ก่อนหน้านี้ไม่นานเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นยี่ห้อ ASTON กันอยู่บ้าง เพราะแบรนด์นี้อัดโฆษณาบน Facebook เยอะมาก แต่ถ้าไม่เคยหรือไม่แน่ใจก็ลองนึกภาพสมาร์ทโฟนที่มีดาราอย่าง ภา ณปแพท มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้ หลายๆ คนอาจจะร้องอ๋อกันแล้ว แต่บางคนอาจจะยังเกาหัวแกรกๆ ไม่เป็นไรครับ วันนี้พอดีได้เครื่อง ASTON Luxury 4G มา เลยขออาสามารีวิวให้ดูกัน สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมของ ASTON 4G Luxury สามารถไปดูได้ที่ Lazada (จะคลิกลิงค์หรือไม่ก็แล้วแต่ศรัทธา แต่บอกก่อนว่าเว็บไม่ได้อะไรจากการคลิกแม้แต่บาทเดียวจ้า)

บอกเล่ากันบางๆ ก่อนว่า ASTON เป็นแบรนด์ไทยที่วางจำหน่ายสมาร์ทโฟนมาแล้วหลายรุ่นซึ่งส่วนมากก็จะเน้นราคาประหยัดไม่กี่พันบาทนี่แหละ และรุ่นล่าสุดตัวท็อปก็คือ Luxury 4G เครื่องนี้นี่เองส่วนสเปคจะเป็นยังไงนั้นตามมาดู

สเปค ASTON Luxury 4G 

  • Android 5.1 Lollipop
  • หน้าจอ 5.5 นิ้ว TFT LCD ความละเอียด HD (1280×720)
  • CPU Mediatek MT6735P 1.0 GHz Quad-core 
  • GPU ARM Mali-T720
  • ROM 16GB (รองรับ microSD)
  • RAM 1GB
  • กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (บันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด HD 1280×720)
  • กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (บันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด VGA 640×480)
  • เซนเซอร์ Accelerometer, Proximity, Light sensor
  • มีระบบสแกนลายนิ้วมือ
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิม
  • รองรับ 4G LTE / 3G
  • แบตเตอรี่ (พยายามหาข้อมูลแล้ว ไม่มีที่ไหนบอกเลย บนกล่องไม่มี บนเว็บก็ไม่มี)
  • ราคาเปิดตัว 3,990 บาท

กล่องและอุปกรณ์ต่างๆ

สมาร์ทโฟนราคาประหยัดหลายๆ รุ่นมักจะจัดของแถมมาให้ครบครัน ASTON Luxury 4G ก็เช่นกัน มีครบตั้งแต่หูฟัง, สาย micro USB, หม้อแปลง

ตอนแรกนึกว่าไม่มีเคสมาให้ พอล้วงลงไปที่ด้านล่างของกล่องก็เจอเตสซิลิโคนอ่อนและฟิล์มกันรอยครับ ที่ไม่ธรรมดาคือฟิล์มกันรอยที่แถมมาเป็นฟิล์มกระจกซะด้วย เอากะเค้าสิ

ตัวเคสซิลิโคนนั้นถือว่าออกแบบมาได้พอดีเป๊ะ ตัดต่อช่องต่างๆ ได้ตรง เวลากดปุ่มด้านข้างก็กดง่าย ไม่ไปกดทับปุ่มอื่นพ่วงไปด้วยในเวลาเดียวกัน 

ยังไม่หมดครับ นี่ยังแถมเคสแบบฝาพับพร้อมช่องมองหน้าจอมาด้วย แต่พอเปิดมา ผมนี่ถึงกับอึ้ง… 

เพราะมันไม่มีตัวล็อค แต่ให้เราลอกแถบกาวสองหน้าออกมา แล้วแปะลงไปบนเครื่องเลย… โอ้ว นี่คิดได้ยังไง 

