สมาร์ทโฟนช่วงราคาต่ำกว่าหมื่นในตอนนี้นับว่ามีการแข่งขันสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น OPPO F1 หรือ Lenovo K4 Note ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนในช่วงราคานี้ที่น่าสนใจไม่น้อย แต่ในช่วงราคานี้ก็ยังมีสมาร์ทโฟนจากอีกเจ้าหนึ่งที่คู่คี่ สูสี ไม่แพ้กัน นั่นก็คือ Huawei GR5 โดยเปิดตัวมาที่ 8,990 บาท ซึ่งตอนนี้เจ้า GR5 ก็ได้มาอยู่ในมือเราแล้ว มาดูกันดีกว่าว่า GR5 จะทำได้ดีแค่ไหนในราคาต่ำกว่าหมื่นครับ

GR5 นั้นมีอยู่ 2 ชื่อด้วยกัน โดยชื่อที่ใช้ในบ้านเราคือ Huawei GR5 แต่ว่าของเมืองนอกนั้นจะเป็น honor 5X ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็คือรุ่นเดียวกันนั่นแหละ ทั้งสเปคและหน้าตา จะเปลี่ยนก็แค่ชื่อเท่านั้นเองครับ 

สเปคของ Huawei GR5

  • OS: Android 5.1.1 with EMUI 3.1
  • หน้าจอ: IPS LCD 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080 x 1920
  • CPU: Qualcomm Snapdragon 616 Octa-core (Quad 1.5GHz + Quad 1.2GHz)
  • GPU: Adreno 405
  • RAM: 2GB
  • หน่วยความจำภายใน: 16GB รองรับ microSD สูงสุด 128GB
  • กล้องหลัง: 13 ล้านพิกเซล, F2.0, Autofocus, LED flash
  • กล้องหน้า: 5 ล้านพิกเซล, F2.4
  • เครือข่าย:
    • 4G: FDD 700 / 850 / 900 / 1800 / 2100 / 2600 – TDD 2300
    • 3G: 850 / 900 / 2100
    • 2G: 850 / 900 / 1800 / 1900
  • SIM: Dual-SIM (Micro-SIM / Nano-SIM) แยกถาด
  • การเชื่อมต่อ:
    • Wi-Fi 802.11 b/g/n 2.4GHz
    • Bluetooth 4.1
    • microUSB 2.0
    • GPS / AGPS / Glonass
  • มี Fingerprint sensor
  • แบตเตอรี่: 3,000 mAh ถอดเปลี่ยนไม่ได้
  • สัดส่วน: 151.3 x 76.3 x 8.15 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก: 158 กรัม

ฮาร์ดแวร์

หน้าจอ IPS LCD ของ GR5 มีขนาด 5.5นิ้ว และมีความละเอียดแบบ Full HD 1080p ซึ่งให้สีสันที่สวยงาม ส่วนสีขาวนั้นออกอมฟ้าอยู่นิดหน่อย แต่เราสามารถที่จะปรับสีของหน้าจอได้ ความสว่างของหน้าจอก็อยู่ในระดับที่ดี สามารถสู้แสงแดดจ้าๆ ยามกลางวันได้ไม่มีปัญหา

ด้านบนมีเซนเซอร์วัดแสง เซนเซอร์วัดระยะ กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ลำโพงสนทนา และไฟแจ้งเตือน LED

ด้านล่างมีเพียงแค่คำว่า Huawei อย่างเดียว เพราะว่าปุ่ม navigation ต่างๆ นั้นใช้เป็นปุ่ม on-screen ครับ

ขอบเครื่องด้านขวามีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงที่เป็นแถบยาว และถัดลงมาเป็นปุ่มพาวเวอร์ โดยปุ่มทั้งสองนั้นมีการทำพื้นผิวให้ขรุขระเพื่อให้เรารู้ว่านิ้วของเรานั้นอยู่ที่ปุ่มกดนะ สำหรับตำแหน่งของปุ่มพาวเวอร์นั้นอยู่ในตำแหน่งที่พอดีกับนิ้วโป้งมือขวา

หมุนมาดูขอบเครื่องด้านซ้ายก็จะเจอกับถาดใส่ซิมจำนวนสองถาด โดยถาดด้านบนนั้นเป็นถาดใส่ Micro-SIM ส่วนถาดด้านล่างนั้นเป็นถาดใส่ Nano-SIM และ microSD การ์ด

