ทุกวันนี้เราอาจจะเคยเห็น PC ที่อยู่ในรูปของแท่งสติ๊กพกพาได้คล้ายๆกับแฟลชไดร์ฟแต่มีขนาดใหญ่กว่ากันมาแล้วเนอะ เพราะ Intel ก็เคยทำกันไปแล้วใน Intel Compute Stick ที่เป็น Windows ทำงานได้เหมือน PC ทั่วไปเลย 

      แต่ Google ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน ไม่ได้ทำ Android Stick นะ แต่เป็น Chromebit ที่ข้างในใส่ Chrome OS ไว้เพื่อเสียบเข้ากับ TV แล้วใช้งานได้เลยเหมือนกับ Intel Compute Stick นั่นเอง ซึ่งทาง Google ก็พึ่งประกาศวางขายไปไม่ถึงเดือนในราคา $85 หรือคิดเป็นเงินไทยก็ 3 พันบาทเศษๆ

      ว่าแต่มันดียังไงล่ะ? เจ๋งมั้ย? พอดีผมได้มาเล่น (อีกตามเคย) แต่ขอทำเป็น Mini Review นะครับ เพราะเจ้าตัวนี้ไม่ได้หวือหวาหรูหราอะไรมากจนถึงกับต้องรีวิวอะไรใหญ่โต (มันไม่ใช่แอนดรอยด์ ฮ่าๆ)

แกะกล่อง Chromebit

       ตัวกล่องมาในรูปทรงเรียวยาวครับ กล่องก็ใหญ่พอสมควรนะ ถึงดูจากรูปมันจะดูเล็กก็ตามเถอะ

 

      เปิดมาก็เจอ Chromebit นอนรออยู่

 

      ข้างในก็จะมี Chromebit, อะแดปเตอร์จ่ายไฟ, สายต่อพ่วง HDMI, คู่มือการใช้งาน และเทปตีนตุ๊กแก 4 ชิ้น

 

      Chromebit จะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ผ่าน USB ที่อยู่ด้านข้างตัวเครื่องครับ แต่ว่าจะมีแค่รูเดียวเท่านั้นนะ เพราะงั้นถ้าอยากต่อเยอะๆก็คงต้องใช้ USB Hub ต่อพ่วงเอาอีกที

 

      ช่องเสียบอะแดปเตอร์จ่ายไฟเป็นแจ๊ค DC (น่าจะทำเป็น Micro USB นะ)


        ส่วนอะแดปเตอร์ที่ให้มาเป็น 5V 1.5A น่าเสียดายที่ไม่ใช้ Micro USB (เผื่อเอาไปใช้ชาร์จมือถือต่อ ฮา)

 

      ด้านหลังตัวเครื่อง

 

      อีกด้านจะเป็นฝาปิดหัว HDMI ที่เอาไว้เสียบกับ TV 

 

      แต่ด้วยรูปทรงที่เป็นแท่งดำ ใหญ่ ยาว บางครั้งก็อาจจะไม่สะดวกที่จะเสียบทันที แต่ในกล่องก็มีสายต่อพ่วง HDMI ให้นะ และถ้าอยากติดหลัง TV ก็มีเทปตีนตุ๊กแกให้ตั้ง 4 อันเลยล่ะ

 

      เวลาเสียบใช้งานก็จะเป็นแบบนี้แหละ 

 

      ในการใช้งานจริงๆตัว Chromebit จะมี Bluetooth 4.0 ในตัว จึงเหมาะกับการใช้ Mouse และ Keyboard ที่เป็น Bluetooth มากกว่า ส่วนช่อง USB มีไว้อย่างดีก็แค่เสียบพวก Flashdrive เท่านั้นเอง

 

      แต่ถ้าใช้พวก Mouse และ Keyboard ไร้สายที่มาเป็นชุดอย่างของ Logitech ก็สะดวกเหมือนกันนะ เพราะใช้ USB Receiver แค่ตัวเดียวแต่เชื่อมต่อได้ทั้ง Mouse และ Keyboard พร้อมๆกัน

 

Chrome OS คืออะไร?