พอลองเอามาแปะหน้าจอแล้วก็พบว่าช่องบนเคสฝาพับนั้นจะแสดงนาฬิกาโดยอัตโนมัติ ไม่สามารถเปลี่ยนภาพ ตั้งค่า หรือทำอะไรกับมันได้แล้ว ทำได้อย่างเดียวคือแตะรับสายเวลามีคนโทรเข้ามาครับ ถ้าเปิดเพลงแล้วปิดฝามันก็จะกลายเป็นนาฬิกาเหมือนเดิมนี่แหละ

เทียบกับเคสซิลิโคนแล้ว เคสฝาพับของ ASTON Luxury 4G นี่ไม่ผ่าน นอกจากจะต้องแปะกาวแล้ว ช่องที่เจาะมายังไม่ตรงด้วย ถ้าให้วางรูมันตรงกับนาฬิกา ช่องลำโพงสนทนาก็จะโดนบัง แต่ถ้าให้ช่องลำโพงตรงกัน นาฬิกาก็จะเบี้ยวทันที – -“

หูฟังที่ให้มาก็ถือว่าพอฟังได้ ติดอย่างเดียวว่าทำไมลองฟังแล้วเสียงมันดังไม่เท่ากันก็ไม่รู้ อ้อ แล้วก็นเครื่องมี FM Radio ที่ในหลายๆ รุ่นเริ่มไม่ค่อยเห็นละ อันนี้เผื่อใครชอบฟังวิทยุก็ยังพอได้อยู่

 

ตัวเครื่อง วัสดุ และงานดีไซน์ 

ตัวเครื่อง ASTON Luxury 4G นั้นเป็นการผสมระหว่างโลหะกับพลาสติก โดยส่วนใหญ่จะเป็นพลาสติกซะมากกว่าตั้งแต่ฝาหน้าไปจนถึงแกนเครื่อง ส่วนที่เป็นโลหะนั้นคือฝาหลังชิ้นกลางเท่านั้น งานประกอบดูแน่นหนาวัสดุก็ตามราคาครับ แต่จะขาดก็เรื่องของการเก็บรายละเอียดนิดหน่อย เช่นขอบช่องถาดซิมนั้นค่อนข้างคม และช่องถาดซิมก็จมลงไปในเครื่องนิดๆ จิ้มออกก็ลำบาก มีจิ้มผิดแล้วไม่เด้งออกด้วยในบางครั้ง

วัสดุด้านหลังตรงกลางที่เงาๆ นั่นแหละครับที่เป็นโลหะทั้งแผ่น ส่วนหัวและท้ายนั้นเป็นพลาสติก งานประกอบแน่นหนาดี จับเข้ามือ ลองบีบๆ ก็ไม่มีเสียงกรอบแกรบให้ได้ยิน

กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มาพร้อมไฟ LED Flash และด้านล่างคือช่องสำหรับสแกนลายนิ้วมือ 

ถาดซิมนี่แปลกๆ คือมีช่อง nano SIM อยู่ถาดเล็กด้านบน อันนี้เป็นช่องซิม 2 นะครับ ส่วนถาดใหญ่ด้านล่างที่เป็นช่อง micro SIM นั้นคือซิม 1 ซึ่งสิ่งที่สร้างความสับสนคือช่องที่ 2 ของถาดใหญ่นั้นดันบอกว่าใส่ซิมได้ด้วย แต่จริงๆ มันใส่ได้แค่ micro SD ครับ (ตอนแรกผมนี่นึกว่าจะใส่ได้ 3 ซิมเลย) อย่างที่บอกครับว่ามันขาดการเก็บรายละเอียดไปหน่อย

 

ประสิทธิภาพและการใช้งาน

หน้าจอ 5.5 นิ้วของ ASTON Luxury 4G นั้นมีความละเอียด HD ก็จริง แต่เหมือนตัว panel หน้าจอที่เป็น TFT LCD นั้นมีขนาดพิกเซลค่อนข้างใหญ่ เลยจะเห็นเม็ดพิกเซลชัดหน่อย แถมมุมมองก็ไม่ค่อยกว้าง เอียงข้างนิดนึงสีก็เริ่มเหลือบๆ ให้เห็นแล้ว ส่วนกระจกหน้าจอนั้นในคลิปโฆษณาบอกว่าเป็น Gorilla Glass 4 แต่ผมเองไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่ เพราะลองจับๆ ถูๆ ไถๆ แล้วมันเป็นพลาสติกแน่ๆ ไม่ใช่กระจกอะ