ด้านบนตัวเครื่องมีรูเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และไมโครโฟนตัวที่ 2 ที่เอาไว้ใช้ตัดเสียงรอบค้าง

ด้านล่างนั้นมีรูลำโพง รูไมโครโฟนสนทนา และพอร์ต microUSB 2.0 โดย GR5 นั้นทำรูลำโพงออกมาหลอกตาเราเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วลำโพงนั้นมีแค่ด้านขวาเพียงด้านเดียว เสียงของลำโพงนั้นถือว่าดังแต่ว่าถ้าเปิดดังก็จะได้ยินเสียงแตก ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นเป็นรูไมโครโฟนสนทนา ตรงกลางเป็นหน้าหุ่นยนต์กำลังเศร้า (เดี๋ยวๆ)

วัสดุของตัวเครื่องนั้นเป็นการผสมผสานระหว่างโลหะและพลาสติก โดยส่วนที่เป็นโลหะก็ตรงบริเวณฝาหลังและขอบข้าง ส่วนด้านบน ด้านล่าง และขอบบริเวณหน้าจอนั้นเป็นพลาสติก

กล้องหลังของ GR5 นูนขึ้นมาจากตัวเครื่อง ทำให้เวลาวางก็กลัวว่าจะเกิดรอยขีดข่วนถึงแม้ว่าจะมีขอบกั้นอยู่ ด้านข้างมีไฟแฟลช LED หนึ่งดวง ส่วนคุณภาพของกล้องนั้นจะเป็นอย่างไร ไว้รอดูในส่วนของกล้องกันอีกที ถัดลงมาก็จะเจอกับตัวสแกนลายนิ้วมือเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมขอบมน ซึ่งทาง Huawei ก็ได้ใส่ฟีเจอร์ลูกเล่นมาให้ใช้งานเยอะพอสมควรเลยทีเดียวครับ 

 

ประสิทธิภาพ

ถ้าดูจากรูปร่างภายนอกแล้ว ถือว่า GR5 นั้นสอบผ่านด้วยคะแนนที่ดีเมื่อเทียบกับราคา แต่ถ้ามาดูเรื่องประสิทธิภาพแล้ว กับต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดย GR5 มาพร้อมชิป Qualcomm Snapdragon 616 Octa-core 1.5GHz ซึ่งจากการลองใช้งานจริงแล้วเจอกับอาการกระตุกบ่อยพอสมควร บางทีถึงขั้นค้างเลยก็มี การเล่นเกมกราฟฟิคสูงๆ อย่าง Asphalt 8 มีออกอาการกระตุกให้เห็นบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ยังสามารถเล่นได้

สำหรับหน่วยความจำภายในของ GR5 นั้นมีมาให้ 16GB ซึ่งเมื่อเปิดใช้งานตอนแรกจะเหลืออยู่ 9.83GB ส่วน RAM นั้นให้มา 2GB เหลือใช้ 0.90GB แต่เมื่อใช้งานจริงๆ ก็รู้สึกว่าจะไม่ค่อยพอเท่าไหร่นักมีการปิดแอพบ่อย

 

มาดูคะแนนของการทดสอบ benchmark กันบ้างดีกว่า โดยการทดสอบก็จะมี AnTuTu, 3D Mark และ Geekbench 3 เหมือนเช่นเคยครับ

กล้อง

ซอฟท์แวร์กล้องของ GR5 ดูเรียบง่าย การเปลี่ยนโหมดกล้องสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ลากไปซ้าย ไปขวา ซึ่งจะสลับระหว่างภาพนิ่งและการถ่ายวิดีโอ และก็ยังมีฟีเจอร์ต่างๆ อย่าง Filter,  Panorama, HDR, All-focus, Best photo, Watermark, Slow-mo และ Audio note ครับ

การปรับค่าต่างๆ แบบ Manual นั้นอาจจะต้องเข้ามาหลายชั้นหน่อย โดยเราสามารถที่จะปรับ ISO, White balance, Exposure, Saturation, Contrast และ Brightness ได้ แต่ใช้งานยากไปนิดเพราะว่าปรับเสร็จแล้วเราต้องกดย้อนกลับมาก่อน เพราะเราสามารถปรับให้เห็นแบบ real-time บน viewfinder ได้

