สวัสดีเพื่อนสมาชิก Droidsans ทุกท่านครับ วันนี้เรามาทำความรู้จัก i-mobile IQ 5.8 DTV สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ 2 SIM รับกระแส Digital TV ของประเทศไทยที่เพิ่งจะมีให้ใช้อย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้ สนนราคาไม่แพงที่ 5,990 บาท โดย i-mobile IQ ในซีรีย์ DTV ถือเป็นสมาร์ทโฟนกลุ่มแรกของไทยที่สามารถรับสัญญาณทีวีดิจิตอลแบบ DVB-T2 ของประเทศไทยได้ พูดง่ายๆคือ เป็นมือถือกลุ่มแรกที่ดูทีวีดิจิตอลของประเทศไทยได้นั่นเอง โดยตัวเครื่องจะมีเสาอากาศรับสัญญาณทีวีดิจิตอลได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องใช้อินเตอร์เน็ตร่วมด้วยในการดูทีวี เราลองมาดูกันว่า i-mobile IQ 5.8 DTV รุ่นนี้ทำอะไรได้บ้างครับ


อะไรอยู่ในกล่อง…

ในกล่องของ i-mobile IQ 5.8 DTV มีอุปกรณ์มาตรฐานทั่วไปและของแถมพิเศษมาให้ด้วยดังนี้

  1. I-mobile IQ 5.8 DTV
  2. คู่มือการใช้งาน
  3. ใบรับประกัน
  4. Adaptor สำหรับชาร์จ ขนาด 5V1A
  5. ฟิล์มกันรอย
  6. ขาตั้ง
  7. Hard case

น่าแปลกที่อุปกรณ์สำคัญหายไป 2 อย่างคือ สาย USB และหูฟัง Smalltalk ที่ปกติน่าจะต้องแถมทุกเครื่อง ไม่ทราบว่าเป็นเฉพาะเครื่องรีวิวที่ได้มาหรือเปล่า ใครที่สนใจจะไปซื้อลองเซ็คของในกล่องดีๆอีกครั้งนะครับ


ว่ากันด้วยเรื่องสเปก…

สเปกของ i-mobile IQ 5.8 DTV นั้นก็ถือว่าค่อนข้างดีสำหรับมือถือราคา 5,990 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • สัดส่วน: 145 x 71.5 x 9 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก: 140 กรัม
  • หน้าจอ: TFT ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด qHD 540 x 960 พิกเซล (บนกล่องเขียนผิดเป็น QHD)
  • เครือข่าย 2 G : GSM 900/1800 (AIS/DTAC/True)
  • เครือข่าย 3 G : WCDMA 850/900/2100 (AIS/DTAC/True/3GX)
  • CPU : Broadcom Quad core ความเร็ว 1.2 GHz
  • RAM : 1 GB
  • หน่วยความจำภายใน : 4 GB เพิ่ม microSD ได้ถึง 32GB
  • กล้องหน้า : 5 ล้านพิกเซล พร้อม Auto focus
  • กล้องหลัง : 8 ล้านพิกเซล พร้อม Auto focus และ Flash
  • แบตเตอรี่ : 2,900 มิลลิแอมป์
  • OS : Android 4.2 Jelly Bean

 

รอบๆตัวเครื่อง

ขนาดของ IQ 5.8 นั้นต้องบอกว่าพอดีสำหรับมือถือที่มีขนาดหน้าจอ 5 นิ้ว ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก และไม่หนัก ความหนานั้นถือว่าไม่มาก การใช้งานมือเดียวก็ถือว่าถนัดสำหรับมือถือหน้าจอขนาดนี้นะครับ ใครมือใหญ่ก็สบายหน่อย คนมือเล็กก็ต้องยืดนิ้วหรือปรับวิธีการถือไปตามสภาพ ซึ่งก็เป็นปกติอยู่แล้วสำหรับมือถือจอใหญ่แบบนี้ คราวนี้มาดูรอบตัวเครื่องว่ามีอะไรบ้าง

