คลอดซะที สำหรับพรีวิว Samsung Galaxy Note 3 ซึ่งเพือนๆ ที่จองเครื่องกันไปแล้วก็น่าจะได้ไปเล่นกันเป็นทีเรียบร้อย ส่วนคนที่กำลังตัดสินใจอยู่ ว่าจะไปซื้อกันเลยในงาน Mobile Expo ดีไหม หรือใช้ Note 2 อยู่แล้ว อยากรู้ว่ามันมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ก็ขอเชิญมาลองดูความสามารถของ Samsung Galaxy Note 3 กันได้ครับ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะกำเงิน 23,500 บาทไปสอยเครื่องใหม่กันหรือไม่

Gaalxy Note 3 รุ่นที่นำมาขายในบ้านเราเป็นรุ่นที่ใช้ CPU Exynos นะครับ ส่วน Snapdragon 800 นั้นยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใดว่าจะเอามาขายรึเปล่า แต่เรื่อง CPU ขอข้ามไปก่อน เพราะการใช้งานทั่วไปมันก็เหมือนกัน เถียงกันไปก็ไม่จบ และในมือผมก็มีแค่รุ่น Exynos ผมไม่สามารถมโนได้ว่ารุ่นไหนดีหรือเทพกว่าอย่างไร หน้าจอของ Galaxy Note 3 มีขนาด 5.7 นิ้ว จอใหญ่กว่า Note 2 แต่ขนาดตัวเครื่องแทบไม่ต่างจากเดิม เพราะพื้นที่รอบๆ ขอบจอนั้นแคบลง ดีไซน์ของหน้าตาและตัวเครืื่องโดยรวมก็เป็นทรงเดียวกับ S4

 

ส่วนฝาหลัง Note 3 ที่เป็นไฮไลท์เล็กๆ คือการเปลี่ยนวัดุจากพลาสติกมาเป็นหนังเทียม ซึ่งเห็นว่าจริงๆก็เป็น polycarbonate นั่นแหละ แต่ Samsung สามารถเล่นแร่แปรธาตุให้มันออกมาดูเป็นหนังได้ทั้งรูปลักษณ์และสัมผัส ให้ความรู้สึกในการสัมผัสที่แตกต่างไปจากเดิม จับแล้วรู้สึกดีขึ้น ซึ่งทาง Samsung บอกว่าที่เลือกใช้หนังเพราะแรงบันดาลใจจากสมุดโน๊ตสมัยโบราณ ที่เค้าเอากระดาษมาวางเรียงกัน แล้วใช้หนังเย็บทำเป็นปก 

 

มาดูฝาหลังแบบโคลสอัพกันชัดๆ จะเห็นว่ามีรอยตะเข็บเย็บอยู่รอบๆ ด้วยซึ่งรอยเย็บนี้ก็เป็นการทำให้เกิดลายขึ้นบนฝาหลัง ไม่ใช่รอยเย็บจริงๆ ส่วนกล้องของ Galaxy Note 3 มีความละเอียด 13 MP พร้อม LED Flash

 

ตัวเครื่องของ Note 3 นั้นบางลงครับ บางกว่า Note 2 ซะอีก แต่สังเกตุส่วนของ Module กล้องนั้นจะแอบนูนขึ้นมากว่าส่วนอื่นเล็กน้อย ส่วนลวดลายตรงขอบด้านข้างเค้าบอกว่ามันดีไซน์มาจากลายหน้ากระดาษที่เย็บรวมเป็นเล่มๆ นั่นเอง ด้านซ้ายนี่คือปุ่มปรับเสียงนะครับ จะอยู่ค่อนๆ ไปทางด้านบนของเครื่องเล็กน้อย

 

มุมมองด้านบนตัวเครื่องจะเห็นว่ายังมี Infrared เอาไว้ใช้งานกับ Samsung Watch On ควบคุมโทรทัศน์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่เหมือนเดิม ที่เหลือก็เป็นพวกช่องเสียบหูฟัง และ ไมโครโฟนตัวที่สอง ที่ใช้ตัดเสียงรบกวนรอบข้าง รวมถึงใช้เป็นไมค์ตัวที่สองเวลาอัดวิดีโอ จะได้เสียงแบบสเตอริโอด้วย 

 

