หลังจากที่ Samsung และ AIS จับมือกันนำเจ้า Samsung Galaxy View แท็บเล็ตจอยักษ์เวอร์ชั่นรองรับ 3G/4G LTE เข้ามาขายในเมืองไทย สนนราคาอยู่ที่ 23,900 บาทโดยสามารถซื้อได้ผ่านทาง AIS เท่านั้น สำหรับรายละเอียดแพ๊คเกจโปรโมชั่น และราคาแบบละเอียดสามารถเข้าไปดูได้ที่บล๊อก Samsung จับมือกับ AIS เปิดจอง Galaxy View ค่ะ แต่ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ลองมาดูรายละเอียดสเปคและประสบการณ์การใช้งาน Samsung Galaxy View ไว้ประกอบการตัดสินใจซื้อค่ะ ~ 

Samsung Galaxy View นั้นมีจุดประสงค์ในการใช้งานค่อนข้างจะแตกต่างกับแท็บแล็ตทั่วๆ ไป เพราะทั้งขนาดหน้าจอและตัวเครื่องที่ค่อนข้างมหึมา รวมถึงน้ำหนักที่มากถึง 2.65 กก. ทำให้ไม่สามารถจับถือหรือนอนเล่นนานๆ ดังนั้น Galaxy View จึงเน้นการใช้งานแอปพลิเคชั่นเอนเตอร์เทนเมนท์ต่างๆ อย่างพวกดูหนัง ฟังเพลง โดยสามารถยกไปวางไว้ทั้งในห้องนอน ห้องครัว หรือห้องนั่งเล่น พูดง่ายๆ ก็คือเจ้าตัวนี้มีหน้าที่คล้ายๆ แอนดรอยด์ทีวีฉบับย่อส่วนนั่นเอง

สเปค Samsung Galaxy View

  • Android OS 5.1 (Lollipop)
  • หน้าจอ TFT LCD ขนาด 18.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล (~120 ppi)
  • CPU: Exynos 7580 Octa core 1.6GHz
  • GPU: Mali-T720 MP2
  • RAM LPDDR3 2GB
  • หน่วยความจำภายใน 32 GB รองรับ microSD สูงสุด 128 GB
  • กล้องหน้า: 2.1 ล้านพิกเซล f/2.2
  • แบตเตอรี่ความจุ 5,700 mAh, 11.3V (64Wh)
  • รองรับ nanoSIM
  • รองรับ 2G / 3G / 4G LTE
  • ลำโพง: 2 x 4W Stereo Speakers
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi  802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth  4.1, BLE, microUSB 2.0
  • เซนเซอร์: Light Sensor
  • GPS: A-GPS, GLONASS
  • สัดส่วน: 451.8 x 275.8 x 11.9 มม., หนัก 2.65 กก.
  • สีที่วางจำหน่าย: สีดำ

 

วัสดุและดีไซน์

วัสดุตัวเครื่องของ Galaxy View เป็นพลาสติกกับกระจก ส่วนการออกแบบเน้นเรียบง่ายสไตล์ซัมซุง ซึ่งหากมองเผินๆ หน้าตาจะดูคล้ายทีวีมากกว่าแท็บเล็ต ทั้งนี้อาจเป็นเพราะขนาดหน้าจอที่ใหญ่ถึง 18.4 นิ้ว ก็เป็นได้ (._.^) 

Galaxy View มีกิมมิคเด่นๆ อยู่ตรงที่สามารถปรับขาตั้งด้านหลังตัวเครื่องได้ 2 แบบ คือแบบแนวตั้งเพื่อสะดวกเวลาดูหนัง ดูวิดีโอต่างๆ และแบบแนวนอนไว้สำหรับวางบนตักเวลาเล่นเกม พิมพ์งาน คุยแชท หรืออ่าน E-book ตามสะดวก แต่วางนานๆ ก็แอบเมื่อยขาเบาๆ ด้วยน้ำหนักที่ค่อนข้างมากพอสมควร

หากมองด้านข้างจะเห็นแกนหมุนสำหรับปรับรูปแบบการวางของ Galaxy View

ด้านหลังตัวเครื่องเป็นขาตั้งพลาสติกที่ค่อนข้างแข็งแรงสามารถรับน้ำหนักตัวเครื่องได้แบบไม่ง๊อกแง๊ก อีกทั้งยังมีที่จับให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้สะดวก

ด้านบนตัวเครื่องมีช่อง microphone 2 ช่อง + ปุ่มเพิ่ม – ลดเสียง และปุ่ม Power

ด้านข้างตัวเครื่องมีช่องเสียบชาร์จแบตฯ + ช่อง microUSB 2.0 และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.

