เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทาง Moto ได้กลับเข้ามาทำตลาดในบ้านเรา โดยได้นำเข้าสมาร์ทโฟนในสังกัดมาด้วยกัน 3 รุ่น Moto X Style, Moto X Play และ Moto G Turbo ซึ่งวันนี้เราก็ได้น้องเล็กสุดอย่าง Moto G Turbo มาอยู่ในมือเป็นที่เรียบร้อย เอาเป็นว่าเรามาดูรูปร่างหน้าตาคร่าวๆ ของ Moto G Turbo สมาร์ทโฟนราคา 8,290 บาท กันดีกว่าว่าจะเป็นอย่างไรบ้างครับ

สเปค Moto G Turbo

  • OS: Android 6.0 Marshmallow 
  • หน้าจอ: IPS LCD 5 นิ้ว ความละเอียด HD 720 x 1280 พิกเซล
  • CPU: Qualcomm Snapdragon 615 Octa-core 1.5GHz
  • GPU: Adreno 405
  • RAM: 2GB
  • หน่วยความจำภายใน: 16GB รองรับ MicroSD การ์ดสูงสุด 32GB
  • กล้องหลัง: 13 ล้านพิกเซล, f/2.0, dual-LED
  • กล้องหน้า: 5 ล้านพิกเซล, f/2.2
  • การเชื่อมต่อ:
    • Wi-Fi 802.11 b/g/n 
    • Bluetooth 4.0
  • รองรับ dual-SIM (MicroSIM)
  • รองรับ 4G LTE
  • รองรับ IP67
  • แบตเตอรี่: 2,470 mAh ถอดเปลี่ยนไม่ได้
  • สัดส่วน: 142.1 x 72.4 x 11.6 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก: 155 กรัม

ภายในกล่องของ Moto G Turbo นั้นได้ให้ หูฟัง สายชาร์จ MicroUSB 2.0 และ อะแดปเตอร์ TurboCharge

อะแดปเตอร์ TurboCharge สามารถปล่อยแรงดันไฟได้สูงสุดที่ 12V และกระแสไฟสูงสุดที่ 1.2A

ด้านหน้าของ Moto G Turbo นั้นมีเหมือนกับรุ่นอื่นๆ ของทางฝั่ง Moto ที่มีแถบลำโพงอยู่ทั้งด้านบนและด้านล่าง โดยหน้าจอของ Moto G Turbo นั้นเป็นหน้าจอ IPS LCD ขนาด 5 นิ้ว และมีความละเอียดอยู่ที่ 720p ถูกปกคลุมด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 อีกที

บริเวณด้านบนมีกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล proximity เซนเซอร์ และแถบลำโพงสนทนา

ส่วนด้านล่างมีแถบลำโพงอีกแถบ แต่อย่าให้โดนหลอกว่าเป็นลำโพง stereo นะครับ เพราะลำโพงจริงๆ แล้วมีเพียงแค่ด้านล่างเท่านั้น และภายในแถบลำโพงก็ยังมีรูไมโครโฟนสนทนาซ่อนอยู่ด้วย เนียนสุดๆ ส่วนด้านบนนั้นใช้สำหรับสนทนา ปุ่ม navigation ต่างๆ เป็นแบบ on-screen ซึ่งการจัดเรียงจะเหมือนกับแบบที่ทาง Google ได้ตั้งใจเอาไว้เลยคือ back home และ recent apps (ซ้ายไปขวา)

ตัวเครื่องของ Moto G Turbo นั้นเป็นพลาสติกทั้งเครื่อง แต่ว่าปุ่มที่ใช้นั้นเป็นปุ่มโลหะ ซึ่งทั้งปุ่มพาวเวอร์และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงจะอยู่ทางด้านขวาของตัวเครื่อง โดยปุ่มพาวเวอร์นั้นมีการทำให้พื้นผิวให้เป็นขีดๆ เพื่อที่เวลากดจะได้รู้ว่านี่เป็นปุ่มพาวเวอร์นะ ส่วนด้านซ้ายไม่มีอะไร 

ส่วนขอบเครื่องด้านบนจะมีรูเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับการตัดเสียงรอบข้าง

ทางด้านล่างมีเพียงแค่รูเสียบ MicroUSB 2.0 เท่านั้น และมีขอบสำหรับแกะฝาหลังครับ

ตัวเครื่องด้านหลังของ Moto G Turbo นั้นมีความโค้งแบบหลังเต่า ทำให้เวลาถือนั้นโค้งเข้ากับมือพอดี เรียกได้ว่าถือได้อย่างถนัดเลยทีเดียว ฝาหลังนั้นเป็นพลาสติกที่มีลวดลายเป็นเส้นโค้ง และต้องบอกว่าปิดได้แน่นสนิทมากๆ เพราะว่าเจ้า Moto G Turbo รองรับมาตารฐาน IP67 ที่สามารถกันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร เป็นเวลา 30 นาที 

Moto G Turbo มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และไฟแฟลช dual-LED โดยอยู่ด้านบนของโลโก้ Moto ที่เป็นแถบยาวอยู่ด้านหลังตามสไตล์ Moto (ก่อนที่จะได้รับอิทธิพลจาก Lenovo เข้าไปเต็มๆ)

เมื่อแกะฝาหลังออกก็จะเป็นแบบนี้ครับ

Moto G Turbo รองรับ dual-SIM แบบ MicroSIM และ MicroSD การ์ด ซึ่งทั้งสามอย่างนั้นแยกช่องกัน ไม่ได้เป็นแบบ hybrid ทำให้ไม่ต้องเลือกว่าจะใส่ซิมหรือใส่ MicroSD การ์ด ดี

ช่องใส่ซิม 2 อยู่อีกด้านนึง

สำหรับเครื่อง Moto G Turbo ที่ได้มาลองเล่นนั้นเป็นเครื่องเดโมนะครับ ซึ่งเมื่อเปิดเครื่องมาก็จะมีข้อมูลภายในอยู่แล้ว โดย RAM ที่เหลือให้ใช้นั้นอยู่ที่ประมาณ 850MB จาก 2GB ส่วยหน่วยความจำภายในก็เหลืออยู่ประมาณ 6GB จาก 16GB Android OS นั้นกินไปกว่า 4.2GB เลยทีเดียวครับ แต่ก็อย่างที่บอกว่าเครื่องนี้เป็นเครื่องเดโม เวลาเปิดเครื่องใหม่จริงๆ ก็จะมีเยอะกว่านี้ครับ

ตัวอย่างภาพถ่ายคร่าวๆ จากกล้องหน้าและหลังของ Moto G Turbo อยู่ด้านล่างนี้เลยครับ

จบแล้วครับกับการพรีวิวของ Moto G Turbo สมาร์ทโฟน Moto รุ่นน้องเล็กกับการกลับมาทำตลาดในประเทศไทยครั้งแรกในรอบหลายปี โดย Moto G Turbo ตัวนี้เปิดตัวมาในราคา 8,290 บาท แถมยังสามารถกันน้ำได้อีกด้วย แต่เมื่อเทียบกับสเปคและราคาก็นับว่าแรงอยู่ซักนิด ยังไงก่อนที่จะตัดสินใจก็ลองไปสัมผัสไปเล่นกันจริงๆ ก่อนนะครับ