แกะกล่องพรีวิว OPPO Mirror 3 สมาร์ทโฟน 4G รุ่นเล็กในราคา 7,990 บาท ที่ดูเผินๆ เหมือนไม่มีอะไรใหม่ แต่มันมีฟีเจอร์อย่าง Universal Remote หรือ IR Blaster แถมมาให้ด้วย ซึ่งฟีเจอร์นี้ส่วนใหญ่เเราจะเห็นในพวกสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปๆ อย่าง One M8, Galaxy S / Note หรือ G2 / G3 เท่านั้น

สำหรับ OPPO Mirror 3 เครื่องนี้มีคนฝากซื้อในงาน Mobile Expo ผมเองก็เลยมีโอกาสได้ลองเล่นแค่แป๊บเดียวก่อนเค้าจะมารับไป เพราะฉะนั้นเลยขอพรีวิวสั้นๆ พาเช็คตัวเครื่อง อุปกรณ์ในกล่อง แล้วก็ทดลองฟังก์ชั่น Universal Remote ว่ามันทำอะไรได้บ้างครับ

เรื่องของ 4G ในบ้านเรานั้น หลายๆ คนก็บ่นว่าจะดูยังไง วิธีการดูก็ไม่ได้ยากอะไรครับ สังเกตุตามภาพ ไม่ว่าจะรุ่นไหนๆ ถ้าจะมั่นใจว่ามันรองรับ 4G ในบ้านเราตอนนี้ ต้องมีข้อความว่า FDD LTE Bands 1 โดย FDD LTE นั้นหมายถึงเทคโนโลยี 4G ที่ใช้ในบ้านเรา ส่วน Bands 1 นั้นก็คือคลื่นความถี่ 2100 ที่ dtac กับ truemove แบ่งมาใช้ทำ 4G ในตอนนี้

ด้านหลังกล่องก็พอจะมีสเปคคร่าวๆ ของ OPPO Mirror 3 อยู่ ส่วนสเปคเต็มๆ ก็รายละเอียดตามนี้ 

สเปค OPPO Mirror 3

  • Color OS 2.0.0i (Android 4.4)
  • หน้าจอ 4.7 นิ้ว ความละเอียด HD 1280×720 
  • ชิพ Qualcomm Snapdragon 410
  • ROM 8GB
  • RAM 1GB
  • กล้องหน้า 5MP
  • กล้องหลัง 8MP + LED Flash
  • แบตเตอรี่ 2,000 มิลลิแอมป์ (ถอดได้)
  • รองรับ 3G ทุกเครือข่าย / รองรับ 4G คลื่น 2100 ที่ใช้งานในประเทศไทย
  • มี IR Blaster ใช้งานเป็น Universal Remote ได้
  • สีที่วางจำหน่ายคือสีขาวและสีเทา
  • ราคาเปิดตัว 7,990 บาท

ตัวเครื่องที่วางจำหน่ายตอนนี้มี 2 สีด้วยกันคือสีขาว และก็สีเทา เค้าเลือกเอาสีเทามา เครื่องสีขาวนั้นจะขาวทั้งหน้าหลัง

ส่วนสีเทาด้านหน้าจะเป็นสีเดา ด้านหลังถึงจะเป็นสีเทาครับ

อุปกรณ์ในกล่องจับเอามาวางเรียงกันได้ตามนี้

  • ตัวเครื่อง OPPO Mirror 3
  • แบตเตอรี่ 2,000 มิลลิแอมป์
  • คู่มือ
  • หม้อแปลง
  • สาย Micro USB 
  • หูฟัง 3.5 
 
ตัวเครื่อง OPPO Mirror 3 นั้นติดฟิล์มกันรอยมาให้เรียบร้อย 

แค่ดึงเอาแผ่นกันรอยบนหน้าจอออกไปเท่านั้นก็พร้อมใช้งาน ไม่ต้องไปหาฟิล์มมาติดให้ยุ่งยากเสียเวลา

ลอกออกมาแล้วก็เห็นเลยว่ามีฟิล์มติดอยู่จริงๆ สังเกตุได้ตรงบริเวณกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ลำโพงสนทนากับพวกเซนเซอร์วัดแสงกับวัดระยะได้ ว่ามันจะมีขอบฟิล์มให้เห็นเป็นหลักฐาน

ด้านหลังกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซลของ Mirror 3 นี้ OPPO ใช้เซนเซอรร์ Sony IMX179 f2.0 และชุดเลนส์ Blue light filter 5 ชิ้น นอกจากนั้นยังมีโหมด Rapid Shooting กดปุ่ม เพิ่มเสียง + ลดเสียง พร้อมกันจะสามารถ่ายภาพได้ทันที ถึงแม้หน้าจอจะปิดอยู่ก็ตาม

นอกจากเรื่อง 4G กล้องหน้า 5 ล้าน กล้องหลัง 8 ล้านแล้ว ฟีเจอร์อีกอย่างที่แนะนำไปตั้งแต่แรกๆ คือ Universal remote ที่ทำงานผ่านพอร์ทอินฟราเรด หรือ IR blaster ที่อยู่บริเวณขอบด้านบนของเครื่อง

