แม้ว่าการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ใบใหม่จะยังไม่มี แต่ว่าทาง Dtac ก็อาจจะมีข่าวดี ได้รับคลื่นความถี่เพิ่มเติมขึ้นอีกถึง 20MHz (เยอะกว่าที่ประมูลกันก่อนหน้าที่ใบอนุญาตละ 15MHz) จากสัมปทานเดิมที่มีอยู่กับ กสท. (CAT) โดยเตรียมเข้าหารือดีลนี้กันในวันจันทร์หน้า พร้อมกับแสดงท่าทีสนใจเข้าประมูลคลื่น 900MHz อีกรอบกรณี JAS ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้ตามกำหนด

 

สำหรับคนที่ไม่ทราบเรื่องสัมปทานของ Dtac – CAT ขอสรุปให้เข้าใจง่ายๆสั้นๆดังนี้นะครับ

Dtac ได้สัมปทานคลื่น 1800MHz มาจาก CAT มาตั้งแต่สมาร์ทโฟนยังไม่แพร่หลายในโลกใบนี้ ความจำเป็นที่จะต้องใช้คลื่นจำนวนมากๆก็ยังไม่มี แต่ตอนนั้นก็ได้คลื่นมาจำนวนมากถึง 50MHz …มากขนาดที่ทั้งคู่ตกลงกันว่า Dtac จะขอใช้เพียง 25MHz ก่อนก็พอ อีก 25MHz ขอฝากเอาไว้ที่ CAT เอาไว้ทำเป็น Guard Band จนเมื่อคราวประมูลคลื่น 1800MHz ครั้งที่ผ่านมา Dtac ก็ขอทำเรื่องให้คืนคลื่น 5MHz จากส่วนที่ CAT ถืออยู่กลับเข้าไปให้คนประมูลได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และตอนนี้พวกเค้าก็ทำเรื่องขอนำเอาคลื่นอีก 20MHz ที่เหลือนี้ออกมาใช้งานนั่นเองครับ

*ข้อมูลที่ขีดเส้นใต้เอาไว้เดี๋ยวขอเช็คความถูกต้องอีกทีนะ

 

สำหรับคนที่ใช้งาน Dtac อยู่(หรือถือหุ้นของบริษัท) อาจจะคิดว่าหากทั้งสองข่าวนี้เป็นจริงขึ้นมา น่าจะทำให้การใช้งานดีขึ้นทันตา หรือบริษัทมีความมั่นคงขึ้นแล้วล่ะก็ อยากให้ศึกษาข้อมูลกันเพิ่มเติมดีๆก่อนนะครับ เพราะ

1. คลื่น 1800MHz อีก 20MHz ที่ “อาจจะ” ได้จาก CAT นั้น สัมปทานยังคงหมดอายุลงในปี 2561 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้าอยู่ดี และการมีคลื่นความถี่กว้างขึ้น ไม่ได้หมายความว่าสัญญานของ Dtac จะดีขึ้นทันที เพราะความถี่ที่มากขึ้นก็จะเหมือนขยายถนนให้มีอยู่แล้วให้มีเลนเพิ่ม รถ(สัญญาน)วิ่งได้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่ตรงไหนที่ไม่มีสัญญาน ก็จะยังไม่มีเหมือนเดิมอยู่ดี ซึ่งปัญหาของ Dtac ณ ตอนนี้จะไม่ใช่เรื่องถนนมีเลนเล็กเกินไป แต่เป็นถนนตัดผ่านได้ไม่ครอบคลุมมากกว่า ซึ่งหลายๆคนก็คาดว่า Dtac ไม่ค่อยอยากจะขยายเพิ่มเติมสักเท่าไหร่เพราะสัมปทานจะหมดลงในอีก 3 ปีข้างหน้านั่นเอง

2. กรณีที่ JAS ไม่จ่ายเงินค่าใบอนุญาตคลื่น 900MHz และ Dtac เข้าไปร่วมประมูล ได้ใบอนุญาตนี้ไปแทน อันนี้ดูจะดูดีมีภาษีหน่อย เพราะมีคลื่นใช้งานยาวๆ 15 ปี เป็นคลื่นความถี่ต่ำส่งสัญญานได้ไกล ใช้เงินลงทุนต่ำ Dtac เองก็น่าจะมีความมั่นใจในการลงทุนเครือข่ายมากขึ้น แต่การมีหนี้สินสูงถึง 75,000 ล้านบาท ก็น่าจะภาระอันหนักอึ้งของบริษัทไม่น้อยเช่นกั เพราะปัจจุบันบริษัทกำลังประสบปัญหารายได้ลดลง กำไรหดหาย ถ้าต้องมีหนี้สินเพิ่มและลงทุนเรื่องเครือข่ายเพิ่มอีก ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีขนาดไหนเช่นกัน ขนาดในปัจจุบันไม่มีหนี้สิน ยังมีการลงทุนน้อยกว่า AIS และ Truemove ประมาณ 1.5-2 เท่าอยู่เลยครับ

อย่างไรก็ดี ความน่าเป็นห่วงที่ว่าเอาไว้ข้างต้นก็ไม่ใช่ปัญหาเท่ากับการสัมปทานหมด และไม่มีคลื่นให้ใช้ มีเอาไว้ก่อนยังไงก็ดีกว่าแหละ ใครตุนหุ้น Dtac เอาไว้ตอน 30 บาท ตอนนี้ก็คงอิ่มหมีพีมันกันเลยล่ะคร้าบบบบบ

 

ที่มาของข่าวในย่อหน้าแรกจาก efinance