บินไปสัมผัส LG G5 ตัวเป็นๆ ในงาน Mobile World Congress ทีสเปนมาแล้ว เลยมาบอกเล่าประสบการณ์มือถือแบบ Modular ที่สามารถเลือกชิ้นส่วนมาประกอบได้เป็นรุ่นแรกๆ ของโลก หลังจาก Google พยายามผลักดัน Project ARA และค่ายอื่นๆ ก็เริ่มสนใจ แต่ LG G5 ก็เป็นค่ายแรกที่้สามารถผลิตออกมาขายจริงในที่สุด ส่วนนึงอาจจะเพราะ LG เลือกถอดเปลียนแค่ชิ้นเดียวซึ่งง่ายกว่าแบบหลายๆ ชิ้นแน่ๆ

เอาละครับ ลองมาดูกันว่า LG G5 ที่หลายเวบจากต่างประเทศยกให้เป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจที่สุดในงานนี้จะเป็นอย่างไร

ในส่วนของสเปคผมคงไม่กล่าวถึงมาก เพราะมีเขียนไปแล้วในงานเปิดตัว LG G5 นะครับ

กว่าจะได้จับเครื่องต้องเบียดเสียดผู้คนเยอะมาก เพราะนอกจาก Galaxy S7 / S7 Edge ก็มี LG G5 นี่แหละที่เป็นไฮไลท์ของงาน MWC ในครั้งนี้ ยังไม่รวม Xperia X / XA ก็เป็นอีกที่ที่คนเพียบเช่นกัน แต่นั่นเอาไว้เล่าในบล็อคถัดไป

LG G5 เปิดตัวมาพร้อมกัน 4 สีแบบชื่อจำง่าย เงิน (Silver),ชมพู (Pink), ทอง (Gold), ไททาเนียม (Titan) ซึ่งแต่ละสีนั้นเฉดจะอ่อนๆ คือไม่เข้ม ออกแนวพาสเทลเลยก็ว่าได้

เรื่องงานดีไซน์นั้นหลายๆ คนบอกว่า LG G5 มันดูคล้ายกับ Nexus 5X แต่ผมว่าด้านหน้ามันเหมือนเอา LG G3 มาปรับดีไซน์ใหม่ เพราะครึ่งท่อนล่างนั้นคล้ายกันมากทีเดียว ส่วนท่อนบนที่เป็นกระจกโค้งไปด้านหลังนั้นผมว่ามีความึคล้ายคลึงกับ LG รุ่นก่อนๆ ที่มีดีไซน์หัวโค้งอย่าง GW620 แอนดรอยด์รุ่นแรกของค่าย 

ส่วนด้านหลังนั้นก็โอเค มีความเหมือนกับ Nexus 5X อยู่พอสมควร แต่วัสดุที่ฝาหลังนั้นเป็นโลหะทั้งชิ้นเลย เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใช้ดีไซน์เดียวกันเลยและอยู่ในตำแหน่งที่กดง่าย ระยะห่างจากของกล้องคู่ Dual Camera พอสมควร คือไม่กดผิดไปโดนกล้องง่ายๆ แน่ โดยปุ่มเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือนั้นจะใช้ร่วมเป็นปุ่ม Power ไปในตัวกดเพื่อ เปิด/ปิดหน้าจอได้ ส่วนปุ่มปรับเสียงนั้นย้ายออกมาไว้ด้านข้างตัวเครืองแทน

หน้าจอมีขนาด 5.3 นิ้ว ความละเอียด QHD ที่เห็นในภาพคือหน้าจอ Always On ของ LG G5 ที่เราสามารถเลือกเปิดหรือปิดได้ในการตั้งค่า ซึ่งการทำงานของมันไม่ได้กินแบตเตอรี่มากมายนักด้วยระบบประหยัดพลังงานของ Snapdragon 820 ในการแสดงผลหน้าจอแบบขาวดำ โดยทาง LG เคลมว่าหนึ่งชัวโมงจะกินแบตแค่ 0.3 – 0.8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะมี notification เด้งมารัวแค่ไหน