ด้านล่างก็มีพวกช่องเก็บปากกา S PEN, ลำโพง, ไมโครโฟน และช่อง micro USB ซึ่งเป็นแบบ USB 3.0 อันนี้มีไว้เพื่อประโยชน์ในการโอนถ่ายข้อมูลให้เร็วขึ้น และชาร์จแบตให้เร็วขึ้นด้วยนะครับ แต่น่าจะต้องรอดูว่าทาง Samsung จะมีออก Charger ตัวใหม่มาหรือเปล่าด้วยเพราะถ้าใช้ที่ชาร์จที่เป็น 5V2A เหมือนกันก็น่าจะได้กำลังไฟเท่าเดิมอยู่ดี แต่ข่าวดีก็คือหัว USB 3.0 ยังสามารถใช้หัว micro USB แบบเก่าได้อยู่ อุปกรณ์เสริมเดิมๆที่มีก็น่าจะใช้ร่วมกันได้ปกตินะ

 

ส่วนด้านนี้ก็เป็นปุ่มเพาเวอร์ใช้เปิดปิดเครื่อง ใกล้ๆ กันนั่นก็คือรูที่ทำไว้แกะฝาหลังครับ

 

แกะฝาหลังออกมาแล้วก็เป็นแบบนี้ แบตเตอรี่ของ Galaxy Note 3 มีความจุ 3,200 มิลลิแอมป์ ชิป NFC สำหรับ S-Beam และ Android Beam ฝังอยู่ในแบตเตอรี่

 

ช่องใส่ micro SIM นั้นจะอยู่ด้านล่าง ส่วนช่องใส่ micro SD วางซ้อนอยู่ด้านบน

 

เอาละ ได้เวลาเปิดเครื่องกันซะที! UI และการใช้งานทั่วไปของ Samsung TouchWiz นั้นก็ไม่ได้ต่างจากเดิมมากเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นผมจะขอเน้นไปที่ลูกเล่นที่เพิ่มขึ้นมาของ Galaxy Note 3 เลยละกัน เพราะมันมีอะไรว้าวๆ พอสมควร แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของ S Pen นะครับ เพราะรอบนี้ Samsung แกบอกให้ดึงเอาปากกาออกมาใช้กันเถอะ

 

ชะแว้บ ฟีเจอร์แรก หลังจากก่อนหน้านี้มีพวก Air Gesture, Air View อะไรไปมากมาย Samsung Galaxy Note 3 ขอเสนอ “แอร์กำนัน” เอ๊ย! Air Command ลูกเล่นเสริมทีทำให้ปากกา S Pen มีประโยชน์ยิ่งยวดขึ้นไปอีก

 

Action Memo ฟังก์ชั่นจคโน๊ตที่คุณสามารถเอาไปใช้งานต่อได้ในทันที เมื่อเรียกขึ้นมาแล้วเขียนข้อความลงไป อย่างเช่นผมเขียนคำว่า DroidSans เสร็จแล้ว ระบบก็จะทำการดึงเอาข้อความที่ผมเขียนมาถามว่าจะทำอะไรต่อ ซึ่งผมเลือกที่จะค้านหาผ่านเว็บ ก็จะได้ผลลัพท์ตามภาพครับ

เราสามารถใช้ Action Memo ในการเขียนชื่อเพื่อนและเบอร์โทรศัพท์ แล้วเลือกบันทึกลงสมุดโทรศัพท์ได้ทันที หรือเขียนข้อความแล้วนำส่งเป็น email ก็ได้เช่นกัน

 

Scrap Book สร้างสมุดภาพเพื่อเก็บรวมรวบสิ่งต่างๆ ได้ง่ายๆ จัดให้เป็นหมวดหมู่ บางทีเราอาจจะค้นหาข้อมูลเพื่อทำรายงาน หรือวางแผนจะไปเที่ยวที่ไหน การเปิดเว็บไซต์ปมาหลายๆ รอบหรือเปิดหลายๆ หน้าต่างก็อาจจะเกิดอาการงุนงงได้ เจ้า Scrap Book ตัวนี้แหละครับ ที่ทำออกมาช่วยให้เราเก็บข้อมูลต่างๆ ที่เราต้องการได้

โดยเราแค่เลือก Scrap Book จาก Air Command แล้วก็ลากบริเวณที่เราต้องการจะเก็บเข้าสมุดภาพ ซึ่งนสมุดภาพก็จะเป็นลักษณะของการตัดแปะ ทำให้เราได้เห็นข้อมูลต่างๆ ชัดเจนและค้นหาได้ง่ายขึ้น

 

Screen Write ฟังก์ชั่นการเขียนลงบนหน้าจอ แค่มีปุ่มเพิมขึ้นมาให้และคำสั่งให้เขียนลงไปได้เลย  ไม่ต้องกดจับภาพหน้าจอก่อนเท่านั้นเอง แต่เมื่อแตะแล้วมันก็จับภาพหน้าจออยู่ดี (แตกต่างจาก QuickMemo ของ LG ที่เป็นการเขียนลอยๆ ไปเลยบนหน้าจอ) 