แต่จะลองเล่นก็ต้องเปิดเครื่องก่อน งั้นมาแกะฝาหลังใส่แบต จุดแกะฝาหลังอยู่ที่ด้านมท้ายของตัวเครื่อง เยื้องๆ กับช่องเสียบ micro USB มานิดนึง 

OPPO Mirror 3 รองรับการใช้งาน 2 ซิม ซิมนึงเป็น micro SIM อีกช่องก็เป็น micro SIM เช่นกัน เห็นช่องยาวหน่อยแต่มันไม่ใช่ช่องซิมขนาดปกดินะครับ แล้วก็มีช่องให้ใส่ micro SD เพิ่มได้ด้วย

ใส่แบต ใส่แบต เปิดเครื่องได้ละ 

หน้าจอ 4.7 นิ้วความละเอียด HD 1280×720 มีค่า PPI หรือความหนาแน่นของพิกเซลอยู่ที่ 312 คม สีจัด ชัด สวยงาม

มาพร้อม Color OS 2.0.0i และ Android 4.4.4

หน่วยความจำภายใน 8GB ถูกจัดสรรปันส่วนออกไปเป็นระบบปฏิบัติการณ์ เหลือให้ใช้จริงๆ ประมาณ 4.3 – 4.4 GB 

 

เนื่องจากมีเวลาได้ลองเล่นไม่มากนักอย่างที่บอก ขอลัดเข้ามาที่ฟีเจอร์สำคัญที่ OPPO เองไม่เคยมีมาก่อนนั่นก็คือ “รีโมทคอนโทรล” หรือ Universal remote

เปิดแอปเข้ามาแล้วก็จะเจอหน้าตาประมาณนี้ อธิบายว่ามันสามารถใช้ควบคุมพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้นะ ไม่ว่าจะเป็นทีวี ดีวีดี แอร์ เครื่องเสียง หรืออะไรก็ตามที่มีรีโมท เราใช้ OPPO Mirror 3 สั่งได้หมด

เมนูหลักคือเราสามารถเลือกรีโมททั่วๆ ไปได้ทันที พวกทีวี เครื่องเสียง แอร์ นี่ห้อต่างๆ สามารถกดเข้าไปแล้วจิ้มๆ เลือกและทดสอบการใช้งานได้ทันที

แต่ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือโหมด “คัดลอกรีโมทคอนโทรล” ที่เราวามารถเอารีโมทอะไรก็ได้ เช่นพวกล่องทีวีหรือ กล่องดาวเทียมต่างๆ มาก็อปปุ่มลงบน Mirror 3 ได้ด้วย

โดยเมื่อเลือกจะคัดลอกแล้ว เราก็เตรียมเอารีโมทมาวางไว้ตรงข้ามกัน จากนั้นก็เลือกปุ่มบน Mirror 3 แล้วก็ไปกดปุ่มที่รีโมทต้นทางที่เราจะคัดลอกค้างไว้ 2 วินาที ค่อยๆ ทยอยทำไปทีละปุ่มจนครบก็เรียบร้อย 

ผมพอมีเวลาได้ลองถ่ายภาพด้วยกล้องของ OPPO Mirror 3 อยู่นิดหน่อย ลองมาดูกันสัก 4-5 ภาพถือว่าเป็นน้ำจิ้มไปละกันนะครับ 

แอปและ UI กล้องเป็นแบบเดียวกันกับ OPPO รุ่นใหม่ๆ ที่เราสามารถเลือกโหมดถ่ายภาพแบบต่างๆ มาใส่เพิ่มได้

แต่แน่นอนว่าโหมดกล้องนั้นก็จะไม่มากเท่าพวกรุ่นท็อปๆ อย่าง N3 หรือ R5 แน่นอนครับ บางโหมดที่เห็นว่าจะไม่มีเลยก็เช่น Super Macro และ Ultra HD

ลองใช้งานกล้องหน้าของ OPPO Mirror 3 ก็ถือว่าทำได้ดี เนียนกริบในสภาพที่รับแสงแดดจากหน้าต่างๆ เข้ามาเต็มๆ ส่วนอีกภาพถึงแม้จะหันหลังให้แดด ถ่ายภาพย้อนแสงและมีไฟหลอดกลมในห้องเล็กน้อย แต่ระบบก็ฉลาดพอที่ดันเอาความสว่างของใบหน้าขึ้นมา 

ส่วนนี่เป็นภาพตัวอย่างจากกล้องหลังครับ

ก็ถือว่าเป็นการพรีวิวแบบบคร่าวๆ ให้กับคนที่สนใจ OPPO Mirror 3 ทั่งในเรื่องของราคาที่ไม่แพงจนเกินไปนักกับโทรศัพท์ที่รองรับ 4G และคนที่สงสัยว่าฟังก์ชั่นรีโมทคอนโทรลนั้นใช้งานได้ประมาณไหน คัดลอกรีโมทได้หรือเปล่าน่าจะได้คำตอบกันไปบ้างไม่มากก็น้อย ตอนนี้เครื่องไม่อยู่ที่ผมแล้วครับ ยังไงถ้าใครมีคำถามที่พอจะตอบได้ก็จะมาตอบให้นะครับ  😀