Huawei Mate 8 สมาร์ทโฟนเรือธงพันธ์แรงและอึดของ Huawei ได้เปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยไปเป็นที่เรียบร้อย ผมเองก็ได้เล่นมันมาเกินสัปดาห์แล้ว และส่วนตัวค่อนข้างพอใจกับการใช้งานมันอยู่ไม่น้อย เลยขอจัด รีวิว Huawei Mate 8 ให้ทุกคนได้ลองอ่านลองชมกันก่อนตัดสินใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกของ Huawei ที่เปิดตัวเรือธงมาในราคาทะลุ 2 หมื่นบาท ท้าชนทั้ง Samsung, Apple และ Sony แบบไม่กลัวเกรง

คลิปรีวิว Huawei Mate 8

Play video

สเปค Huawei Mate 8 (Premium)

  • Android 6.0 Marshmallow + EMUI 4.0
  • จอขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด Full-HD 1080 x 1920 พิกเซล
  • CPU Kirin 950 octa-core (4 x Cortex A-72 2.53GHz / 4 x Cortex A-53 1.8GHz)
  • GPU Mali-T880MP4
  • RAM 4GB  / ROM (หน่วยความจำภายใน) 64GB 
  • รองรับ microSD
  • กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล Sony IMX298 กันสั่น 3 แกน ระบบโฟกัส 3 รูปแบบ (PDAF, CAF, Smart Scene AF) Dual LED Flash
  • กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
  • แบตเตอรี่ 4,000 mAh
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิม (nanoSIM + Hybrid slot)
  • ราคาเปิดตัวในไทย 23,990 บาท

สำหรับ Huawei Mate 8 รุ่นที่นำเข้ามาวางจำหน่ายในไทยนั้นมีเฉพาะรุ่น Premium Edition ที่มาพร้อม RAM 4GB และ ROM 64GB เท่านั้นนะครับ นั่นหมายความว่าสีที่มีวางจำหน่ายก็จะมีแค่ 2 สีคือ สีทอง Champagne Gold และสีน้ำตาล Mocha Brown ในส่วนของสีเงินและสีขาวนั้นเป็นรุ่น Standard Edition เลยไม่มีวางขาย

ตัวกล่องของ Mate 8 ยังทำออกมาได้พรีเมี่ยมไม่แพ้รุ่นก่อนๆ อุปกรณ์ภายในกล่องก็มีมาให้ครบหมด นอกจากตัวเครื่อง Huawei Mate 8 (ในกระทู้รีวิวนี้เป็นสีน้ำตาล Mocha Brown) ที่มีฟิล์มแปะมาให้แล้ว (อันนี้ยังไม่ต้องลอกออกก็ได้ และยังไม่ต้องซื้อฟิล์มมาติด พร้อมใช้งานได้เลย) มีชุดหูฟัง , สาย Micro USB , เข็มจิ้มถาดซิม

Adaptor หรือหม้อแปลงที่รองรับระบบ Fast Charge จ่ายไฟ 5V 2A / 9V 2A

นอกจากนั้นก็มี Smart Case แบบฝาพับพร้อมช่องหน้าจอให้เอาไว้ใช้งาน

ตัวเครื่อง Huawei Mate 8 นั้นมาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ระดับ 6 นิ้ว พร้อมด้วยขอบจอที่บางเฉียบและตัวเครื่องที่ออกแบบมาลงตัวไม่บางหรือหนาจนเกินไป ทำให้การจับถือใช้งานนั้นไม่ลำบาก ใครที่เคยคิดว่าสมาร์ทโฟนหน้าจอ 6 นิ้วใหญ่ไป ใส่กระเป๋ากางเกงก็ลำบาก อยากให้ไปลองสัมผัสกันก่อน

ต่อกันด้วยเรื่องของดีไซน์ ถ้ามองไปในตลาดตอนนี้สมาร์ทโฟนหลายๆ ค่ายนั้นหน้าตามันออกมาแทบจะเหมือนกันหมดด้วยการมี iPhone เป็นแรงบันดาลใจ แต่ไม่ใช่กับ Huawei Mate 8 ครับ ดีไซน์ของ Huawei นั้นยังคงมีเอกลักษณ์ของตระกูล Mate ในรุ่นก่อนๆ แต่ค่อยๆ ปรับให้มันดูพรีเมี่ยมขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขัดขอบโลหะและลวดลาย brushed metal

ส่วนด้านหลังอาจจะมีตรงช่องเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ดีไซน์แบบเดียวกับ Nexus 6P แต่ก็ถือว่าพอหยวนๆ เพราะมันก็ Huawei เหมือนกัน ส่วนกล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซลนั้นก็แอบนูนขึ้นมานิดหน่อย ด้านข้างเป็น LED Flash 2 ดวง

