Preview Samsung Galaxy S5 สมาร์ทโฟนที่นำคุณกลับมาสู่ความเรียบง่าย แต่ทรงไปด้วยประสิทธิภาพ

ในที่สุดก็ได้จับ Samsung Galaxy S5 ตัวเป็นๆ แล้ว ในงานเปิดตัว S5, Gear 2 และ Gear Fit วันนี้เลยจะเอาความรู้สึกที่ได้จับได้ลองมาเล่าสู่กันฟัง ว่าสัมผัสแรกที่ได้ลองเล่นนั้น ประทับใจยังไง ไม่ประทับใจตรงไหน

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าช่วงเวลาที่ได้เล่นเครื่องนั้นมีน้อยมากๆ ประมาณ 30-40 นาทีเองมั้ง เพราะในงานเปิดตัวรอบบล็อกเกอร์นั้นคนเยอะมาก เยอะแบบแน่นห้องครับ หันไปทางไหนก็มีแต่คน แล้วเครื่องก็มีน้อยจนต้องแบ่งๆ กันลองแบ่งๆ กันเล่น หากเนื้อหาไม่ครบถ้วนต้องขออภัยเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านด้วย เอาไว้ตอนรีวิว Galaxy S5 จริงจังแล้วจะจัดให้ครบเลย 

ได้เครื่องมาปั้บ ความรู้สึกแรกเลยคือ เออ มันเบานะ ขนาดกำลังพอดี (มือผม) อาจจะใหญ่ไปนึดนึงแต่ก็ถือว่ายังโอเคอยู่ พอมองไปที่ด้านหน้าเครื่องและลองเปิดหน้าจอขึ้นมา มันได้กลิ่นอายของความใหม่ครับ มันไม่ใช่อารมณ์เดียวกับ Galaxy ก่อนหน้านี้ ที่แข็งๆ เดิมๆ พอได้ลองเลื่อนนิ้วปาดไปปาดมาแล้วบอกได้ว่ามันดูพริ้วไหวในความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากเมื่อตอน S4 และ Note 3 

แต่อารมณ์ก็มาสะดุดนิดนึงตรง ไอคอนแอปหลักๆ บนหน้าจอที่น่าจะปรับใหม่อีกสักนิด เพราะถ้าลงทุนปรับหน้าตา UI หลายๆ อย่างขนาดนี้แล้ว น่าจะปรับพวกไอคอนอีกสักนิดนึงนะ

 

ส่วนความใหม่ที่เห็นได้ชัดคือ Google เริ่มโชว์พาว บีบคอ Samsung บอกว่า “เฮ้ย ช่วยโปรโมต Android หน่อยดิ เอาปุ่ม Recent Apps ไปใช้ได้แล้ว” เราเลยได้เห็นปุ่ม Recents App บน Galaxy ซะที หลังจากก่อนหน้านี้ดื้อแพ่งใช้เป็นปุ่มเมนูมาตลอด ทำให้ Galaxy S5 เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่มีปุ่มแอปล่าสุดโผล่มา (แต่ถ้ากดค้างจะปลายเป็นปุ่มเมนูนะ)

แล้วถ้าถามว่าใช่เครื่องแรกของ Samsung เลยมั้ย ตอบได้เลยว่าไม่ใช่ เพราะเครื่องแรกที่มีปุ่มนี้คือ Samsung Galaxy Note Pro 12.2

 

ความใหม่อีกอย่างคือการที่ Samsung เอา Galaxy S5 ไปสอบใบประกาศ IP67 มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่นแบบเดียวกับที่ค่ายอื่นๆ เค้ามีกัน เพราะฉะนั้นเราจะเห็นช่องเสียบ micro USB ที่ท้ายเครื่องมีฝาปิดพร้อมซีลยางเอาไว้นั่นเอง มีไว้เพื่อกันน้ำและฝุ่นเข้าไปในตัวเครื่องครับ

โดยในงานนี้ทีมงาน Samsung เน้นและย้ำมากๆ ว่า Galaxy S5 ไม่ใช่มือถือ “กันน้ำ” ไม่แนะนำให้เอาไปเล่นหรือถ่ายภาพในน้ำ แต่เป็นมือถือ “ทนน้ำ” ที่คุณถือไปเล่นสงกรานต์ได้ ทำน้ำหกใส่ ตากฝน ไม่ใช่ปัญหา

 

 

