สแกนม่านตา ใบหน้า นิ้ว หรือรหัสผ่าน
  • มีระบบเชื่อมต่อ DeX Station ทำงานได้เหมือนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ
  • แบตเตอรี่ความจุ 3500 mAh จากการทดสอบ ใช้งานทั่วไปก็อยู่ได้ประมาณ 1 วัน อายุแบตพอๆ กับตอน S7 / S7 edge 
  • จุดเด่นอีกข้อคือจักรวาลของ Samsung ที่สร้างเอาไว้นั่นก็คือ Galaxy Gift และ Samsung Pay มีสิทธิพิเศษต่างๆ และการใช้งานอีกเพียบถือว่าน่าสนใจ

Galaxy S8+ นั้นถือว่าเป็นการมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ในหลายๆ ด้าน มองผ่านๆ อาจจะเห็นว่าเป็นแค่มือถือไร้ขอบ เป็นมือถือที่ต้องบอกว่าตอนอ่านข่าวหรือดูตามหน้าเวบอาจจะเฉยๆ แต่ถ้าได้มีโอกาสไปสัมผัสเครื่องจริงความรู้สึกนั้นคนละเรื่อง งานดีไซน์นอกจากจะทำออกมาได้โค้งมนแล้วยังเก็บงานกระจกหน้าหลังและแกนกลางโลหะที่ยึดเอาไว้ได้เป๊ะมาก เรียกว่าไม่รู้สึกถึงรอยต่อ ส่วน UI ใหม่ของ S8+ นั้นก็ออกแบบได้สะอาดสะอ้านทำงานได้รวดเร็วขึ้น หน้าจอโค้งที่เคยเป็นปัญหาตอน S7 edge หรือรุ่นก่อนๆ รุ่นนี้สามารถจัดการระบบ palm rejectio ได้ดีขึ้น ใช้งานมือเดียวสามารถพิมพ์ได้สบายๆ ส่วนของกล้องถ่านภาพนั้นการันตีคุณภาพมาตั้งแต่รุ่นก่อนๆ ตอนนี้มาเป็น S8+ มีระบบ Multiframe เข้ามาเสริมทำให้การถ่ายภาพในหลายๆ สถานการณ์ออกมาดีกว่าเดิม แถมยังมี Samsung DeX ต่อยอดจากมือถือที่สเปคแรงๆ อยู่แล้ว ให้สามารถใช้งานในรูปแบบของคอมพิวเตอร์ได้อีก อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะมีค่ายอื่นเคยทำมาแล้ว แต่จากที่ได้ลองต้องบอกว่าทำออกมาได้ดีกว่าหลายๆ ค่ายเหมือนกัน ถ้าเอาจุดเด่นทั้งในเรื่องของดีไซน์ กล้อง ความแปลกใหม่ของฟีเจอร์และการใช้งาน Galaxy S8+ นั้นน่าสนใจกว่าคู่แข่งอีก 2 รุ่นพอสมควรเลยทีเดียวครับ

ใครสนใจอยากดูรายละเอียดเพิ่มเติมเข้าไปดูได้ที่ เปิดตัว Galaxy S8 และ S8+ แน่นอนว่ารุ่นที่ Samsung จะนำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราจะเป็นรุ่นที่ใช้ CPU Exynos 8895 แบบ 64-bit Octa-core 2.3GHz

