มือถือจอโค้งนั้นมีอยู่จริงๆ และมันกำลังจะเข้ามาขายในไทยเร็วๆ นี้ กับเจ้า LG G Flex สมาร์ทโฟนที่ไม่ได้โค้งเพียงแค่หน้าจอ แต่อุปกรณ์ภายในอย่างแบตเตอรี่ก็โค้งงอตามไปด้วย โดยตอนนี้เปิดราคาจองตามร้านมือถือชั้นนำกันไปแล้วเบาะๆ แค่ 24,990 บาทเท่านั้น

แต่ต้องบอกก่อนว่า เครื่องรีวิว LG G Flex ของเรานั้นเป็นเครื่องเกาหลี เมดอินกิมจิแลนด์นะครับ ถ้าถามว่ารูปลักษณ์หน้าตาและสเปคต่างกันไหม บอกได้ว่าไม่ต่าง เพราะใช้ Hardware ชุดเดียวกัน แต่ในเรื่องของซอฟต์แวร์น่าจะมีต่างกันนิดหน่อย ประกอบกับมีเวลาลองเล่นเครื่องไม่นาน เลยขอทำเป็นมินิรีวิวเน้นไปที่เรื่องฟีเจอร์และความรู้สึกต่อ G Flex ละกัน ว่าแล้วเราลองมาดูกันเลยว่าเจ้ามือุือจอโค้งตัวนี้มันมีอะไรดีหรือโดดเด่นด้านไหน ทำไมตั้งราคามาสูงเอาเรื่องซะขนาดนี้

สเปค LG G Flex

  • Android 4.2.2 Jelly Bean
  • CPU Qualcomm Snapdragon 800 2.3 GHz quad-core
  • GPU Adreno 330
  • หน้าจอ 6 นิ้ว Curved P-OLED ความละเอียด HD 720p
  • หน่วยความจำภายใน 32 GB (ไม่มีช่อง microSD)
  • RAM 2 GB
  • กล้องความละเอียด 13 MP / LED Flash
  • กล้องหน้าความละเอียด 2.1 MP
  • แบตเตอรี่ 3500 มิลลิแอมป์
  • NFC
  • Bluetooth 4.0
  • WiFi a/b/g/n/ac
  • IR blaster

 

เริ่มจากดีไซน์ของตัวเครื่องที่ถ่ายจากมุมนี้แล้วชวนให้นึกถึง Galaxy Nexus แต่ต้องบอกว่า LG G Flex ใหญ่โตและอลังการกว่ามาก ที่เห็นเป็นช่องสี่เหลี่ยมบริเวณขอบตัวเครื่องนั่นคือช่องถาดใส่ไมโครซิมครับ ต้องเอาเข็มทิ่มให้ถาดมันเลื่อนออกมาตามระเบียบ

หน้าจอของ LG G Flex นั้นใช้วัสดุเป็น P-OLED ซึ่งสามารถทำให้โค้งงอได้ และตัวหน้าจอนั้นยึดติดกับกระจกหน้า ตัวเครื่องสามารถทนแรงกดทับได้กว่า 30 กิโลและจะไม่มีการเสียรูปทรง พูดง่ายๆ ว่าถ้าเรากดให้มันแบน มันก็จะกลับมางอได้อย่างเดิมตามในคลิปที่เราเคยเห็นก่อนหน้านี้ครับ

 

พอร์ทต่างๆ ของ LG G Flex นั้นอยู่ด้านล่างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น micro USB หรือ ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม 

 

ส่วนด้านหลังนั้นก็มีปุ่ม Rear key, กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล , ไฟ LED flash, และ IR Blaster สำหรับใช้เป็นรีโมทเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ 

ส่วนฝาหลัง Self Healing ที่เป็นพลาสติกนั้นมีการเคลือบสารลดริ้วรอยเอาไว้ด้วย คือพวกรอยขนแมว หรือเส้นบางๆ มันจะค่อยๆ เลือนหายไป แต่ไม่ใช่เอามีดมาขูดเป็นแผลลึกๆ แล้วมันจะกลับมาเนียนกิ๊งเหมือนเดิมนะครับ อันนั้นมันรักษาไม่ได้ แต่ดูเหมือนเจ้าสารตัวนี้มันเป็นตัวเรียกฝุ่นอยู่นิดหน่อย คือฝุ่นมันจะชอบมาเกาะครับ ต้องคอยปัดออกเรื่อยๆ 

 

พูดถึงตัวเครื่องกันไปหมดแล้ว ลองมาดูฟีเจอร์ของเจ้า LG G Flex กันบ้างดีกว่า อันดับแรกเป็นฟีเจอร์ใหม่ขอนำเสนอ มันเรียกว่า Q Theater คือจากหน้าจอ Lock Screen หลังจากที่เราเคาะป๊อกๆ ด้วย Kock On ให้มันติดขึ้นมาแล้วนั้น ให้เราเอา 2 นิ้วไปทำการถ่างออก ฟื้ด~

 

เหมือนรูดม่านเปิดโรงหนัง หน้าจอ Q Theater ก็จะปรากฎขึ้นให้เราสามารถดูรูปหรือเปิดวิดีโอเล่นจากหน้านี้ได้ในทันที (ถ้าอ่านแล้วงง ไว้ไปดูคลิปรีวิวด้านล่างครับ)

 

ต่อมาตัว Q Slide อันนี้คงไม่ต้องอธิบายมาก เพราะมีมาหลายรุ่นแล้ว ที่สามารถนำ Q Slide Apps มาเปิดเป็นหน้าต่างเล็กๆ บนหน้าจอได้หลายๆ อัน

 

