Qualcomm ออกมาประกาศแผนการของ SoC หรือ System on Chip ตัวใหม่ซึ่งจะเป็นขุมพลังสำคัญของ Android ที่จะเปิดตัวในปี 2015 โดยการที่ต้องออกมาเปิดเผยข้อมูลก่อนเปิดตัวจริงเกือบปีนั้น ก็เพื่อตอบโต้คู่แข่งอย่าง MediaTek, Nvidia รวมทั้ง Apple ที่เปิดตัวซีพียู 64 บิตไปตั้งแต่ปลายปี 2013 เรียกว่าของจริงยังไม่มาไม่เป็นไร บอกแผนการไว้ให้อุ่นใจก่อน เรามาดูกันดีกว่าครับว่าในปี 2015 นี้ Qualcomm มีอะไรเด็ด ๆ รอเราอยู่บ้าง

Snapdragon 810

Qualcomm Snapdragon 810 (MSM8994) จะเป็นซีพียูรุ่นบนสุดของ Qualcomm ในช่วงต้นปี 2015 ซึ่งจะมาแทนที่ Snapdragon 805 ของปีนี้ ซึ่งคุณสมบัติหลัก ๆ ก็เรียกได้ว่าจัดเต็มครับ มีคุณสมบัติดังนี้

  • ซีพียูสถาปัตยกรรม ARM v8-A ใช้หน่วยประมวลผล ARM Cortex A57 จำนวน 4 Core + ARM Cortex A53 จำนวน 4 Core รวมเป็น 8 Core ใช้การประมวลผลแบบ big.LITTLE ผลิตที่กระบวนการผลิต 20 นาโนเมตร
  • จีพียู Adreno 430
  • แบนด์วิธหน่วยความจำ LPDDR4-1600 แบบ 64 บิต
  • รองรับ LTE Cat 6/7 ในตัว
  • eMMC interface 5.0
  • ไม่มี Wi-Fi (ต้องใช้โมดูล Wi-Fi แยกต่างหาก)
  • ISP ของกล้อง ใช้ dual-ISP แบบ 14 บิต
  • รองรับการเข้ารหัสและถอดรหัสวิดีโอ H.265

Snapdragon 808

Qualcomm Snapdragon 808 (MSM8992) จะคล้ายกับ 810 แต่ลดคุณสมบัติบางอย่างลง เช่นการจัดเรียง Core ที่ต่างกัน และอินเทอร์เฟซหน่วยความจำกับกราฟิกที่ช้ากว่าเล็กน้อย มีคุณสมบัติดังนี้

  • ซีพียูสถาปัตยกรรม ARM v8-A ใช้หน่วยประมวลผล ARM Cortex A57 จำนวน 2 Core + ซีพียู ARM Cortex A53 จำนวน 4 Core รวมเป็น 6 Core ใช้การประมวลผลแบบ big.LITTLE ผลิตที่กระบวนการผลิต 20 นาโนเมตร
  • จีพียู Adreno 418
  • แบนด์วิธหน่วยความจำ LPDDR4-933 แบบ 64 บิต
  • รองรับ LTE Cat 6/7 ในตัว
  • eMMC interface 5.0
  • ไม่มี Wi-Fi (ต้องใช้โมดูล Wi-Fi แยกต่างหาก)
  • ISP ของกล้อง ใช้ dual-ISP แบบ 12 บิต
  • รองรับการถอดรหัสวิดีโอ H.265 อย่างเดียว ไม่รองรับการเข้ารหัส