Huawei P10 Plus : สานต่อความสำเร็จจาก P9 เติมเต็มใน P10 Plus

  • การใช้งานทั่วไปมีความลื่นไหลกว่า P9 และลื่นกว่า Mate 9 ที่ใช้ชิปเดียวกัน แต่ยังมีจังหวะกระตุกของ EMUI 5.1 ให้เห็นบ้าง คาดว่าในช่วงแรกๆ ของการวางขายน่าจะมีการอัพเดตซอฟแวร์ให้ความสมบูรณ์ขึ้น
  • กล้อง P10 Plus เลือกใช้เลนส์ Summilux (F/1.8) มีค่ารูรับแสงกว้างกว่า P10 ที่ใช้เลนส์ Summarit (F/2.2) สามารถถ่ายรูปในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น โหมดขาวดำมีความสมจริงเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่เน้นชอบถ่ายรูปจากกล้องหลัง แต่หากเทียบภาพสีกับกล้องหลังของ S8+ ตัว P10 Plus ยังดูเป็นรองอยู่เล็กๆ ในบางสถานการณ์แต่ยังดีกว่า iPhone 7 Plus
  • มีโหมดฟิล์มให้เลือกปรับโทนสีของภาพได้ ใครชอบสีจัดๆ น่าจะสนุกกับกล้องของ P10 Plus
  • กล้องหน้ามีระบบ Portrait Style ปรับมุมมองและเฟรมอัตโนมัติในการเซลฟี่ ทำออกมาได้น่าสนใจ แต่การเรียกมาใช้งานยังแอบงงๆ และคาดเดาไม่ได้
  • Leica นั้นไม่ได้เป็นผู้ผลิตเลนส์ให้ Huawei โดยตรงแต่เป็นการเข้ามาร่วมกันพัฒนาและรับรองคุณภาพให้ใช้สัญลักษณ์ Leica ได้นั้นเอง ผู้ผลิตตัวเลนส์จริงๆ เป็นการ OEM รายอื่น
  • ตัวปุ่มโฮมมีระบบสแกนลายนิ้วมือที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว เป็นปุ่มหลอกคือกดลงไม่ได้ แต่สามรถใช้งานได้หลายฟังก์ชั่น เช่นแตะเพื่อทำงานเป็นปุ่ม back หรือแตะค้างแทนปุ่มโฮม
  • สเปคฮาร์ดแวร์ของ P10 Plus ที่จะวางจำหน่ายในไทย คือ แรม 4GB รอม 64GB โดยรวมถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน เพิ่ม MicroSD สูงสุด 256GB
  • แบตเตอรี่ให้มา 3750 mAh ถอดไม่ได้ สามารถใช้งานได้เกือบตลอดวันและยังมาพร้อมกับระบบ SuperCharge 

P1o Plus ดูจากสเปคและหลายๆ อย่างแล้ว ถือเป็นรุ่นที่น่าเล่นกว่า P10 ในหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องของสเปคกล้องหน้าได้เลนส์รับรองมาตรฐาน LEICA กล้องหลังก็ f กว้างกว่า P10 แถมสเปคในเรื่องของเสาสัญญาณและด้านอื่นๆ ก็ครบเครื่องกว่ามาก แต่ด้วยราคาที่สูงกว่าพอสมควรจาก P10 รุ่นเล็กก็ทำให้หลายๆ คนตัดสินใจยาก เพราะดูภายนอกมันแทบไม่ต่าง แต่ถ้าใครจะสอย P10 64GB งานนี้ขอร้องว่าข้ามมา P10 Plus ดีกว่า คุ้มกว่ามาก ในส่วนของดีไซน์หน้าตานั้นปรับปรุงจาก P9 เล็กน้อย จับเอาสเปคของ Mate 9 เรือธงปลายปีมาขัดๆ แล้วยัดใส่ตัวเครื่องที่เล็กลงพกพาง่าย จุดขายเรื่องกล้องคู่นั้นถือว่าตอนนี้เริ่มมีการพัฒนาให้สามารถสู้กับค่ายอื่นๆ ได้แล้วครับ หลังจากตอน P9 ประสบปัญหาสวยแต่ในเครื่องตัวเอง ก็อปไปที่อื่นสีจืดทันที ตอนนี้สีสันดูดีสดในขึ้นแล้ว แต่อารมณ์ถ่ายแล้วแสงมันดู under หรือมืดกว่าความเป็นจริงยังมีอยู่นิดๆ ชิป Kirin 960 พัฒนาขึ้นมาให้แรงพอฟัดพอเหวี่ยงตามรุ่นท็อปๆ ได้ติดๆ เรียกว่า P10 Plus เป็นการนำเอา P9 ในตำนานมาทำให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น ถ้าจะพิจารณาจาก 3 รุ่นที่เอามาเปรียบเทียบกันแล้ว P10 Plus นั้นรวมๆ ถือว่าดูดีกว่า iPhone 7 Plus ในหลายๆ ด้าน ส่วนเรื่องภาพถ่ายก็มีเอกลักษณ์ของตัวเองไปแล้ว จะมีส่วนที่แพ้อีก 2 รุ่นชัดๆ คือเรื่องของการกันน้ำกันฝุ่นนี่แหละ