ส่วน UI การใช้งานถือว่าลื่นพอได้ เพราะแทบจะมาเป็น pure android โล้นๆ ไม่ได้แต่งเสริมเติมอะไรเข้าไปเลย ส่วน RAM 1GB นั้นเหลือให้ใช้เกือบครึ่งนึง แต่แนะนำให้เอาแอพ CM Security ออกไป เพราะนอกจากจะกิน RAM แล้วมันยังจะไปลากเพื่อนๆ แอพมาลงเพิ่มให้กิน RAM มากขึ้นไปอีก

ในส่วนของการเปิดแอพนั้นอาจจะไม่เร็วปรู้ดปร้าดเพราะ CPU ดูเหมือนจะทำงานช้าไปหน่อย แต่พอมันโหลดเก็บไว่ใน RAM แล้วก็พอไหว ถ้าเปิดแอพเยอะๆ ก็จะเจออาการนิ่งๆ ไปบ้างสักครู่ แล้วมันก็จะกลับมาทำงานต่อ คือประมวลผลไม่ทันอะไรทำนองนั้น

หน่วยความจำภายใน 16GB ก็เหลือให้ใช้เยอะพอสมควรถึง 11GB อันนี้นับเป็นข้อดีข้อนึงของ Aston Luxury 4G เลยก็ว่าได้ อย่างน้อยก็ลงแอพได้เยอะ มีพื้นที่เหลือเผื่อแอพอย่าง Facebook หรือ LINE มันบวมขึ้นเรื่อยๆ

ผลการทดสอบ Antutu นั้น ASTON Luxury 4G ได้คะแนนประสิทธิภาพออกมาที่ 19068 คะแนน ส่วนหน้าจอนั้นรองรับมัลติทัชได้ 5 จุด เท่าที่ลองทดสอบไม่เจอปัญหาทัชสลับเวลาไขว้นิ้วไปมาครับ แต่ถ้าลากนิ้วมาใกล้ๆ กันก็เจอกระพริบๆ และสลับกันบ้างนิดหน่อย แต่ถือว่าทัชสกรีนดีกว่าหลายๆ รุ่นในราคาใกล้ๆ กัน แต่กระนั้นก็ยังมีเอ๋อๆ เช่นบางทีปัดนิ้วเลื่อนหน้าจอก็เป็นการแตะเลือก (แต่ไม่บ่อยนะ)

ถึงแม้คะแนนของ Antutu จะน้อยไปหน่อย แถมยังโชว์ว่าไม่รองรับการทดสอบกราฟิค 3D แต่พอลองโหลดเกมใหญ่ๆ 3D ทั้งเกมอย่าง Evil Bane มาลองก็เล่นได้นะครับ แม้ว่ามันจะโหลดนานจนนึกว่าเครื่องค้างไปสักพักนึงก็ตาม (ตอนเปลี่ยนฉากก็โหลดนานนิดนึง แต่ยังเล่นได้นะ รอแป้บ) ส่วนฉากต่อสู้กันฟันกระจุยนั้นไม่ต้องห่วงครับ กระตุกเป็นพักๆ ก็ประสิทธิภาพตามราคานั่นแหละครับ

ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่นั้นเวลาเปิดเครื่องไปชาร์จไปดูเหมือนแบตจะชาร์จช้ากว่าปิดเครื่องครับ อันนี้ลองมา 2-3 ครั้งแล้วก็ยังเป็นอยู่ ไม่แน่ใจว่าเป็นบั๊กที่ซอฟต์แวร์หรือยังไง

 