กล้องคู่ Dual-camera 16MP + 8MP นั้นมาพร้อมกับความสามารถที่โดดเด่นน่าสนใจมากๆ อันนึงคือ Ultra Wide โหมด ที่พอเปิดแล้วมีตะลึง โดย LG ให้คำจำกัดความง่ายๆ ว่ามันคือ 2X Zoom Out เป็นความสามารถที่ไม่มีกล้องมือถือในปัจจุบันทำได้ ไว้เดี่ยวไปดูตัวอย่างภาพด้านล่างกัน

UI / UX ของ LG G5 ก็มีการปรับหน้าตาไปพอสมควรครับ อย่างแรกที่สังเกตุเห็นได้จากภาพแรกของบล็อคคือ App drawer สัญลักษณ์ของ Android หายไปแล้ว (มีข่าวว่าใน Android N ก็อาจจะไม่มี App drawer แล้วเช่นกัน) ฟีเจอร์ต่างๆ ที่เคยมีรกๆ ตระกูล Q อย่าง Q slide Q ทั้งหลายโดนลบทิ้งไปเกลี้ยง เพิ่มความลื่นไหลให้กับการใช้งานมากขึ้น ปุ่ม setting และการตั้งค่าต่างๆ ถูกปรับเปลี่ยนใหม่หมด อันนี้ดูดีงามขึ้น

บอกตามตรงตอนผมมอง LG G5 มันดูไม่ได้สวยโดดเด่น และไม่ได้มีเสน่ห์ทางสายตามากนัก แต่ความรู้สึกโดยรวมเวลาจับเครื่องขึ้นมาถือใช้งานกลับต่างออกไป คือมันเข้ามือ มันลงตัวทั้งขนาดและดีไซน์ ถามว่าพอได้จับแล้วมันสวยขึ้นมั้ย.. ก็ไม่ได้สวยขึ้นเลยครับ ฮ่าๆ แต่ก็เป็นอีกเครื่องที่ต้องแนะนำว่าอย่าตัดสินด้วยสายตาและรูปลักษ์ภายนอกก็ว่าได้ ต้องได้ลองสัมผัสก่อน

มาถึงช่วงไฮไลท์ของมัน LG G5 กับผองเพื่อน Module ทั้ง LG Cam Plus และ LG HiFi Plus กันบ้าง 

ฝาท้ายของ LG G5 นั้นเป็นพลาสติก มีปุ่มล็อคที่ด้านข้างเมื่อเราประกอบเข้าไปแล้วมันก็จะล็อคติดอยู่ข้างใน หล่นแล้วไม่แตกกระจายแยกร่างเหมือนที่คิดไว้ในตอนแรก (แต่ถ้าตกจากที่สูงมากๆ ผมว่าก็ไม่แน่) ส่วนการจะถอดออกนั้นก็ต้องกดปุ่มลงไปแล้วสไลด์เลื่อนมันออกมา

แท่งเหลืองยาวๆ นั่นคือแบตเตอรี่ครับ แน่อนว่าถอดแบตออกมาแบบนี้เครื่องดับแน่นอน น่าจะเป็น design flaw หรือการออกแบบที่พลาดไปนิดนึง คือผมเองก็มองว่าถ้าจะมีแบตข้างในเหลือไว้พอให้ถอดแบตได้สัก 5-10 นาทีก็คงจะดีและสมบูรณ์กว่านี้ แต่เอาเถอะถือว่าให้อภัยเพราะยังเป้นรุ่นแรก และได้ขนาดนี้ก็เจ๋งมากแล้ว ^ ^

พอถอดไส้ออกมา่แล้ว LG G5 ก็ดูไม่ต่างจากเคสเปล่าๆ เลยครับ คิอข้างในมันโล่งๆ เบาๆ ไปเลย ฮ่าๆ ช่องดำ ทางซ้ายที่เห็นคือช่องแบตเตอรี่ ส่วนทางขวาที่เห็นเป็นแผงวงจรเล็กๆ นั่นคือจุดเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่เสียบเพิ่มเข้ามาแทน

เวลาแกะแบตก็มีท่าที่ถูกต้องด้วยนะครับ คือต้องปลดออกมาจากมุมนี้ในด้านข้างเท่านั้น ไม่งั้นจะแกะออกยากมากและเสี่ยงขาหัก แต่เวลาใส่นั้นกดเข้าไปตรงๆ ได้เลย