Slide A Side ฟังก์ชั่นพักแอปที่เปิดอยู่ที่พัมนาขึ้นเมื่อตอน G2 ก็ตามติดมาด้วย ใช้ 3 นิ้วลากแอปไปพักที่ด้านข้าง แล้วเรียกขึ้นมาทำงานใหม่ได้ บอกตามตรงว่าเป็นฟังด์ชั่นที่ผมไม่เคยใช้เลยจริงๆ คือด้วยคอนเซ็ปท์มันดูดีนะ แต่เอาเข้าจริงๆ เรียกหน้า Recent App แล้วไวกว่า 

 

ต่อมาคือ Dual Window การแบ่งหน้าจอให้ใช้งานได้ 2 แอป ซึ่งถ้าเป็น samsung จะเรียกว่า multi window อิอิ ฟังก์ชั่นนี้เพิ่งจะมีบน LG G Flex เป็นรุ่นแรก และเป็นครั้งแรกของ LG ด้วย วิธีการใช้งาน Dual Window เราก็ต้องทำการกดปุ่ม Back ค้างเอาไว้ เพื่อเรียกหน้านี้เริ่มต้นของ Dual Window ออกมา

 

จากนั้นก็เลือกแอปที่ต้องการ ลากขึ้นด้านบนแอปนึง ลากลงไปที่ด้านล่างอีกแอปนึง

 

ชะแว้ง! แบ่งเป็น 2 จอได้แล้ว ข้อเสียคือไม่ใช่ทุกแอปจะรองรับ Dual Window ส่วนข้อดีคือมันรองรับ LINE แอปที่มวลมหาประชาชนคนไทยติดกันงอมแงมนั่นเอง

 

ส่วนกล้อง 13 ล้านพิกเซลนั้น หลายคนอาจจะคิดว่ามันใช้โมดูลกล้องตัวเดียวกับ LG G2 อันนี้ต้องบอกว่าผิด เพราะกล้องของ LG G Flex นั้นไม่มีระบบกันสั่นหรือ OIS ติดมาด้วยนะครับ ถ้าใครที่เคยใช้ G2 แล้วมันถ่ายรูปง่ายมากๆ ไม่ค่อยสั่นลองได้มาจับ G Flex แล้วจะรู้สึกว่ามันต่างกันนิดหน่อยในเรื่องของภาพที่อาจจะไหวได้ง่ายขึ้น แต่เรื่องของโทนสี ความคม นั้นต้องบอกว่าพอๆ กันกับ LG G2 ระบบ multi focus ทำงานได้เร็วเช่นเคย แต่แอบติดโรคโฟกัสในที่แสงน้อยช้าจาก G2 มาด้วยซะงั้น (ตัวอย่างภาพถ่ายอยู่ด้านล่างครับ)

 

ส่วนนี่เป็นโหมดถ่ายวิดีโอแบบใหม่ ที่เรียกว่า Tracking Zoom คือเราสามารถเลือกซูมส่วนใดส่วนหนึ่งของวิดีโอที่เราถ่ายอยู่ได้ครับ เช่นในภาพนี้ผมเลือกซูมไปที่โลโก้บนกล่อง แล้วมันก็จะขยายให้ดูที่ช่องซูมภาพ เราสามารถปรับช่องซูมภาพไปไว้ตรงไหนของจอก็ได้ แถมเลือกกรอบได้อีกด้วย

 

== Video Review LG G Flex ==

Play video

 

== ตัวอย่างภาพถ่ายจาก LG G Flex ==

 

สรุปส่งท้ายสำหรับ LG G Flex นั้นจุดแรกที่ผมประทัยใจมากๆ เลยคือเรื่องของแบตเตอรี่ ตอนใช้ LG G2 ว่าอึดแล้ว เจอแบต G Flex ที่ก้อนใหญ่เดิมกว่ายิ่งอึดขึ้นไปอีก เสียงลำโพงดังกว่า G2 อีกนิดหน่อย การใช้งานลื่นไหลไม่ติดขัดเลยแม้แต่น้อย 3 วันที่ได้จับมาไม่เคยเจออาการ restart

ส่วนข้อเสียที่เจอกันแรกๆ น่าจะเป็นเรื่องของขนาดเครื่อง 6 นิ้วต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยพอสมควรกว่าจะชินมือ ด้วยตัวเครื่องที่ใหญ่ขึ้นการใช้งาน Rear key ในบางครั้งรู้สึกยากไปหน่อย โดยเฉพาะถ้าจะใช้เป็นชัตเตอร์ถ่ายภาพ มันจะออกอารมณ์กลัวจะจับเครื่องไม่อยู่ อีกส่วนนึงคือหน้าจอที่หากปรับแสงลงต่ำกว่า 30% (ผมโรคจิต ชอบตั้งค่าความสว่างจอไว้ต่ำๆ แหะๆ) จะเห็นเม็ดพิกเซลลักษณะคล้ายๆ พวกจอ AMOLED ที่เป็น Pentile ตอนที่หน้าจอเป็นสีเทามันจะมีลักษณะเหมือนรอยเปื้อนๆ ครับ แต่ถ้าปรับความสว่างขึ้นมาสัก 40% หน้าจอก็จะใสกิ๊งสวยเหมือนเดิม

ใครอ่านรีวิวแล้วสนใจ อยากจอง ลองไปสอบถามดูได้ครับ ผมไม่รู้ว่าในงาน Thailand Mobile Expo ที่ผ่านมา LG ได้ยอดจอง G Flex ไปกี่เครื่อง ไม่รู้โคสต้าเต็มหรือยังด้วยนะครับ ยังไงลองเช็คกันดูอีกที