ช่องลำโพงทั้งสองข้างของ Galaxy View ซ่อนตัวอยู่ใต้แกนหมุนของขาตั้ง ซึ่งให้เสียงดังฟังชัดเอื้อประโยชน์กับการดูหนัง ฟังเพลง

ส่วนช่องใส่ซิม (nanoSIM) และ microSD Card จะอยู่ด้านหลังใต้ลำโพงฝั่งขวาของตัวเครื่อง

 

หน้าจอ

หน้าจอ Galaxy View นั้นแม้ว่าจะให้มาใหญ่เบ้อเริ่ม แต่ความละเอียด Full HD ที่ให้มาอาจจะไม่จุใจสำหรับบางคนเท่าไหร่นัก  แต่ถ้าตั้งใช้งานในระยะเหมาะสม รายะเอียดภาพที่ได้ก็ถือว่ายังโอเคอยู่ค่ะ

 

กล้อง

ด้วยลักษณะทางกายภาพและน้ำหนักของ Galaxy View นั้นไม่เอื้อแก่ยกขึ้นมาถ่ายภาพอยู่แล้ว ดังนั้น Galaxy View จึงมาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 2.1 ล้านพิกเซล ฟีเจอร์ Palm Selfie และ Beauty Mode พอกรุบกริบให้สามารถวางตั้งถ่ายภาพเล่นกับเพื่อนและครอบครัวหรือจะใช้วิดีโอคอลคุยกับคนพิเศษที่อยู่ห่างไกลได้ทั้งแอป Line, Hang out และ Skype ยกเว้น Messenger เพราะภาพทางฝั่งเราจะไม่ยอมกลับหัวให้ อาจต้องวางตะแคงข้างคุยกับเพื่อนแทน (._.^)

ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า

 

Features

Family Square: เป็นฟีเจอร์ที่ให้คนในครอบครัวหรือเพื่อนสามารถแชร์ความทรงจำ โดยการปักภาพพร้อมเขียนแคปชั่นด้วยการพิมพ์ข้อความหรือเขียนด้วยลายมือลงในบอร์ด แล้วสามารถตั้งเป็น Screen Saver ได้

Multiwindow: ฟีเจอร์นี้หลายๆ คนคงจะคุ้นเคยกันดีซึ่งเรียกได้ว่าเป็นฟีเจอร์หากินของ Samsung เลยก็ได้ เพราะตอนนี้ทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรุ่นโตๆ แทบทุกรุ่นต่างก็ได้ความสามารถในการแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งาน 2 แอปพลิเคชั่นพร้อมกัน หรือลากนิ้วจากมุมด้านข้างของแอปเพื่อย่อหน้าจอเป็น Pop up Window ซึ่งสามารถเปิดได้สูงสุด 5 แอปพร้อมกัน 😀

 

ประสบการณ์การใช้งาน 

จุดขายของ Galaxy View นั้นอยู่ที่การร่วมมือกับผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นด้านความบันเทิงในประเทศนั้นๆ อย่างในอเมริกาก็จะมีแอปดูหนัง ฟังเพลง อ่านข่าว อย่าง Netflix, CNN และ Youtube เป็นต้น ส่วนของในประเทศเราก็จะมีหน้า UI ของ AIS เป็นหน้าแรก โดยเวลากดปุ่ม Home ปุ๊บ ก็จะเด้งกลับมาหน้าของ AIS ตลอด ซึ่งก็จะมีแอป AIS PLAY ที่เป็นศูนย์กลางความบันเทิงที่ทางค่ายจัดเตรียมเอาไว้ให้ ส่วนว่าจะมีอะไรบ้างนั้นติดตามอ่านข้างล่างได้ค่ะ แต่ถ้าไม่ต้องการก็สามารถกดออกเพื่อกลับไปใช้งานในส่วนของแอปพลิเคชั่นต่างๆ ของ Android OS และหน้า TouchWiz UI ได้ตามปกติเช่นเดียวกัน