      ผมเชื่อว่ามีหลายๆคนที่มาอ่านรีวิวตัวนี้แล้วเกิดคำถามว่า “Chrome OS มันคืออะไรวะ!?” เนื่องจากในบ้านเรามีคนใช้น้อยมาก (จริงๆทั้งโลกเลยก็ว่าได้) ซึ่งเจ้า Chrome OS เนี่ย เป็นหนึ่งใน OS ที่ทาง Google พัฒนาขึ้นมาโดยใช้ Chrome เป็นหัวใจหลักในการทำงาน ซึ่งทำมาเพื่อใช้กับอุปกรณ์พกพาได้อย่าง Laptop ในราคาที่ถูก (ไม่ถึงหมื่น) โดยเรียกว่า Chromebook ซึ่งเริ่มเปิดตัวครั้งแรกใน Chromebook Pixel ที่มี Acer และ Samsung ได้ทำออกวางจำหน่ายมาตั้งแต่สมัยปี 2011 แล้ว (ขอบคุณ @ctanakor สำหรับข้อมูลครับ)

       เรารู้กันอยู่แล้วเนอะว่าเดี๋ยวนี้ Chrome นั้นเป็นหนึ่งใน Browser ยอดนิยมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ถึงแม้ว่ามันจะโคตรกินแรมก็เถอะ แต่ด้วยความสามารถต่างๆนานาที่มันทำได้ โดยเฉพาะการติดตั้ง Extension หรือ Plug-in จากภายนอกได้ จึงทำให้มันทำงานได้หลากหลายมากขึ้นอีก ซึ่งในทุกวันนี้ก็มีนักพัฒนาที่คอยทำ Extension ใช้งาน Chrome อยู่เยอะเลยนะ

      และในทุกวันนี้อุปกรณ์เทคโนโลยีเกือบทุกตัวนั้นสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ จึงทำให้เกือบทุกๆที่นั้นมีอินเตอร์เน็ตให้ใช้งาน และส่วนใหญ่นั้นก็มักจะเป็น Web Traveler กันเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่แปลกใจที่ทาง Google จะทำ Chrome OS ที่มีแต่ Chrome เพื่อให้สามารถท่องอินเตอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา

      แต่ด้วยตัว Chrome OS ที่มีแต่ Chrome เป็นหัวใจสำคัญหลัก มันจึงไม่สามารถติดตั้งโปรแกรมยอดนิยมบน Windows หรือ Mac ได้ แต่ในทุกวันนี้หลายๆอย่างก็เริ่มทุกแทนที่ด้วยการอยู่บน Web เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Cloud Storage ที่แทบจะไม่จำเป็นต้องมี Storage ภายในเครื่องเลย เก็บทุกอย่างไว้บนผูใ้ช้บริการ Storage หรือว่าผมอยากจะทำงานเอกสารก็มี Google Doc/Sheet/Slide หรือแม้แต่ Microsoft Office ตอนนี้ก็ยังมี Online บน Web แล้วเลยนะ 

      เรียกได้ว่าหลายๆอย่างเริ่มทำบนหน้าเว็ปกันได้หมดแล้วล่ะ ซึ่งเอาเข้าจริงการใช้หลักๆก็อาจจะมีแค่ Facebook, Twitter ดู YouTube หรือเช็คเมลล์เท่านั้น

      แต่ก็ใช่ว่า Chrome OS จะประสบความสำเร็จ เพราะมันกลับเป็นอุปกรณ์ที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง Tablet กับ Laptop ซึ่งตัวมันเองก็ไม่ได้มีจุดเหนือกว่าฝั่งใดฝั่งหนึ่งเลย จึงทำให้ Chromebook ไม่ค่อยเป็นที่นิยมซักเท่าไรนักเมื่อเทียบกับการที่ผมไปซื้อ Tablet หรือ Laptop มาใช้งานเลยดีกว่า หรือพวก Hybrid ที่เปลี่ยนจาก Laptop เป็น Tablet ก็เหมาะกว่า

     