ด้านบนของตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรและเสาอากาศสำหรับรับสัญญาณทีวีดิจิตอลที่เราสามารถดึงออกมาได้

 

ด้านขวาจะมีปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิด และปุ่ม Volume Control สำหรับเพิ่มลดเสียงตามมาตรฐานมือถือแอนดรอยด์ทั่วไป

 

ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีช่องไมค์สำหรับสนทนาและช่องเสียบสาย MicroUSB สำหรับชาร์จและโอนข้อมูล

 

ด้านหน้าของตัวเครื่องนอกจากหน้าจอแล้ว ส่วนบนจะมีลำโพงสำหรับสนทนาและกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซลอยู่ ส่วนล่างจะเป็นปุ่มแบบสัมผัสไล่ตามลำดับ ได้แก่ปุ่มเมนู, ปุ่ม Home และปุ่ม Back

 

ด้านหลังประกอบด้วย กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช และไมค์ตัดเสียง ด้านล่างสุดเป็นลำโพงสำหรับเสียงเรียกเข้าและเสียงเตือนต่างๆ

 

พอแกะฝาหลังออกมาเราจะพบช่องใส่ SIM 2 ช่อง โดย SIM 1 นั้นจะเป็น SIM ขนาดปกติและเป็น SIM หลักในการใช้งาน 3G ส่วน SIM 2 เป็น microSIM จะใช้งาน 2G ได้อย่างเดียวครับ นอกจากนั้นก็มีช่องเสียบ microSD เพิ่มเติม ซึ่งรองรับความจุสูงสุด 32GB สุดท้ายคือแบตเตอรี่ขนาด 2900 มิลลิแอมป์ ซึ่งต้องบอกว่าอึดสบายหายห่วงครับ


ระบบสแตนบายด์ 2 SIM

i-mobile IQ 5.8 DTV นั้นรองรับการใช้ 2 SIM แต่คนละขนาดกัน SIM 1 เป็น SIM ธรรมดา ส่วน SIM 2 เป็น microSIM เวลาหา SIM มาใส่ก็อย่าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแบบเดียวกันนะครับ จะให้ดีก็ซื้อตัวแปลง SIM มาเก็บไว้ใช้ก็ดีเผื่อจำเป็นต้องสลับไปสลับมา โดยระบบสแตนบายด์สามารถรอรับสายได้พร้อมกันทั้ง 2 SIM เหมือนทั่วๆไป ถ้ามีการใช้งานสายใดสายหนึ่งอยู่ แล้วมีคนโทรเข้าอีกสายจะกลายเป็นเป็นสายไม่ว่าง สำหรับเครือข่ายที่รองรับนั้นดูแปลกๆ สักนิดเหมือนขนาด SIM ถ้าเป็น 3G สามารถใช้งานได้ทุกเครือข่ายของประเทศไทยเพราะรองรับ 850, 900 และ 2100 แต่ถ้าเป็น 2 G นั้นจะรองรับ Dual-band บนคลื่น 900/1800 เท่านั้น ใครสนใจรุ่นนี้ก็ลองช่างน้ำหนักดูเพราะบางคลื่นของผู้ให้บริการนั้นจะหมดอายุสัมปทานแล้ว เมื่อถึงวันนั้นอาจจะเหลือตัวเลือกให้ใช้น้อยลง SIM ที่จะใช้งาน 3G นั้นต้องเสียบในช่อง SIM1 ส่วน SIM2 นั้นจะรองรับการใช้งานแบบ 2G เท่านั้น ดังนั้นอย่าลืม เสียบให้ถูกรู ด้วย