หน้าตาของ TouchWiz UI ของ Galaxy View ก็เหมือนของสมาร์ทโฟนและแท็บแล็ตรุ่นอื่นๆ ของ Samsung แต่ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่จึงทำให้สามารถจัดวางแอปได้เยอะกว่า ลองมองไปด้านล่างของจอจะเห็นว่าปุ่ม Home/Recent Apps/Back/navigation buttons ของ Galaxy View นั้นเป็นแบบ on-screen อยู่ในหน้าจอเลย ส่วน navigation buttons นั้นสามารถลากขึ้นเพื่อเปิดทางลัดเข้าสู่แอปของ AIS โดยตรงได้เลย 

หน้าหลักของ Galaxy View ที่จะมีบริการของทาง AIS มาให้เลือกใช้กัน

การใช้งานหลักๆ ของแอปบริการด้านความบันเทิงต่างๆ ของ Galaxy View ก็คือ AIS Play ฟีเจอร์ที่เหลืออย่าง Favorite นั้นไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่เพราะทุกสิ่งอย่างนั้นแทบจะครบอยู่ใน AIS Play แล้ว ส่วน AIS eService แอปสำหรับเรียกดูรายละเอียดการใช้งานของเบอร์ AIS นั้นเมื่อจะมีปัญหาเล็กน้อย เพราะตัวแอปต้องการการยืนยันตัวตนผ่าน SMS (OTP) แต่ตัวเครื่องไม่สามารถรับข้อความได้ วิธีแก้คือให้ถอดเอาซิมไปใส่เครื่องอื่นแล้วกระจายสัญญาน (Mobile Hotspot) เน็ตมาให้แทน และใช้เครื่องนั้นรับ OTP แทนได้เลย

แต่สำหรับคนที่ใช้บริการ MultiSIM อยู่แล้วจะไม่มีปัญหานี้นะคะ เพราะว่าตัวข้อความ OTP มันจะถูกส่งเข้าเครื่องหลัก และนำเอามาใช้ Login ได้ตามปกติเลยค่ะ ส่วนการใช้งาน AIS Play ในครั้งแรกก็จะมีปัญหานี้เช่นเดียวกัน ซึ่งสามารถนำเอาเบอร์ AIS ใดๆ ที่มีอยู่ใส่เข้าไปแทนเพื่อรอรับ OTP ก็ได้เช่นกันค่ะ

นอกเหนือจากบั๊กรับ SMS ไม่ได้แล้วนั้น ยังมีบั๊กอีกตัวสำหรับแอป eService ก็คือจะมีการแจ้งเตือนก่อนใช้งานตลอดว่า “เบราเซอร์ไม่รองรับการใช้งานของรุ่นนี้” แต่เราก็สามารถกด “ปิด” และใช้งานได้ตามปกติค่ะ

 

ดูหนัง / ซีรีส์ผ่าน AIS Play

สำหรับคนที่ชอบดูหนังไทยค่าย GTH ก็ต้องบอกว่า AIS Play ค่อนข้างจะตอบโจทย์ เพราะมีครบเลยทั้งเก่าและใหม่ โดยแต่ละเดือนจะมีการสลับสับเปลี่ยนมาให้เลือกชมกัน และมีการ์ตูนให้เลือกดูพอสมควร ส่วนซีรีส์นั้นมีให้เลือกไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ส่วนมากก็จะเป็นซีรีส์จากค่าย GTH เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีรายการทีวีต่างๆ รวมถึงสามารถดูย้อนหลังได้นาน 7 วัน