ถึงแม้ว่าเราจะไม่เห็นเลเซอร์โฟกัสที่หลายๆ รุ่นชอบใส่มา แต่ด้วยระบบ Hybrid Focus ของ Huawei บอกเลยว่าไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดเวลาถ่ายวิดีโอที่มีการปรับโฟกัสได้แม่นและรวดเร็ว

ด้านหน้าก็มีการจัดสรรพื้นที่ได้ค่อนข้างดีทั้งขอบด้านข้างและบนล่าง ดูบาลานซ์ลงตัว แถบด้านบนตัวเครื่องทางด้านซ้ายของลำโพงสนทนานั้นมีไฟ LED Notification ซ่อนอยู่ด้วยนะครับ ไล่เรียงมาทางขวาก็จะเป็นกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซลและ proximity sensor

ช่องซิมของ Huawei นั้นรองรับการใช้งาน nano SIM คู่ แต่ช่องที่ 2 นั้นเป็นแบบ Hybrid คือต้องเลือกว่าจะใส่ซิมที่สอง หรือใส่ Micro SD แทน.. อ้อ สำหรับใครที่ใช้ซิม Rabbit ผมลองแล้ว ใช้งานได้ครับ แตะตื้ดเข้าออก BTS ได้เลย คือหายากและน้อยรุ่นมากๆ ที่จะรองรับ (ไม่นับ Samsung เพราะรายนั้นเค้าทดสอบให้ใช้งานได้แทบทุกรุ่น)

EMUI ของ Huawei ที่ครอบ Android นั้นมีการพัฒนามาจนถึงเวอร์ชั่น 4.0 แล้ว จากที่ได้ลองใช้งานมาพบว่ามันลื่นไหลและเนี้ยบขึ้นกว่าตอน Mate 7 ที่ตอนนั้นยังพอมีกระตุกและสะดุดเบาๆ ในบางครั้ง แต่ใน Mate 8 นั้นเนียนมาก ส่วนนึงก็ต้องยกให้การปรับจูน ROM จากทาง Huawei ที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และส่วนนึงก็น่าจะมาจากชิพรุ่นใหม่พลังแรงอย่าง Kirin 950 และ Android 6.0 Marshmallow ด้วย

สมาร์ทโฟนหน้าจอระดับ 6 นิ้วอย่าง Mate 8 นั้นใครบอกว่าใช้งานมือเดียวได้สบายนี่พูดเลยว่าโกหกกันแน่นอน เพราะเวลาผมขึ้นรถไฟฟ้าไปนี่ จะพิมพ์ข้อความแต่ละทีนี่เอื้อมนิ้วโป้งไปจนเครื่องเอียงแล้วยังพิมพ์ยาก แต่ปัญหานี้มีทางแก้ เพราะ One-hand Mode ปรับย่อหน้าจอเล็กด้วยการลากนิ้วผ่านแถบ Navigation bar นี่ตอบโจทย์มาก คือรูดปรื้ดเดียวสามารถใช้งานมือเดียวได้สะดวกทันที (รายละเอียดและวิธีการดูในคลิปรีวิวด้านบน)

แถบแจ้งเตือนหรือ Notification bar ด้านบนจะมีการแบ่งเป็น 2 แท็บคือแท็บซ้ายเป้นการแจ้งเตือนต่างๆ ส่วนแท็บขวาก็เป็นการสวิชท์เปิดปิดพวก Bluetooth, NFC, WiFi Hotspot ที่คุ้นเคยกัน ส่วนล่างสุดเรื่องความสว่างหน้าจอแบบออโต้นั้นแอบประทับใจที่ระบบการปรับความสว่างนั้นเนียนดีครับ เวลาไปเจอสภาพแสงที่ต่างกันมันจะค่อยๆ ไล่ระดับสว่างขึ้นหรือค่อยๆ มืดลงทีละนิด อันนี้ถือเป็นการเก็บงานละเอียด

ฟีเจอร์เด่นอีกอย่างที่ตอนนี้น่าจะมีค่าย Huawei ค่ายเดียวที่มีคือการใช้ข้อนิ้ว หรือ Knuckle ในการสั่งการ เช่นการจับภาพหน้าจอ ก็ใช้ข้อนิ้วเคาะลงไป 2 ครั้ง แถมยังสามารถจับภาพหน้าจอบางส่วนด้วยการลาดข้อนิ้วให้คลุมพื้นที่ส่วนนั้นๆ หรือถ้าอยากจะจับหน้า comment facebook หรือ LINE ยาวๆ ก็ทำได้

แต่ถ้าอยากจะจับภาพวิดีโอบนหน้าจอ ก็ใช้ข้อนิ้ว 2 ข้อ เคาะลงไปบนหน้าจอแทน ก็จะเป็นการบันทึกหน้าจอเป็นคลิปวิดีโอทันที จะเอาไปใช้เวลา cast game ก็ได้ สะดวกดี

