อย่างที่เราได้รับทราบกันแล้วว่า Samsung Galaxy Note 7 คือ “มือถือต้องห้าม” สำหรับการนำขึ้นเครื่องบินทั่วโลก โดยเฉพาะสายการบินในอเมริกาที่แบนมือถือรุ่นนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ และทาง Samsung เองก็มีการเรียกคืนทั้งหมดแล้ว ล่าสุดมีคนเล่นพิเรนท์สร้าง Wi-Fi hotspot โดยตั้งชื่อว่า “Galaxy Note7” จนสร้างความวุ่นวายบนเครื่อง ทำให้กัปตันตัดสินใจนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินก่อนถึงที่หมาย

BBC ได้รับข้อมูลจากผู้โดยสารชื่อว่า Lucas Wojciechowski ของสายการบิน Virgin America เที่ยวบิน 358 จาก San Francisco ไป Boston โดยเจ้าตัวระบุว่า หลังจากเปิดเครื่อง laptop แล้วเห็น Wi-Fi hotspot ชื่อว่า Samsung Galaxy Note 7_1097 จึงได้ทำการจับภาพของหน้าจอไว้ แล้ว tweet ลง twitter ส่วนตัว 

จากนั้นเมื่อพนักงานบนเครื่องตรวจพบชื่อ Wi-Fi hotspot อันนี้ ได้ทำการประกาศหาเจ้าของเครื่องที่สร้าง hotspot ชื่อดังกล่าวให้ทำการกดปุ่มเรียกพนักงาน ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาดึกที่เครื่องมีการปิดไฟให้ผู้โดยสารพักผ่อนแล้ว เรียกไปเรียกมาก็ไม่มีคนตอบรับ จึงประกาศย้ำว่า

“นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ไม่งั้นเราจำเป็นต้องเอาเครื่องลงฉุกเฉิน เพื่อตรวจสอบกระเป๋าทุกใบจนกว่าจะหาพบ”

ยังไม่ใครยอมรับ จากนั้นก็เป็นเสียงจากกัปตันบ้าง

“นี่กัปตันพูดนะครับ เราจำเป็นต้องหันหัวเครื่องกลับ และทำการค้นกระเป๋า ถ้าไม่มีใครออกมายอมรับ”

จากนั้นเจ้าของเครื่องมือถือเจ้าปัญหาก็เดินไปสารภาพกับพนักงาน บอกว่าเครื่องของตัวเองไม่ใช่ Samsung Galaxy Note 7 แต่เป็นคนทำการเปลี่ยนชื่อ SSID ของ Wi-Fi hotspot Samsung Galaxy Note 7_1097 เอง จากนั้นไม่นานพนักงานบนเครื่องก็ได้ประกาศแจ้งผู้โดยสารอีกครั้งว่า

“สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทุกท่าน เราพบมือถือเครื่องนั้นแล้ว โชคดีที่อุปกรณ์แค่โดนเปลี่ยนชื่อเป็น Galaxy Note 7 แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ Galaxy Note 7”

BBC รายงานว่า ยังไม่มีการลงโทษใดๆกับผู้โดยสารรายนั้น แต่ผลกระทบจากกาเล่นพิเรนทร์ครั้งนี้ถือเป็นวงกว้างพอสมควร เพราะนอกจากสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้โดยสารบนเครื่องแล้ว เครื่องยังถึงที่หมายช้ากว่ากำหนด และทำให้บางไฟลต์ต้องถูกยกเลิกไปเพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย

 

ที่มา: BBC