กล้องหลังของ GR5 มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 ที่มาพร้อมกับระบบ SmartImage 3.0 ของ Huawei โฟกัสทำงานได้รวดเร็ว แต่จะมีปัญหาเรื่อง shutter lag นิดหน่อยคือเมื่อเรากดถ่ายไปแล้ว รูปจะยังไม่บันทึกทันที และถ้ามีการขยับอาจจะทำให้รูปสั่นได้

รูปภาพที่ได้นั้นถือว่าทำออกมาได้ดีในที่ที่มีแสงเยอะ แต่ว่ารายละเอียดของภาพนั้นยังขาดหายไปอยู่บ้าง ซึ่งต้องเปิดใช้งาน HDR ถึงจะสามารถดึงรายละเอียดเพิ่มขึ้นมาได้ แต่เมื่อเปิด HDR แล้วจะทำให้การบันทึกรูปนั้นช้าลงไปด้วย ส่วนการถ่ายในที่แสงน้อยนั้นจะเห็นได้ว่าภาพนั้นออกมาเบลอและมี noise เยอะ เนื่องจากการปรับ ISO ให้สูงขึ้นนั่นเอง โดยรวมแล้วถือว่าไม่ผิดหวังกับราคาที่จ่ายไป

ในส่วนกล้องหน้าของ GR5 มีความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล และมีรูรับแสง F2.4 ซึ่งกล้องหน้าก็เจอปัญหาเดียวกับกล้องหลังคือมีอาการ shutter lag ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีแต่ก็ส่งผลเยอะอยู่ครับ แต่ถ้าถ่ายจนชินแล้วก็จะจับจังหวะได้ ส่วนภาพที่ได้จะออกมาสวยขนาดไหนก็ลองดูจากภาพด้านล่างได้เลยครับ

กดที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

 

ซอฟท์แวร์

Huawei GR5 มาพร้อมกับ Android 5.1.1 Lollipop ที่ถูกครอบโดย EMUI 3.1 ของ Huawei อีกที ส่วนจะได้รับอัพเดทเป็น Android 6.0 Marshmallow เมื่อไหร่นั้นก็ยังไม่ทราบเหมือนกันครับ

Launcher

EMUI ก็เหมือนกับ launcher แบรนด์จีนอีกหลายๆ เจ้าที่ไม่มี app drawer (ดูเหมือน Google ก็จะทำบ้างแล้วเหมือนกัน) ซึ่งอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน แต่โดยส่วนตัวแล้วผมชอบให้มี app drawer มากกว่า แต่ถ้าใครเคยเล่น iPhone มาก่อนจะรู้สึกไม่ค่อยต่างซักเท่าไหร่นัก

Notification bar

สำหรับแถบแจ้งเตือน หรือ notification bar นั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนของ notifications กับส่วนของ shortcuts ซึ่งก็คล้ายๆ โดยส่วนของ notifications นั้นมีสามารถแจ้งเตือนเรื่องการใช้งานแบตเตอรี่ของเราได้อีกด้วย แต่ถ้าเกิดว่ารำคาญก็สามารถปิดได้นะ

ในส่วนของ shortcuts ก็จะมีปุ่มลัดต่างๆ อย่างกาเปิด-ปิด Wi-Fi การเชื่อมต่อ Bluetooth หรือการปรับความสว่างหน้าจอเป็นต้น และเรายังสามารถที่จะเข้าไปยังหน้า Settings ได้ด้วยเช่นเดียวกัน แต่ว่าเราไม่สามารถเพิ่มหรือ เราสามารถย้ายตำแหน่งของปุ่มเหล่านี้ได้ด้วย

Fingerprint ID

ในส่วนของตัวสแกนลายนิ้วมือก็ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นของ GR5 อีกอย่างหนึ่ง เพราะในช่วงราคานี้มีเพียงไม่กี่รุ่นที่มีการใส่ตัวสแกนลายนิ้วมือเข้ามาด้วย โดยเราสามารถที่จะจดจำลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 นิ้วด้วยกัน แต่ว่าตัวสแกนลายนิ้วมือของ GR5 นั้นไม่ได้เอาไว้ใช้ปลดล็อคเพียงอย่างเดียว แต่เราสามารถที่จะใช้เปิดแอพอื่นๆ ได้ทันทีอีกด้วย อย่างเช่นตั้งไว้ว่าแตะนิ้วกลางขวาแล้วเปิดแอพกล้องเป็นต้น แต่ผมรู้สึกว่ามันลำบากเกินไป สะดวกสุดก็แค่นิ้วชี้ทั้งสองข้างเท่านั้นแหละครับ