จากข้อมูลทั้งหมดจะเห็นว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ Qualcomm นำเทคนิค big.LITTLE มาใช้งานในซีพียูของตนเอง เหมือนกับในซีพียู Exynos ของ Samsung หลักการทำงานคือ งานไหนที่ใช้ซีพียูน้อยจะถูกโยกไปประมวลผลกับ Cortex A53 เพื่อประหยัดพลังงาน ส่วนการทำงานที่ต้องใช้ซีพียูหนักจะถูกโยกไปประมวลผลกับ Cortex A57 เพื่อประสิทธิภาพที่สูงกว่า และการจัดเรียง big.LITTLE ของ Qualcomm นี้รองรับ Heterogeneous Multi-Processing (HMP) หน่วยประมวลผลทั้ง 2 ตัวสามารถทำงานพร้อมกันได้เมื่อจำเป็น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในขณะนั้น (ซึ่ง Exynos 5410 ที่ใช้ใน Samsung Galaxy S4 และ Exynos 5420 ที่ใช้ใน Samsung Galaxy Note 3 ไม่สามารถทำได้) และ Core ทั้งหมดในซีพียูจะวิ่งที่ความถี่เดียวกันหมด

ประสิทธิภาพของ ARM Cortex A57 นั้นเร็วกว่า ARM Cortex A15 ตัวก่อนประมาณ 25-55 เปอร์เซ็นต์ และกินพลังงานน้อยลง 20 เปอร์เซ็นต์ อันเนื่องมากจากกระบวนการผลิตแบบ 20 นาโนเมตร ซึ่งเล็กลงกว่า SoC ปัจจุบันที่ผลิตที่ 28 นาโนเมตร

อีกสิ่งที่สำคัญคือ Snapdragon 808 และ 810 ใช้สถาปัตยกรรมของ ARM มาตรฐานเลย แทนที่จะใช้ซีพียู Krait แบบปรับแต่งของตนเอง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าทาง Qualcomm จะเปิดตัวชิพที่ Krait ของตนเองภายหลังในปีนี้ (สงสัยจะทำไม่ทัน)

ส่วนจีพียู Adreno 418 ใน Snapdragon 808 นั้นมีประสิทธิภาพสูงกว่า Adreno 330 ใน Snapdragon 801 ตัวปัจจุบันซึ่งใช้ใน Samsung Galaxy S5, HTC One M8, Sony Xperia Z2 ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ และ Adreno 430 ใน Snapdragon 810 ตัวบนสุดนั้นเร็วยิ่งกว่า เพราะเร็วกว่าตัวปัจจุบันถึง 80 เปอร์เซ็นต์

ชิพทั้ง 2 ตัวจะสามารถถอดรหัสวิดีโอ (เล่นวิดีโอ) ในฟอร์แมต H.265 แต่ Snapdragon 810 ตัวบนจะรองรับการเข้ารหัส (ถ่ายวิดีโอ) ในฟอร์แมต H.265 ด้วย ส่วน Snapdragon 805 ซึ่งจะมาแก้ขัดในช่วง Summer ปีนี้ก็รองรับแค่การถอดรหัสเท่านั้น

ส่วนโมเด็ม LTE ที่ฝังมาในตัวก็ผลิตบนสถาปัตยกรรม 20 นาโนเมตรเช่นกัน รองรับ Carrier Aggregation หรือใช้คลื่น 3 ย่านความถี่เพื่อความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลที่สูงขึ้น

สุดท้าย โทรศัพท์ที่มาพร้อมกับ Snapdragon 808 และ 810 จะสามารถประมวลผลรูปภาพแบบ Real-time ได้เร็วกว่าตัวปัจจุบัน เนื่องมาจากการปรับปรุง ISP หรือ Image Signal Processor มีขนาดใหญ่กว่า Snapdragon 805 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์

ส่วนคุณสมบัติบางอย่างที่เห็นในรูปภาพด้านบนอย่างการรองรับ Gesture, Ultrasound Pen และการถ่ายวิดีโอ Ultra HD ก็ไม่ต้องรอนานถึงปีหน้า เพราะจะมาใน Snapdragon 805 ซึ่งจะเปิดตัวในช่วง Summer ปีนี้เลย (ประมาณเดือนมิถุนายน-สิงหาคม)

มีการคาดการณ์ว่า Snapdragon 810 ตัวบนน่าจะถูกเปิดตัวก่อนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 ในงาน Mobile World Congress (เว้นระยะห่างจาก Snapdragon 801 ตัวปัจจุบัน 1 ปี) ส่วน Snapdragon 808 จะตามมาในภายหลังในปี 2015 ครับ

ที่มา: AndroidAuthority