การสแกนลายนิ้วมือและความปลอดภัย

ฟีเจอรฺหลักสำหรับการสแกนลายนิ่วมือนั้นแน่นอนว่ามีไว้เพื่อความปลอดภัย สำหรับปลดล็อคเครืองหรือหน้าจอ ซึ่งจากที่ลองใช้งานก็ถือว่าจำนิ้วได้แม่น การสแกนและปลดล็อคอาจจะไม่ได้เร็วมากนัก คือมีตั้งแต่ 1-3 วินาที ตั้งแต่เอานิ้วแตะไปบนเซนเซอร์จนจอติดขึ้นมา โดยเราสามารถแตะในขณะที่จอดับได้เลย หน้าจอก็จะติดขึ้นมาพร้อมประมวลผลนิดนึง แล้วก็ปลดล็อคให้ นอกจากนั้นก็เซนเซอร์สแกนนิ้วก็ยังสามารถแตะเพื่อรับสายหรือถ่ายภาพได้ด้วย

แต่ฟีเจอร์เสริมที่ใช้ล็อคแอพด้วยลายนิ้วมือนี่เหมือนจะมีบั๊ก เพราะหลังจากทดลองล็อคแอพไปแล้ว เช่นล็อคให้สแกนนิ้วก่อนเข้า Playstore หรือเปิดแอพ ซึ่งครั้งแรกๆ ก็ทำได้ปกติดี แต่พอมีการเคลียร์ RAM ไป ปรากฏว่ามันปิดระบบสแกนนิ้วเข้าแอพไปด้วย ทำให้สามารถเปิดแอพที่ล็อคไว้ได้หมดเลย ต้องรออีกสักพักระบบถึงจะกลับมาทำงาน แต่ระหว่างนั้นก็สามารถเข้าได้ทุกแอพแล้วครับ T T

 

กล้องและตัวอย่างภาพถ่าย

กล้องของ ASTON Luxury 4G ในส่วนของ UI การใช้งานนั้นก็เหมือนกับเครื่องราคาประหยัดที่ใช้ชิพ MTK ทั่วไปคือหน้าตาระมาณนี้เลย ตัวเลือกปรับแต่งไม่ค่อยเยอะ พอมีฟีเจอร์บางอย่างเช่น Beauty Mode อยู่บ้าง ที่เหลือก็จะเป็น Panorama อะไรแบบนั้นไป การแตะเพื่อโฟกัสนั้นก็ช้าเร็วตามสภาพแสงครับ สว่างหน่อยก็ประมาณ 1-2 วิ แต่ถ้าค่ำๆ มืดๆ แสงน้อยก็อาจจะนานถึง 4 วินาทีกว่าจะโฟกัสได้ (แต่จากที่ลองถ่ายมาบางรูปก็โฟกัสหลุดเหมือนกัน)

ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง 

ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า

สรุป

จากที่ได้ทดลองใช้ ASTON Luxury 4G มาสักพักก็รู้สึกเฉยๆ คือรวมๆ มันก็พอใช้งานได้กับสมาร์ทโฟนที่รองรับ 4G ในราคา 3,990 บาท จะบอกว่าสมราคาก็พอไหว แต่ตอนนี้ในตลาดกลุ่มอินเตอร์แบรนด์ก็มีตัวเลือกอื่นๆ ที่ราคาใกล้เคียงกัน รวมถึงสมาร์ทโฟนในมือโอเปอเรเตอร์ที่มีส่วนลดค่าโทรและสเปคก็ไม่ได้แพ้กันเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอีกหลายรุ่น แถมแบรนด์อย่าง ASTON นั้นว่ากันตามตรงคนก็ยังไม่ค่อยรู้จัก ศูนย์อยู่ที่ไหน จะส่งซ่อมยังไงถ้ามีปัญหา มีการรับประกันอะไรอย่างไรบ้าง คือถ้าจะต้องจ่ายเงินซื้อสมาร์ทโฟนถึงแม้มันจะราคา 3,990 บาท บางคนอาจจะบอกว่าไม่แพง แต่สำหรับบางคนราคานี้ก็แพงมากแล้วเหมือนกัน