หากใครอยากรู้ข้อมมูลเพิ่มเติมของ P10 Plus สามารถเข้าไปดูได้ที่ เปิดตัว หรือ รีวิว เปรียบเทียบรูปถ่าย P10 และ P10 Plus  รูปจากกล้อง Huawei P10 กับ Mate 9 ได้ครับ

iPhone 7 Plus : เมื่อ iPhone ปรับตัวเองครั้งใหญ่เพื่อสู้กับสงครามสมาร์ทโฟน

  • การตัดช่องหูฟัง 3.5 ออกไปส่งผลกระทบทันที เพราะหากต้องชาร์จแบตก็ฟังเพลงไม่ได้ หรือไม่ก็ต้องไปหาหูฟัง bluetooth มาใช้แทน
  • ขนาดตัวเครื่องพอๆ กับตัว P10 Plus แต่เมื่อเทียบกับ S8+ ตัวนั้นจะยาวแต่ผอมกว่า
  • iPhone 7 Plus ใช้กล้องหลังคู่ตัวแรกของ Apple นูนขึ้นมาเล็กน้อย ตัวเลนส์ที่ซูม 2X ถาพที่ได้จากการซูมไม่ต่างจาก S8+ ในตัวเลนส์ซูมนั้นจะไม่มีกันสั่นภาพที่ได้อาจจะเบลอต้องถือดีๆ เมื่อเทียบกับ 6s Plus สีจืดเล็กน้อยแต่ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น
  • ลำโพงสเตอริโอที่ให้เสียงดังกว่า 6s Plus
  • ระบบกันน้ำกันฝุ่นดีกว่า P10 Plus ที่มีก็เหมือนไม่มี แต่มาตรฐานใกล้เคียงกับตัว S8+
  • ปุ่มโฮมของ iPhone 7 Plus ใช้การสั่นทำให้รู้สึกเหมือนเรากดลงไปต่างจาก S8+ ที่อยู่บนหน้าจอเลยอันนี้อยู่ที่คนชอบครับ
  • แบตเตอรี่ iPhone 7 Plus ถึงในแง่ความจุจะน้อยแต่ใช้งานได้ยาวนานเกือบทั้งวัน หากใครใช้งานน้อยๆ อาจมีทะลุไปสองวันได้

ตอนเปิดตัวเรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควรเลยทีเดียว และเป้นรุ่นที่ทำยอดขายได้ดีมากๆ รุ่นนึง ด้วยมนต์กล้องคู่ที่ซูมได้ 10x (ถึงแม้จะเป็นดิจิตอลซุมก็เถอะ) และโหมด Portrait ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ รวมถึงกล้องคู่และพลังเสียงสเตอริโอซึ่งดูเหมือนจะเป็นการยกเครื่องครั้งใหญ่ของ Apple บน iPhone 7 Plus แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งใหม่ที่แฟนๆ ของ iPhone ต่างรอคอยการมาของมัน แต่ในฝั่งของ Android แล้ว ฟีเจอร์เหล่านี้ไม่ได้มีอะไรใหม่หรือแหวกแนวเลย ในสายตาของแฟนๆ iPhone 7 Plus อาจจะถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และคือสุดยอดของมือถือที่ต้องหามาใช้งาน แต่ในการทดสอบหลายๆ อย่าง เช่นภาพถ่ายต่างๆ พบว่าแทบจะยังไม่มีการพัฒนาจาก iPhone 6s หรือรุ่นก่อนๆ ไปสักเท่าไหร่ คือถือว่าทำได้ดีในตระกูล iPhone แต่พอไปเทียบกับ Pixel, S8+ หรือ P10 Plus นั้นสู้ไม่ได้ เรียกว่ากำลังค่อยๆ พ่ายแพ้ในตลาดโลกที่หลายๆ ค่ายต่างเร่งพัฒนาและหาจุดขายใหม่ๆ ให้กับสมาร์ทโฟนของตนเอง อาจจะเหลือเพียงคำว่าระบบ iOS และโลโก้ Apple ให้สาวกเก็บไว้ภาคภูมิใจเงียบๆ