ส่วนคนที่ใช้แพ็กเกจ 4G ก็จะได้สิทธิพิเศษ สามารถดูหนังและการ์ตูนฟรีได้อาทิตย์ละ 4 เรื่อง หรือหากใครชอบหนังเก่าๆ ก็สามารถโหลดแอป HOOQ ของ AIS มาดูได้ฟรี 45 วัน หลังจากนั้นหากไม่ถูกใจจะไม่สานต่อก็ได้ แต่ยังไงลองไปกดดูกันก่อนว่าหนังอาทิตย์ละ 4 เรื่องที่ว่ามันถูกกับรสนิยมการดูหนังของเรารึเปล่าด้วยนะ เพราะหนังที่เลือกมาค่อนข้างหลากหลายเพื่อรองรับคนหลากกลุ่มหลายแบบนั่นเองค่ะ

พิเศษสำหรับคนที่ซื้อพร้อมแพ็กเกจ นอกจากจะได้ดูหนัง 4 เรื่อง/สัปดาห์ จะได้สิทธิ์ดู SERIES BY DOONEE ซึ่งจะได้มากกว่าลูกค้า 4G ทั่วไปอีกต่อนึงค่ะ

ในช่วงระหว่างการทดสอบลองดูหนังเรื่องไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยูว เลือกความละเอียดสูงสุดในแอป AIS Play โดยใช้ 4G สรุปว่า Data ที่ใช้ในการทดสอบตอนแรกมีอยู่ 4.07 GB หมดตั้งแต่ยังไม่ทันจบเรื่อง (~ 1 ชั่วโมง 19 นาที) คิดเป็นดาต้าเฉลี่ยนาทีละประมาณ 50MB คิดจะซื้อไปดูหนังเวลาออกไปต่างจังหวัด ยังไงก็อย่าลืมคำนวนเรื่องดาต้าที่ใช้ด้วยนะคะ หรืออาจจะต้องยอมลดความละเอียดลงนิดนึงเพื่อความประหยัดค่ะ

ปล. โปรของ AIS Freedom SIM ตอนนี้ 150 บาท ใช้งาน 4G ได้ถึง 5GB เป็นเวลา 10วันค่ะ เหมาะสำหรับคนที่จะออกต่างจังหวัดและซื้อไปใช้เฉพาะกิจไม่น้อยนะ

แต่ถ้าหนังและซีรีย์สบน AIS Play ยังไม่โดนใจเท่าไหร่ เพื่อนๆก็สามารถไปโหลดแอปอื่นๆ จาก Play Store มาลงเพิ่มได้ด้วยนะคะ ทั้ง Netflix, iflix, Primetime เหล่านี้ต่างก็มีหนังให้ดูเยอะแยะเลยค่ะ

 

เล่นเกม

สำหรับ Galaxy View ที่มีเพียง Light Sensor ปรับแสงหน้าจอให้อัตโนมัติอย่างเดียว ทำให้เกิดข้อจำกัดในการเล่นเกมบางตัวที่ออกแบบมาให้เล่นเป็นแนวตั้งเท่านั้น เพราะมันจะหมุนจอเพื่อรับภาพเต็มๆไม่ได้นั่นเอง แต่ทั้งนี้ก็ยังสามารถเล่นเกมที่รองรับหน้าจอแบบแนวนอน และไม่ต้องใช้เซนเซอร์ Gyro หรือ Accelerator ในการขยับเพื่อควบคุมเกมได้อย่างไม่มีปัญหาค่ะ 

ใช้ทำงานในแอปจาก Google Drive

ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่และขาตั้งที่วางในแนวราบได้ ทำให้สามารถนำมาวางใช้งานบนตักได้อย่างสะดวก ดังนั้นจึงสามารถพิมพ์งานต่างๆ หรือจะนั่งอ่าน E-book เล่นโซเชียลมีเดีย(บางตัว) ผ่านเจ้า Galaxy View ได้ค่ะ

 