การเข้าไปจัดการ SIM นั้นให้เข้าไปที่ Settings แล้วเลือกเมนู “SIM management” ซึ่งเราสามารถเปิด-ปิด SIM และเลือก SIM ที่จะใช้งานในเรื่องต่างๆ ทั้งการโทร, การส่งข้อความ และการเชื่อมต่อข้อมูลได้ในหน้านี้ จากรูปด้านบนผมใส่ SIM ของ True เป็น SIM 1 และ AIS เป็น SIM 2 โดยรูปทางด้านซ้ายนั้นผมเลือกใช้อินเตอร์เน็ตของ True จาก SIM 1 หนึ่งเป็นหลัก จะเห็นเป็นสัญลักษณ์ H+ ขึ้นบน SIM 1 ส่วนรูปด้านขวาผมเลือกใช้อินเตอร์เน็ตของ AIS จาก SIM 2 จะเห็นเป็นสัญลักษณ์ E คือ Edge และตัว R บนขีดสัญญาณ SIM 2 คือ Roaming หมายความว่า ตอนนี้สัญญาณของ SIM 2 กำลัง Roaming ไปที่คลื่น 900 ของ AIS อยู่ครับ

นอกจากนั้นเรายังสามารถเลือก SIM ที่จะใช้ในการโทรออกได้ด้วยครับ โดยในรูปผมเลือกเป็น Always ask หมายความว่าตอนโทรออกจะเลือกอีกทีว่าต้องการใช้ SIM พอเราเข้าไปในหน้าแป้นตัวเลขเพื่อโทรออก จะเห็นว่ามีปุ่มโทรอยู่ 2 ปุ่ม อยากโทรออกด้วยเบอร์ไหนก็กดปุ่มนั้นเลยครับ


ต่อกันที่เรื่อง Software …

IQ 5.8 นั้นมาพร้อมกับ Android 4.2.2 Jelly Bean โดยไม่ได้มีการปรับแต่ง UI ของระบบมากนัก ที่เห็นก็แค่เปลี่ยนไอคอนต่างๆ ในหน้า Settings ให้ดูมีสีสันมากขึ้นเท่านั้น โดยรวมมันก็คือ Stock Android นี่แหละ ทั้งตัว Launcher และ Settings ของระบบเลย แต่ทาง i-mobile เองก็มี Pre-load app หลายๆตัวเข้ามาใน ROM เลย โดยไม่ต้องไปติดตั้งจาก Play Store เอง พวก app ที่เป็น Social Network ได้แก่ Line, Facebook, Skype, Twitter และ WhatsApp มากันครบ ส่วน app อื่นๆ ที่แถมมานั้นมีอีกหลายตัว เช่น บทสวดมนต์, เซียมซีแว้น, Content Café, EDTguide หรือ Sanook for i-mobile

 

โดยส่วนตัว App ที่ผมเห็นว่าน่าสนใจจริงๆก็คือ i-mobile TSquare ซึ่งเป็น App แผนที่ที่สามารถบอกสภาพการจราจรได้ โดยแบ่งระดับความหนาแน่นของการจราจรเป็น 3 สีคือ แดง, เหลือง และเขียว ในแผนที่ยังแสดง POI ร้านอาหารจาก database ของ Wongnai อีกด้วย นอกจากนั้นยังสามารถกดดู CCTV สภาพการจราจรตามจุดสำคัญได้ด้วย


Digital TV…

แน่นอนจุดเด่นและจุดขายของมือถือรุ่นนี้คือ การดูทีวีดิจิตอลแบบใช้เสาอากาศได้เลย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติมทั้งสิ้น โดยการใช้งานจะต้องทำผ่าน app ที่ชื่อว่า “Digital TV” ในขั้นตอนแรกนั้นเราจะต้องเข้าไปในส่วน Settings แล้วเลือกที่ Channel Scan เพื่อทำการเลือกช่องสัญญาณของประเทศที่เราต้องการ ในกรณีนี้คือ “ประเทศไทย” หลังจากนั้นก็กดปุ่ม Scan เพื่อหาช่องทีวีดิจิตอลของประเทศไทยได้เลย