S Finder อันนี้เป็นการค้นหาข้อมูลต่างๆ จากในเครื่องและอินเตอร์เน็ท ซึ่งจุดเด่นของ S Finder คือสามารถหาข้อความจากข้อมูลแทบทุกส่วนในเครื่องมาได้เลย ทั้งโน๊ตที่จดไว้ เบอร์โทรศัพท์ ภาพที่เราถ่ายไว้ว่าถ่ายที่ไหนอย่างไร มองกลายๆก็คล้ายๆ Google Now นั่นเอง

 

Pen Window ฟังก์ชั่นสุดท้ายของ Air Command ที่ขอบอกว่าเจ๋งมากๆ (แต่อันนี้ใน Sony ก็มีนะ เรียกว่า Small App) คือเราสามารถเอา S Pen มาวาดช่องสี่เหลี่ยมเป็นหน้าต่าง แล้วก็เลือกแอพที่จะเปิดขึ้นมาใช้งานได้

 

อย่างภาพนี้ผมใช้ Pen Window วาดหน้าต่างบนจอแล้วก็เปิดเครื่องคิดเลขขึ้นมาใช้งาน ส่วนแอปที่รองรับ Pen Window ก็ไม่ต่างจาก Multi Window ครับ คือจำกัดแค่บางแอปเท่านั้น ไม่ใช่เปิดได้ทุกแอปนะ

 

มาต่อที่การใช้งาน S Note แอปสุดโปรดของคนที่ใช้ Galaxy Note กันดีกว่า รอบนี้มีการพัฒนาในเรื่องของรูปแบบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหน้าปก ลายกระดาษ ที่เปิดมาก็จะให้เลือกเพื่อความเหมาะสมในการใช้วานตั้วแต่แรกเลย ซึ่งตรงนี้เลือกแล้วก็ยังสามารถกลับมาเปลี่ยนในภายหลังได้นะครับ

 

แต่ที่เจ๋งสุดใน S Note คือฟีเจอร์นี้ครับ Easy Chart เราสามารถสร้างตารางข้อมูลและแผนภูมิได้ง่ายๆ จาก Galaxy Note 3 ของเราได้ทันที แค่เลือกแล้วก็กำหนดขอบเขตของตารางออกมาซะก่อน

 

จากนั้นก็ใส่ข้อมูลเข้าไป ซึ่งพอสมกรอกข้อมูลเสร็จแล้ว เราก็สามารถจะนำเอาข้อมูลมาแปลงเป็นแผนภูมิแท่ง แผนภูมิวงกลมได้ง่ายๆ เพียวแค่คลิกเลือกเท่านั้นเอง

 

แต่ที่ทำให้มันได้ชื่อว่า Easy Chart ผมว่าน่าจะเป็นอันนี้ คือเราสามารถลากกราฟเพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้

 

หรือต้องการจะเสริมข้อมูลก็ง่ายสุดๆ วาดมันเข้าไปเลย แล้วค่อยใส่ตัวเลขทีหลัง Easy จริงๆ

S Note ยังมีอีกอย่างที่พัฒนาขึ้นจากเดิมแล้วค่อนข้างประทับใจคือมันสามารถที่จะตัดแปะเส้นที่เราวาดเขียนได้แล้ว ไม่ต้องมานั่งลบเขียนใหม่ตลอดเวลา

 

มาปิดท้ายกันด้วยโหมดกล้องและตัวอย่างภาพถ่ายนะครับ ซึ่งในโหมดกล้องก็จะมีลูกเล่นต่างๆ พอสมควร แต่ลองไล่เรียงดูแล้วเหมอืนจะน้อยกว่า Galaxy S4 อยู่เล็กน้อย พวก Best Shot, Best Face ยังคงมีอยู่เช่นเคย รวมถึง Drama Shot ก็ยังมีอยู่เช่นกัน แต่โหมดใหม่ที่มีเข้ามาคือ Golf Mode ที่เราสามารถคำนวนความเร็ววงสวิงของเราได้ . . . แต่ผมไม่ได้ตีกอล์ฟ ในพรีวิวนี้ก็ขอผ่านไปก่อนละกันครับ

ปิดท้ายที่ภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy Note 3 ที่นาย Gimme หิ้วไปเที่ยวญี่ปุ่นมาจ้า

ใครอยากชมภาพอื่นๆ ขอเชิญที่

 ตัวอย่างภาพถ่ายแบบ Full Size จาก Samsung Galaxy Note 3