มาดูหน้าตาของ Chrome OS กันซักหน่อย

      Chrome OS ก็จะมีการใช้งานคล้ายๆกับ OS อื่นๆที่มีการ Log in เข้าระบบก่อน โดย Chrome OS จะผูกเข้ากับ Google Account เลย จึงทำให้สามารถ Sync ข้อมูลหลายๆอย่างที่อยู่ในบริการของ Google ได้อย่างง่ายดาย (Gmail, Google+, Chrome Browser, Google Photos ฯลฯ) และถ้าลงทะเบียน Chromebit ก็จะได้ Google Drive 100GB ด้วยล่ะ แต่ว่าแค่ 2 ปีนะ

 

      มี File Explorer ในตัว สามารถเปิดโปรแกรมเป็นหน้าต่างแยกได้ และมีเกมสำหรับ Chrome อยู่บ้างนิดหน่อย เรียกได้ว่าดูเผินๆก็เหมือน PC ทั่วไปเลย

 

      มี Google Now ด้วยนะ

 

      อยากจะลงอะไรเพิ่มก็เปิด Chrome Web Store แล้วเลือกติดตั้งเลย จะลองเอา ARC Welder มาลงเพื่อรันแอพแอนดรอยด์ก็ได้นะ แต่ก็อย่าลืมว่ามันไม่ได้รันได้ทุกแอพล่ะ และรันเกมไม่ค่อยไหวเนื่องจากใช้ CPU ที่ไม่ได้แรงมาก (ก็ไม่ได้มีไว้เล่นเกมนี่นะ)

 

 

      และบางตัวก็จะไปเปิดบนเว็ปของตัวเองอยู่ดี

 

      และนอกจากนี้ยังมีพวก Google Play Music และ Movies ให้ด้วยนะ ซึ่งผมเข้าใจว่า Chrome OS ทาง Google ก็จะพยายามใส่อะไรที่แอนดรอยด์มีให้ (เท่าที่จะทำได้) ดังนั้นเราจึงสามารถดูหนังฟังเพลงจาก Google Account ของเราได้เลย แต่ก็พบว่ามีอีกหลายๆโปรแกรมที่ถูกถอดออกไป แต่ถ้าอิงจากโปรแกรมใช้งานพื้นฐานแล้วก็มีครบนะ ทำเอกสาร แต่งรูป วาดรูป รับส่งเมลล์ และเดี๋ยวนี้แอพบนแอนดรอยด์ดังๆส่วนใหญ่ก็มีให้ใช้งานบนเว็ปกันอยู่แล้วด้วย

 

สเปคแบบคร่าวๆ

    • OS : Chrome OS
    • CPU : Rockchip Quad-Core RK3288C Processor
    • GPU : Mali T624 รองรับการแสดงผลความละเอียด Full HD
    • RAM : 2GB LPDDR3 1066MHz
    • Storage : 16GB eMMC (มี Google Drive ให้ใช้ฟรี 100GB เป็นเวลา 2 ปี)
    • WiFi : 802.11 a/b/g/n/ac
    • Bluetooth : 4.0
    • ขนาด : 123x31x17 มิลลิเมตร
    • น้ำหนัก : 75 กรัม

 

สรุปว่ามันน่าสนใจมั้ย?

      ถ้าว่ากันตามตรง มันไม่ได้น่าสนใจซักเท่าไร เพราะว่าตัวมันเป็น Chrome OS ที่ไม่ค่อยเหมาะกับพฤติกรรมการใช้งานในบ้านอยู่แล้ว และเมื่อเทียบกับ Intel Computer Stick ก็ยิ่งเสียเปรียบไปกันใหญ่ เพราะตัว Chrome OS นั้นทำมาเพื่อพกพา แต่ไม่ใช่ในรูปแบบของ Stick แบบนี้ซักเท่าไร 

      และถ้าจะหาอะไรมาเสียบกับ TV เพื่อใช้งานแนวๆนี้รู้สึกว่าเอา Android/Apple TV มาใช้แทนดีกว่าเสียอีก โดยเฉพาะ Nexus Player ที่ราคาใกล้เคียงมาก (ลดราคาแล้วถูกกว่านิดหน่อย) จึงทำให้ Chromebit ไม่ค่อยถูกใจผมซักเท่าไรครับ