ผลลัพธ์ที่ได้จากการสแกนหาช่องนั้นจะขึ้นอยู่กับพื้นที่เราอยู่ขณะนั้นว่ามีระดับสัญญาณของแต่ละช่องดีแค่ไหน อย่างในภาพผมทำการสแกนในตึกที่ทำงานของผมเองปรากฎว่าเจอ 16 ช่องครับ หลังจากสแกนเสร็จก็กดกลับมาที่ “Live TV” เพื่อดูทีวีกันได้เลย

รูปด้านบนจะเป็นส่วน Live TV ที่ให้เรากดเลือกดูช่องที่ต้องการ โดยจะแสดงชื่อรายการในขณะนั้นขึ้นมาให้ดูด้วย ส่วน EPG หรือ Electronic Program Guide นั้นเป็นผังรายการของแต่ละช่อง ที่ให้เรากดดูได้ว่าแต่ละช่วงเวลามีรายการอะไรบ้าง ซึ่งต้องบอกว่ามีเพียงบางช่องเท่านั้นที่แสดงผังรายการ บางช่องก็ยังไม่มี

สำหรับคุณภาพของภาพที่ได้นั้นต้องบอกว่า “ชัดหายห่วง” นี่คือศักยภาพของของทีวีดิจิตอลอย่างแท้จริง แต่มีข้อแม้ว่าเราต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณดีพอ ไม่งั้นก็ “ดูไม่ได้” เลยครับ ลักษณะของภาพไม่ชัดของทีวีดิจิตอลนั้นเหมือนกับเราเปิดดูไฟล์วิดีโอ ที่ไม่สมบูรณ์ จะเกิดอาการภาพแตกเป็นเม็ดพิกเซลหรือหยุดนิ่งไปเลย จะไม่เหมือนกับทีวีอนาล็อกที่ภาพจะเป็นคลื่นสีขาวๆ ขึ้นมารบกวนแต่ก็ยังพอดูได้ ตัวอย่างภาพไม่ชัดของทีวีดิจิตอลดูได้จากด้านล่างเลยครับ

 

ภาพด้านล่างจะเป็นส่วนของ Player ที่ใช้ในการดูทีวี โดยแถบจะแสดงชื่อช่อง,ระดับแบตเตอรี่ และระดับสัญญาณของช่องนั้น ส่วนด้านล่างจะมีส่วนการปรับความดังของเสียง, ตัว i สำหรับดูข้อมูลเชิงเทคนิค, ปุ่นปรับขยายภาพเต็มจอ และสุดท้ายเป็นปุ่มเลือกสัญญาณเสียงและ Subtitle ส่วนการเปลี่ยนช่องนั้นทำได้โดยกดแถบด้านขวาของหน้าจอ จะมีแถบช่องเลื่อนออกมาให้เราเลือกเหมือนกับภาพด้านล่าง โดยจุดนี้ผมว่า UI ของ Player นั้น สอบตก” เพราะการเปลี่ยนช่องโดยทั่วไปน่าจะเป็นปุ่มเลื่อนช่องแบบ “ไปข้างหน้า” และ “ถอยกลับ” มากกว่านะครับ

เพื่อนสมาชิก Pokdang แจ้งมาว่า สามารถเลื่อนทีละช่องได้ด้วยการสไลด์นิ้วไปซ้ายและขวา ขอบคุณมากครับ

 

ข้อสังเกตเพิ่มเติมจากการใช้งาน Digital TV นั้นพบว่า ถ้าเราต้องการสแกนช่องให้ได้เยอะๆนั้น ควรจะไปอยู่บริเวณกลางแจ้งแล้วทำการสแกน ซึ่งผมสแกนได้สูงสุดที่ 30 ช่อง แล้วเราก็ยึดการสแกนครั้งนั้นไว้ใช้ได้เลยไม่ต้องสแกนใหม่อีก เพราะช่องสัญญาณนั้นเหมือนเดิมตลอด ขึ้นอยู่กับพื้นที่ๆเราดูว่าสัญญาณนั้นดีพอหรือเปล่านะครับ ซึ่งตอนนี้ต้องบอกว่ายังไม่ครอบคลุม 100% ในกรุงเทพ ส่วนต่างจังหวัดก็ยังมีแค่หัวเมืองใหญ่ๆเท่านั้น คงจะต้องรอถึงสิ้นปีมาดูกันอีกทีว่าความครอบคลุมของสัญญาณนั้นจะพัฒนาไปถึงไหนครับ