นอกจากนั้นก็ยังสามารถใช้ข้อนิ้วเราวาดเป็นตัวอักษรต่างๆ เพื่อเปิดแอพได้ด้วย และถ้าเราลากตัดครึ่งหน้าจอก็จะสามารถเปิดแอพแบบ 2 หน้าต่างบนล่างได้ แต่ยังใช้ประโยชน์ได้ไม่สุดเพราะใช้งานได้ไม่กี่แอพเท่านั้น

 

ส่วนของการทดสอบประสิทธิภาพนั้น หากทดสอบผ่าน Antutu แล้วเรียกว่าทำคะแนนออกมาได้หรูหรา 8-9 หมื่นเลยทีเดียว แต่ในฝั่งของการทดสอบ 3D นั้นยังไม่ค่อยแรงเท่าที่ควร แต่จากที่ลองเล่นเกมจริงๆ จังๆ ก็ไม่ได้พบปัญหาการกระตุกหรือหน่วงเลย ภาพท่เรนเดอร์ก็ออกมาดูดี มีรายละเอียดสูง เพราะในชิพ Kirin 950 นั้นใช้ GPU Mali-T880 MP4 นั้นแรงเอาการอยู่

เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังนั้นตอบสนองเร็วครับ เร็วกว่าตอน Mate 7 ซะอีก แถมยังสแกนได้แม่นกว่าเดิม นิ้วเปียกๆ หรือมีความชื้นก็ยังสแกนติด ซึ่งสามารถใช้เป็นชัตเตอร์กล้องถ่ายภาพได้ด้วย หรือแตะเพื่อรับสายก็ได้ ส่วนในเรื่องความปลอดภัยนั้นเราสามารถเปิดให้ต้องมีการสแกนนิ้วเพื่อจะเปิดแอพต่างๆ หรือเปิดเข้าแกลลอรี่ภาพได้ด้วย

ส่วนของกล้องหลัง 16 ล้านพิกเซลนั้นเรื่องของการโฟกัสทำได้เร็วและแม่นยำมากขึ้น ชัดเตอร์ทำงานเร็วแตะปุ๊บถ่ายและเซฟภาพทันทีไม่ต้องรอ โหมดการถ่ายภาพที่มีลูกเล่นต่างๆ นั้นมีครบ ไม่ว่าจะเป็นโหมด HDR , Panorama , โหมดโฟกัสทั้งหมด โหมดการถ่ายวิดีโอแบบสโลโมชั่น หรือจะเป็นโหมด Pro หรือการปรับตั้งค่าลก้องแบบ Manual นั่นเอง 

โดยในโหมด Pro หรือ Manual นั้นเราสามารถปรับตั้งค่า Speed shutter, White balance, Exposure value, ISO, ระยะโฟกัส เรียกว่าปรับได้ครบเครื่องครอบคลุมกันเลย

และอีกโหมดนึงที่ต้องเรียกว่าเป็น Hilight เมื่อครั้ง P8 ก็คือโหมด Light painting ที่เป็นโหมดสำเร็จรูปให้เราสามารถถ่ายภาพไฟกลางคืน..(ฟังดูแหม่งๆ แฮะ) ไฟรถเวลากลางคืนสิ หรือจะถ่ายน้ำตกให้เป็นสายไหม ไม่งั้นก็ไปล่าช้างเผือกถ่ายดาวได้แบบกดชัตเตอร์ครั้งเดียว ไม่ต้องตั้งค่อะไรเลย แต่ในโหมดนี้แนะนำว่าต้องมีขาตั้งกล้องนะครับ

อย่างนี่ผมมาลองถ่ายไฟรถเวลากลางคืน มันเจ๋งตรงที่พอชัตเตอร์แล้วเราเห้นไฟรถวิ่งไปวิ่งมาในจอแบบสดๆ แล้วไฟพวกป้ายต่างๆ ก็ไม่สว่างจนภาพขาวเพราะเปิดชัตเตอร์นานด้วย เจ๋งอะ!