ถึงแม้ว่า Galaxy S5 จะเป็นมือถือทนน้ำทนฝุ่น แต่ก็สามารถแกะฝาหลังเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้นะครับ สังเกตุดีๆ ที่ฝาหลังจะมีซีลยางรอบๆ อยู่ เมื่อเราประกบฝาหลังเข้าไปแน่นๆ กดล็อครอบๆ เครื่องให้ดี แผ่นยางมันก็จะไปช่วยกันไม่ให้น้ำไหลเข้ามาถึงวงจรภายในครับ

ตรงนี้ก็เป็นจุดที่มีความเสี่ยงจุดนึงครับ เพราะจากตอนที่ลองแกะๆ ประกอบๆ เล่นๆ ในงานนี่ บางครั้งคิดว่าประกอบฝาหลังแน่นแล้ว พอหมุนๆ เครื่องดูพบว่ามีบางมุมของเครืองที่ยังไม่ได้ล็อคกันสนิท ก็ต้องกดให้มันลงล็อค ไม่งั้นถ้าไปเจอน้ำอาจจะซึมเข้าไปได้ 

 

ส่วน S-View Cover ก็เช่นกันครับ มีซีลยางให้เรียบร้อยเพราะเวลาจะเปลี่ยนมันต้องแทนฝาหลังเลย งานนี้ใครที่อยากใช้ S-View Cover คงต้องซื้อของแท้กันละครับ เพราะถ้าของก็อปทำมาไม่ดี น้ำจะเข้าเครื่องเอาได้ 

 

 

เคยมีหลายคนถามเกี่ยวกับพวกมือถือกันน้ำว่า “ทำไมช่องหูฟังไม่มีจุกปิดเหรอ เดี๋ยวน้ำก็เข้าหรอก?” ขออธิบายว่าไม่จำเป็นครับ เพราะช่องมันตัน ไม่มีรูเข้าไปถึงแผงวงจรภายในแน่นอน หากน้ำมันเข้าไปทิ้งไว้เดี๋ยวก็แห้งเอง

 

มาถึงพื้นผิวด้านหลังของ Galaxy S5 ที่โจษจันกันว่าจริงๆ แล้วมันได้แรงบันดาลใจมาจากไหนกันแน่ อิอิ ตอนแรกที่ลองจับก็ เอ้ย! มันนุ่มกว่า faux leather ของ Note ครับ จับแล้วให้ความรู้สึกดีกว่า มันรู้สึกหยุ่นๆ มือดี

แต่ส่วนตัวก็แอบกลัวว่า ถ้ามันไปโดนน้ำแล้วมันจะเป็นยังไง? หรือใช้ไปนานๆ สัก 3-4 เดือน โดนเหงื่อโดนความร้อนแล้วมันจะลอกเป็นขุยๆ เหมือนพวกหนังเทียมทั่วๆ ไปหรือเปล่า 

 

มาถึงตัวเครื่องและระบบกันซะที ตอนแรกที่ผมเปิดเข้ามาดูหน้า setting นี่งงเลย คือมันเยอะมาก ไอคอนกลมๆ หลากสีนี่ตอนแรกนึกว่าเป็นเกม Bejeweled ว่าจะจับเรียงเพชรมันซะเลย เพื่อนๆ อาจจะเห็นว่ามันมีแค่ 12 อัน แต่ขอบอกว่าพอปัดขึ้นปัดลงแล้วมีหลายหน้ามาก มึนไปเลย ต้องคอยแตะๆ ให้มันเก็บเข้าไปเป็นหมวดๆ ถึงได้ดูง่ายขึ้น 

 

แต่ด้วยความที่ผมยังไม่ชิน เลยขอปรับกลับมาเป็นแบบปกติดีกว่า มีแถบด้านบนให้เลือกเป็นหมวดๆ ดูง่ายดี คุ้นเคยๆ

 

ตอนนี้มาลองความสามารถใหม่ของ S5 กับเซนเซอร์วัดจังหวะการเต้นของหัวใจ Heart Rate Monitor ขอเรียกสั้นๆ ว่า HRM นะครับ

เซนเซอร์ตัวนี้จะอยู่ข้างๆ LED Flash โดยหากเราต้องการจะวัดก็ต้องเปิดแอปขึ้นมาก่อน (เป็นส่วนนึงของ S Health) เมื่อเปิดแล้วก็เอานิ้วไปแตะไว้ที่ด้านหลัง ขอย้ำว่าให้แตะไว้เฉยๆ นะครับ ห้ามกดเพราะถ้ากดนิ้วลงไปมันจะวัดไม่ได้ วิธีดูว่าแตะแล้ววัดค่าได้คือต้องเห็นว่ามีไฟสีแดงกระพริบๆ เป็นจังหวะ รอสักพักนึงที่หน้าจอก็จะบอกตัวเลขออกมาว่าหัวใจเราเต้นกี่ครั้งต่อวินาที