กล้องและภาพถ่าย…

 

กล้องหลัง ของ i-mobile IQ 5.8 นั้นมีเซ็นเซอร์ BSI ด้วย ถ่ายภาพนิ่งได้ที่ความละเอียดสูงสุด 8 ล้านพิกเซลพร้อมระบบ Auto Focus คุณภาพของภาพถ่ายที่ได้อยู่ในขั้นดีเลยครับ รายละเอียดและความคมชัดของภาพมีพอสมควร แต่สีสันออกจะจืดๆไปนิด ความเร็วในการโฟกัสถือว่าได้มาตรฐานทั่วไปไม่ช้าไม่เร็ว แต่ตอนแสงน้อยนี่ช้าถึงช้ามาก ส่วน Speed Shutter นี่ถือว่าดีเลยทีเดียว ถ่ายมันส์มาก ลองมาดูตัวอย่างภาพถ่ายของ i-mobile IQ 5.8 กันครับ ทุกภาพแค่ผ่านการ resize มาอย่างเดียว ส่วนอัลบั้มเต็ม กดดูตรงนี้ได้เลย

 

ภาพกลางวัน

 

ภาพกลางคืน

 

สำหรับการถ่ายวิดีโอสามารถได้ที่ความละเอียดสูงสุด HD 720p และ framerate ที่ 20 fps นี่คือตัวอย่างวิดีโอครับ การถ่ายวิดีโอไม่สามารถ Pause กลางทางแล้วถ่ายต่อเนื่องได้ ต้อง Stop เพื่อขึ้นคลิปใหม่ทุกครั้ง

Play video

 

กล้องหน้านั้นเป็นแบบ Auto focus ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล คุณภาพของภาพถ่ายก็ถือว่าดีเช่นกัน รายละเอียดภาพดีเหมือนกล้องหลังมือถือบางรุ่นด้วยซ้ำไป ส่วน UI ไม่มี mode อะไรให้เล่น ถ้าใครชอบถ่าย Selfie แนะนำว่าให้ลง App ถ่ายรูปเพิ่มเติม เช่น Cymera หรือ Camera360 ครับ


ประสิทธิภาพและความอึด

จากการวัดประสิทธิภาพของตัวเครื่องด้วย App ยอดนิยมอย่าง Antutu Benchmark และ Quandrant Standard ได้ผลออกมาดังนี้

จากผลคะแนนที่ได้ออกมาจากทั้ง 2 App ต้องบอกว่าประสิทธิภาพของ i-mobile IQ 5.8 DTV นั้นไม่สูงมากนัก แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป การเล่นเกมส์หนักๆคงยังไม่เหมาะสักเท่าไหร่ เกมส์ Line ทั่วไปไม่มีปัญหา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะจุดขายของรุ่นนี้ไม่ใช่เรื่องสเปก แต่เป็นเรื่องการประสบการณ์ดูทีวีดิจิตอลแบบพกพามากกว่า ส่วนฟังก์ชันด้านการโทรศัพท์และเล่นอินเตอร์เน็ตกับ Social Network เป็นหลักที่เป็นพื้นฐานของสมาร์ทโฟนทั่วไปก็สามารถใช้งานได้ปกติ ส่วนพื้นที่ความจุ 4 GB นั้นใช้งานได้จริงไม่เยอะเท่าไหร่ตามภาพด้านล่างนี้ ยังไงควรจะเตรียมซื้อ microSD มาใช้ด้วย