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Huawei Mate 8

ตัวอย่างภาพถ่ายทั้งหมด 86 ภาพ จาก Huawei Mate 8 สามารถดูได้ที่ Huawei Mate 8 Sample Photos

 

อีกโหมดนึงที่โชว์ความเทพของ Huawei Mate 8 คือโหมดการถ่ายวิดีโอที่นอกจากกล้องจะปรับโฟกัสได้เร็วและแม่นยำแล้ว ระบบการอัดเสียงยังเป็นแบบสเตอริโอซะด้วย ลองดูและลองฟังเสียงในคลิปด้านล่างได้ครับ ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้าของ Huawei Mate 8 สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดคือ Full HD ครับ

Play video

Mate 8 นั้นมีใมโครโฟนมาทั้งหมด 3 ตัว ซึ่งก็จะมีการสลับการใช้งานว่าจะเปิดกี่ตัวปิดกี่ตัวตามฟังก์ชั่นของมัน เช่นการอัดเสียงในที่ประชุม ก็อาจจะเปิดไมใค์ทั้ง 3 ตัวเลย หรือถ้าเป็นการถ่ายวิดีโอก็อาจจะเปิดไมค์ 2 ตัวเพือให้ได้เสียงสเตอริโอแล้วอีกตัวนึงใช้ตัดเสียงรบกวนออกไป

กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซลกับ Beauty Mode 10 ระดับ อันนี้ก็เลือกปรับเอาเองตามสะดวกนะครับ แล้วก็มีโหมด Panorama Selfie ถ่ายเก็บวิวเพิ่มได้ด้วย

ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จาก Huawei Mate 8

ภาพ Seflie ปกติ

ภาพ Panorama Selfie ถ่ายเก็บวิวรอบตัวเพิ่มได้ด้วยการบิดมือซ้ายขวา

ส่วน GPS เปิดมาแล้วก็พร้อมทำงานทันทีครับ ถ้าอยู่ในที่โล่งก็ใช้เวลาในการจับสัญญาณไม่ถึง 10 วินาที และไม่เกิน 20 วินาทีในการรับสัญญาณดาวเทียมจนได้ระยะคลาดเคลื่นน้อยระดับ 20 กว่าฟุต ทดลองเปิดใช้งานร่วมกับ Google Maps ขับรถบริเวณเขาใหญ่ก็ไม่มีการหลงทิศหรือเด้งไปมาครับ 

อายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ Huawei Mate 8 นั้น วันนึงไม่ใช่ปัญหาเลยครับ สำหรับการใช้งานทั่วไปนี่ผมเหลือ 40-50% ตอนกลับถึงบ้านหลายวันมาก ผมมีลองไปวิ่งแล้วถ่ายวิดีโอถ่ายภาพเยอะๆ ตอนเย็นก็ยังรอดตาย เหลือประมาณ 10-20% คือถ้าไม่เล่นเกมหนักจริงๆ ยังไงก็ไม่ต้องลำบากพก Power Bank ส่วนหน้าจอด้านขวาสุดนั้นตัวเครื่องจะคอยเตือนว่าแอพไหนมันสูบแบตอยู่ ให้เราสามารถเลือกปิดได้ถ้าไม่ได้ใช้งาน

จุดเด่น

  • ไม่แฮ้ง ไม่ค้าง ไม่รีสตาร์ท ตลอดระยะเวลา 10 วันที่ผมใช้มาอย่างต่อเนื่องเป็นเครื่องหลัก ลงทุกแอพครบ อันนี้เจ๋งจริง
  • งานประกอบแน่นหนา วัสดุดีงาม
  • ดีไซน์มีเอกลักษณ์ สวยได้ ไม่จำเป็นต้องโคลน iPhone
  • สแกนนิ้วทำงานได้เร็ว ตอบสนองดี
  • กล้องถ่ายภาพดีขึ้นกวารุ่นก่อนๆ ในตระกูล Huawei แบบก้าวกระโดด

จุดด้อย

  • เจอปัญหาเครื่องร้อนตอนใช้นำทางเป็น GPS ในรถครับ (แต่การใช้งานทั่วไปไม่เจอ เล่นเกมนานๆ ก็ยังไม่เจอร้อน)
  • ฟีเจอร์แบ่งหน้าจอไม่รู้จะทำมาทำไม ถ้าไม่เปิดให้ใช้งานได้หลายๆ แอพ อย่างน้อยได้พวก Facebook , LINE เพิ่มก็ยังดี
  • ฟีเจอร์ Guest Mode ที่เป็นจุดเด่นใน Mate 7 ถูกตัดออกไปซะงั้น ไม่รู้จะเรียกว่าจุดด้อยได้หรือเปล่า แต่ตอน Mate 7 มันใช้ดีนะ

บทสรุปทิ้งท้ายขอบอกว่า Huawei ทำสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงออกมาได้น่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ และมีพัฒนาการที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ใครที่เล็ง Huawei Mate 8 อยู่ผมกล้าบอกเลยว่าไม่ผิดหวังทั้งในเรื่องงานประกอบ และการใช้งานโดยรวม 

มาบอกทิ้งท้ายกันอีกทีสำหรับใครที่สนใจจะดูภาพถ่ายทั้งหมดของ Huawei Mate 8 ที่ผมถ่ายเอาไว้รวม 86 ภาพ ก็กดไปดูได้ที่ Google+ นะครับ เพราะจะได้รายละเอียดทั้งหมดของ Exif ไปด้วยเลย