นอกจากนี้ตัวสแกนลายนิ้วมือก็ยังสามารถใช้ในการควบคุมอย่างอื่นได้อีกด้วยเช่นกัน อย่างเช่นใช้งานแทนปุ่ม back และ ปุ่ม home หรือเลื่อนขึ้นลงเพื่อเรียกใช้งาน recent app และแถบแจ้งเตือนก็ทำได้เช่นเดียวกัน

ฟีเจอร์อื่นๆ

นอกจากฟีเจอร์ในส่วนของตัวสแกนลายนิ้วมือแล้ว GR5 ก็ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ในเมนูตั้งค่าอีกมากมาย อย่างเช่น

  • Color temperature – ปรับสีของหน้าจอให้ให้อมฟ้าหรืออมเหลืองได้

  • Motion control – คว่ำหน้าจอเพื่อปิดเสียงเรียกเข้า หรือ เขย่าเครื่องเพื่อจัดเรียงแอป

  • Double touch – เคาะจอสองทีเพื่อปลุกหน้าจอ

  • Draw – วาดเป็นตัวอักษรต่างๆ เพื่อเปิดแอพที่ตั้งค่าไว้

  • Floating dock – เปิดใช้งานปุ่มลอยบนหน้าจอแทนปุ่ม navigation bar

  • Touch-disable mode – ป้องกันหน้าจอติดเองเวลาอยู่ในกระเป๋า

แบตเตอรี่

GR5 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh ที่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ สำหรับแบตเตอรี่ของ GR5 ถือว่าอยู่ในระดับมาตราฐาน คือสามารถใช้งานได้ตั้งแต่เช้ายันเย็น โดยใช้งานหน้าจอได้ราวๆ 4 ชั่วโมง แต่น่าเสียดายที่ไม่รองรับ Fast Charge ทำให้เวลาชาร์จนั้นใช้เวลาค่อนข้างนานพอสมควร

นอกจากนี้ก็ยังมีโหมด Power saving ที่มีตัวเลือกให้เลือก 3 แบบ คือ Ultra, Smart และ Normal โดยโหมด Ultra นั้นเป็นโหมดพลังงานแบบสุดๆ สามารถรับสายและส่งข้อความ SMS ได้อย่างเดียวเท่านั้น ส่วนโหมด Smart ก็เป็นการปรับความเร็วของ CPU และลดการใช้งานดาต้าลงครับ

สรุป

Huawei GR5 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีฮาร์ดแวร์คุ้มค่าเกินราคา 8,990 บาท ไม่ว่าจะเป็นวัสดุโลหะ ตัวสแกนลายนิ้วมือ และหน้าจอที่สวยงาม แต่ภายใต้ความสวยงามของตัวเครื่องนั้น ก็ยังเจอกับปัญหากระตุกและ RAM ไม่พอให้เห็นอยู่บ้าง ซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถแก้ไขได้ด้วยการอัพเดทซอฟต์แวร์ อย่างไรก็ตาม GR5 ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจไม่น้อยถ้าหากว่าคุณอยากได้สมาร์ทโฟนโลหะที่มีตัวสแกนลายนิ้วมือในราคาต่ำกว่าหมื่นครับ

ข้อดี:

  • วัสดุโลหะ ให้ความรู้สึกที่ดีเวลาถือ
  • ตัวสแกนลายนิ้วมือทำงานได้ไวและมีฟีเจอร์เยอะ
  • หน้าจอมีสีสันที่สวยงาม
  • กล้องมีฟีเจอร์ให้เล่นเยอะ

ข้อด้อย:

  • มีอาการกระตุกและหน่วงให้เห็นเป็นพักๆ
  • กล้องมีปัญหา shutter lag ถ้าถ่ายแล้วขยับทันทีภาพอาจจะออกมาเบลอ
  • ไม่มี fast charge

สำหรับคนที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่าหมื่น บอดี้โลหะ และมาพร้อมกับตัวสแกนลายนิ้วมือ ก็คงไม่ต้องไปมองหาที่ไหนไกล เพราะ Huawei GR5 มีหมดในเครื่องเดียวในราคา 8,990 บาท ครับ แต่ก่อนจะซื้อก็ควรลองไปเล่นจริงดูก่อนนะครับว่าชอบหรือเปล่า