มาในส่วนของแบตเตอรี่นั้น ต้องบอกว่า หายห่วง ผมทดลองใช้งาน 1 วัน เป็นการใช้งานทั่วไปคือเล่นอินเตอร์เน็ต, Social Network, ถ่ายรูป และดู Digital TV บ้างเป็นบางเวลา ปรากฎว่าผ่านไป 14 ชั่วโมง 26 นาที แบตก็ยังเหลืออยู่ที่ถึง 44% น่าจะเป็นเพราะความจุแบตเตอรี่ที่จัดเต็มสูงถึง 2900 mAh หากเทียบกับรุ่นอื่นๆในราคาใกล้เคียงกัน

จากการใช้งานมือถือเครื่องนี้มาสักระยะ พบว่าประสิทธิภาพโดยรวมจะด้อยลงหากมีการใช้งานไปนานๆ ต้องอาศัยการ Clear RAM และ Clear Cache ทำความสะอาดเครื่องบ่ายครั้ง ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงแถมแอพ Clean Master มาให้ เพราะได้ใช้บ่อยมาก นอกจากนั้นก็มีอาการเครื่อง Restart เองบ่อยเช่นกัน โดยเฉพาะตอนที่เปิดกล้องจะถ่ายรูป สาเหตุน่าจะมาจาก RAM ที่เหลือให้ใช้งานน้อยไปหน่อย แต่โดยรวมก็ยังพอรับได้ถ้าคิดว่าจะซื้อรุ่นนี้มาดู Digital TV นะครับ


สรุปข้อดีและข้อเสีย…

ข้อดี

  • Digital TV ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
  • ใช้งานได้ 2 SIM
  • ราคาประหยัด
  • แบตเตอรี่อึด
  • กล้องหน้าและกล้องหลังดีเกินราคา

ข้อเสีย

  • เสาอากาศของ Digital TV จับสัญญาณได้ไม่ดีในตัวอาคาร
  • UI ของ Digital TV ออกแบบมาไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้สักเท่าไหร่
  • ยังไม่ใช่ Android 4.4.2 KitKat
  • ความจุน้อยเพียง 4GB
  • ใช้นานๆแล้วเครื่องช้าลง
  • Restart ตัวเองบ่อย
  • รองรับ 2G แค่คลื่น 900 / 1800


บทส่งท้าย…

i-mobile IQ 5.8 DTV เป็นสมาร์ทโฟน Android ที่มีจุดขายค่อนข้างชัดเจน เพราะสามารถดู Digital TV ของประเทศไทยฟรี ผ่านการรับสัญญาณทางเสาอากาศโดยตรง ไม่จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลอินเตอร์เน็ตเข้ามาช่วยแต่อย่างใด หากอยู่ในเมืองหรือบริเวณที่สัญญาณเพียงพอ จะได้ภาพที่คมชัดมาก และหน้าจอขนาด 5 นิ้วต้องบอกว่าเหมาะสำหรับการดูทีวีจริงๆ รองรับการใช้งาน 2 SIM แถมกล้องหน้าและกล้องหลังนั้นต้องบอกว่าดีเกินราคา 5,990 บาท จะว่าไปกลุ่มเป้าหมายของรุ่นนี้น่าจะชัดเจนและไม่มีคู่แข่ง คือกลุ่มที่ต้องการดูทีวีดิจิตอลแบบพกพาไปไหนก็ได้

อีกด้านหนึ่งถ้าจะซื้อมาเป็นสมาร์ทโฟนอย่างเดียว ไม่สนใจดูทีวีดิจิตอลนั้นไม่แนะนำเพราะประสิทธิภาพโดยรวมยังไม่ดีหากเทียบกับราคาค่าตัว ราคาระดับนี้ตอนนี้มีคู่แข่งเยอะ โดยเฉพาะซีรีย์ Zenfone ของ Asus นั้นน่าจะตอบโจทย์เรื่องสมาร์ทโฟนได้ดีกว่าทั้งสเปกและประสิทธิภาพโดยรวม สำหรับวันนี้ลากันแค่นี้ก่อน พบกันใหม่ครั้งหน้า สวัสดีครับ