แบตเตอรี่

การใช้งานแบตเตอรี่ความจุ 5,700 mAh ของ Galaxy View เราก็ได้ทำการชาร์จแบตให้เต็ม 100% โดยใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3 ชม. จากแบตเตอรี่ 0% หลังจากนั้นก็เปิดหนังใน AIS Play ยาวนานต่อเนื่อง 3 เรื่องติดกันแบบมาราธอนตั้งแต่ตี 2 จนกระทั่งแบตหมดตอน 9 โมงเช้านิดๆ โดยรวมแล้วสามารถใช้งานได้นานประมาณ 7 ชั่วโมงกว่าๆ   

 

ปัญหาที่พบจากการใช้งาน Galaxy View

อย่างแรกคือเจ้า Galaxy View นั้นไม่มีเซนเซอร์ Accelerator ทำให้บางแอปพลิเคชั่นอย่าง Instagram, Joox และ Line ที่พรีวิวได้แค่แบบแนวตั้ง ไม่รองรับกับหน้าจออันใหญ่เบิ้มของ Galaxy View ส่งผลให้หน้าจอการใช้งาน รวมไปถึงคีย์บอร์ดหดเหลือตรงกลางกระจิ๊ดเดียว อีกทั้งบางแอปใน Play Store ก็ไม่รองรับกับใช้งานของ Galaxy View

นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบไปถึงการใช้งาน Multiwindow ในบางแอปที่พอพรีวิวสองหน้าจอปุ๊บเลย์เอาท์ก็เละตุ้มเป๊ะแบบในภาพ แนะนำว่าถ้าต้องการเล่น facebook หรือ twitter ให้เปิดใช้งานผ่านหน้า browser จะดีกว่าค่ะ

Play video  

ข้อดี

  • จอใหญ่ เสียงดัง เหมาะสำหรับเวลาเดินทางไปพักผ่อนต่างจังหวัดกับครอบครัว หรือใช้ดูหนัง ฟังเพลงที่บ้าน
  • สามารถเล่นเกมที่รองรับหน้าจอแนวนอนได้แบบสะใจด้วยจอขนาดใหญ่
  • แบตเตอรี่ค่อนข้างอึด

ปัญหาที่พบ

  • ภาพไม่ค่อยคม ไอคอนบางแอปที่พรีวิวบนจอแตก
  • มีบั๊กฟีเจอร์ Multiwindow ในแอป Facebook และ Twitter
  • บางแอปพลิเคชั่นที่ไม่รองรับหน้าจอแบบแนวนอนจะใช้งานลำบาก
  • รับ SMS ไม่ได้ ทำให้ต้องถอดซิมมาใส่กับสมาร์ทโฟนก่อนเพื่อรับรหัส OTP ในการใช้งานบางแอปพลิเคชั่น

สรุป 

สำหรับ Samsung Galaxy View โดยรวมรู้สึกว่าฟังก์ชันต่างๆ ในการใช้งานจะมีความยุ่งยากอยู่พอสมควร มีหลายๆครั้งที่ต้องปล้ำเสียเวลาหาทางแก้ไขปัญหา ตัวแอปดูหนังที่มากับเครื่องตัวเลือกค่อนข้างน้อย คนที่น่าจะเหมาะกับน้องวิว น่าจะเป็นกลุ่มคนที่อยากมีเพื่อนคลายเหงาเวลาเดินทางไปที่ต่างๆ ใช้ดู YouTube ฟังเพลงได้สบายๆ และไม่อยากเพ่งจอมือถือ หรือแท็บเล็ตเล็กๆให้ปวดตา หา WiFi ใช้งานได้ไม่ยากหรือมี data 4G เหลือเฟือ ส่วนราคา 23,900 บาท นั้นจัดว่าค่อนข้างแรง แต่ก็น่าจะไม่เกินกระเป๋าของหลายๆคนที่หาอุปกรณ์แนวๆ นี้เนอะ

ถ้าใครสนใจแล้วล่ะก็สามารถไปดูแพ็กเกจที่ทาง AIS จัดเตรียมเอาไว้ได้ที่ http://www.ais.co.th/samsunggalaxyview โดยจุดที่น่าสนใจที่สุดก็คงเป็นส่วนลด ที่ทำให้เราสามารถซื้อได้ในราคาเพียง 19,900 บาทเท่านั้นเองค่ะ 😀