ส่วนของ LG HiFi Plus นั้นได้ร่วมมือกับทาง B&O หรือ Bang & Olufsen ในการผลิต DAC (Digital Audio Converter) ตัวนี้ขึ้นมา เพื่อขับเสียงให้ทรงพลังมากขึ้น ที่ด้านล่างก็จะมีช่องเสียบหูฟังที่ผ่าน HiFi Plus ออกมาอีกช่องหนึ่ง

ในงานมีสเตชั่นเครื่องเสียบ HiFi Plus พร้อมหูฟัง B&O ประมาณ 10 เครื่องให้เดินลองฟังได้เลย แต่น่าเสียดายตรงที่เพลงใน้เครื่องมีน้อยมากที่เห็นเยอะสุดคือมี 3 เพลงแล้วเป็นเพลงคลาสสิคเก่าๆ ด้วย คือเพลงต้นฉบับผมยังไม่เคยฟังเลย มาฟังแบบ Hi-Res ก้เลยอธิบายาก แต่ที่สังเกตุได้บ้างคือความใสและมิติที่มากขึ้น ที่ผิดหวังคือบางเครื่องมีแต่เพลง Ringtone LG เวอร์ชั่นยาวที่เป็น Hi-Res เพราะฉะนั้นเลยไม่มีคนลองฟังแบบตั้งใจสักเท่าไหร่ 

ส่วนนี่ LG Cam Plus มาเติมเต็ม LG G5 ให้ดูเป็นกล้องมากขึ้น ด้วยกริปที่ช่วยให้จับมือเดียวได้ถนัดมากขึ้น เพราะตอนแรกที่จับเครืองเปล่าๆ ขึ้นมาถือถ่ายรูปด้วยมือเดียวนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะเครื่องทั้งบางและขอบโค้งทำให้พิ้นที่จับน้อยลงและลื่นจะหลุดมือเอาง่ายๆ (แต่จับสองมือไม่เป็นปัญหา)

เมือ่ประกอบร่าง LG G5 กับ LG Cam Plus แล้วเราจะได้ปุ้มต่างๆ สำหรับการใช่งานให้ดูเป็นกล้องมากขึ้น ทั้งปุ่มสไลด์ด้านล่างเพื่อเปิดเข้ากล้องแบบทันที มี jog-dial เลื่อนปรับระยะซูม ปุ่มชัตเตอร์ 2 จังหวะ และปุ่มเลกๆ กลมๆ เป็นปุ่มอัดวิดีโอ

เห็นได้ชัดๆ จากภาพว่าต่อ Cam Plus แล้วจับสะดวกขึ้นมากมาย ในตัวกริปบวมๆ นั้นยังฝังแบตเตอรี่ให้มาอีก 1,100 มิลลิแอมป์ ด้วย

กล้องหน้า LG G5 นั้นเหมือนจะไม่ได้ปรับอะไรจาก G4 สักเท่าไหร่ ยังคงความละเอียด 8MP และ f/2.0 เหมือนเดิม

กล้องหลังคู่ 16MP f/1.8 + 8MP f/2.4 นั้นไม่ได้เน้นไปที่การโฟกัสภาพและวัดระยะชัดลึกชัดตื้นเหมือนสมาร์ทโฟนรุ่นก่อนๆ ทำกัน แต่ฉีกรูปแบบการใช้งานออกมาเพื่อโหมด Ultra wide ที่เปลี่ยนมุมมองถ่ายภาพเดิมๆ ที่ 75 องศาให้กว้างขึ้นเป็น 135 องศา

ลองสังเกตุความกว้างของภาพดูได้ครับ ว่ามัน wide แค่ไหน กว้างกว่าเดิมระดับ 2 เท่า ใครที่ชอบถ่ายภาพวิวหรือ Landscape งานนี้ฟินมาก

สุดท้ายนี้ใครที่สนใจ LG G5 ก็อาจจะต้องสั่งจากเวบต่างประเทศหรือไม่ก็ต้องรอเครื่องหิ้วกันนะครับ อย่างที่รู้ๆ กันว่า LG ประเทศไทยฝั่งมือถือเค้าปิดพักเบรคยาวกัน 1 ปี กว่าจะกลับมาอีกทีก็โน่น ปลายปีนี้เลยครับ