 

ต่อมาคือ Ultra Power Saving Mode ที่ปรับหน้าจอเป็นขาวดำ (ไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะได้กลับมาใช้มือถือจอขาวดำนะเนี่ย) ตัดฟังชั่นและฟีเจอร์ทุกอย่างทิ้งไป เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะเห็นว่าที่แบตเตอรี่ 80% สามารถยืดอายุ Galaxy S5 ของเราได้ถึง 10 วันโดยที่ไม่ต้องชาร์จแบตเลย

ส่วนนึงผมว่ามันมีประโยชน์แน่ๆ ตอนที่แบตมือถือเราใกล้จะหมด แต่เนื่องจากว่า Ultra Power Saving Mode นั้นมันสามารถเปิดใช้งานแอพบางตัวได้ แม้กระทั่ง Google+ หรือ LINE ก็ยังใช้ได้ ผมเลยคิดว่าสำหรับบางคนที่อาจจะไม่ได้เล่นอะไรมาก เน้นแค่เล่นแชทผ่าน LINE และโทรอาจจะเลือกเปิดโหมดนี้ใช้งานแล้วไม่ต้องชาร์จแบตบ่อยๆ ไปเลยก็ยังได้ (หน้าจอขาวดำมันแนวดีนะ อินดี้สุดๆ)

 

และส่วนสุดท้ายที่พอมีเวลาได้ลองเล่น นั่นคือกล้องของ Galaxy S5


โหมดพิเศษต่างๆ ของกล้องมีการปรับใหม่ ไม่โผล่มาให้เยอะจนเลือกไม่ถูกตั้งแต่แรก ซึ่งอันนี้ผมชอบนะ คือเน้นแต่โหมดหลักๆ ที่ใช้บ่อยๆ ขึ้นมาให้เลือกก่อน เช่น Beauty Mode, Panorama อะไรแบบนั้น 

 

โหมดใหม่แกะกล่องที่มีมาให้ใน S5 คือ Selective Focus ครับ (ภาษาไทยเรียก โฟกัสที่เลือก) มาร่วมทวงคืนน้อยหน่าให้เจี๊ยบ!

ไม่ใช่ละ คนละโฟกัสกันครับ โหมด Selective Focus จะเป็นการถ่ายภาพไปก่อน แล้วค่อยเลือกจุดโฟกัสทีหลัง จะให้หน้าชัดหลังเบลอหรือหลังเบลอหน้าชัดก็สามารถทำได้ ขณะถ่ายภาพจะมีการถ่าย 2 ครั้งติดกัน แนะนำว่าต้องถือกล้องให้นิ่งๆ สักประมาณ 2 วินาที

 

ส่วนนึงที่สนใจคือเจ้า ISOCELL เซนเซอร์ของ S5 นี่แหละ อยากเอาออกมาลองนอกงานว่ามันถ่ายภาพออกมาได้ดีแค่ไหน เก็บแสงเก็บสีได้มากกว่าอย่างที่โม้ไว้หรือเปล่า น่าเสียดายได้ลองแค่ในห้องครับ จุดที่น่าสนใจอีกอย่างคือเซนเซอร์ของ Galaxy S5 นั้นน่าจะเป็นเซนเซอร์แบบไวด์ 16:9 ไม่ใช่เซนเซอร์ 4:3 เพราะดูจากขนาดภาพแล้ว ที่ใหญ่สุดเป็นภาพไวด์ 16 MP 

ตอนแรกว่าจะเอาตัวอย่างภาพมาให้ได้ดูกัน แต่สอบถามแล้วทาง Samsung บอกว่า software ยังไม่สมบูรณ์ ผมเลยขอยกยอด เอาไว้ดูภาพถ่ายกันตอนรีวิว Galaxy S5 นะครับ สำหรับการพรีวิวในวันนี้ก็ต้องขอจบลงเพียงเท่านี้ครับ สวัสดี~

ปล. พรีวิว Gear Fit กับ Gear 2 รออีกหน่อยนะ

 

บทความที่เกียวข้อง

 สเปคและราคา Samsung Galaxy S5