รอกันมานานกับ Xiaomi Mi 5 สมาร์ทโฟนเรือธงจากผู้ผลิตแบรนด์จีน Xiaomi หลังจากที่ห่างหายไปเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ตอนนี้ภาคต่อของ Mi 4 ก็ปรากฏตัวแล้ว โดย Mi 5 ใช้การผสมผสานกันระหว่าง กระจก โลหะ และ สเปคที่จัดเต็ม แถมราคาก็ไม่ได้โหดร้ายจนกระเป๋าฉีกแบบสมาร์ทโฟนเรือธงบางเจ้า แต่การใช้งานจริงของ Mi 5 นั้นจะดีแบบราคาหรือไม่นั้น มาชมรีวิวของ Mi 5 กันเลยดีกว่าครับ

ก่อนที่จะเริ่มการรีวิวก็ขอบอกก่อนว่า Xiaomi ได้เปิดตัว Mi 5 มาด้วยกัน 3 รุ่น Standard, High และ Pro ที่แตกต่างกันที่ ความเร็วของ CPU, RAM, ROM และ วัสดุที่ใช้ โดยก่อนหน้านี้เราได้ทำการแกะกล่องรุ่น Standard กันไปแล้ว แต่ครั้งนี้รุ่นที่เรานำมารีวิวนั้นเป็นรุ่น High ที่มาพร้อมกับ RAM 3GB และ ROM 64GB ครับ

สเปคของ Xiaomi Mi 5 รุ่น High มีดังนี้

  • OS: Android 6.0 Marshmallow with MIUI 7
  • หน้าจอ: IPS LCD 5.15 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080 x 1920 พิกเซล
  • CPU: Qualcomm Snapdragon 820 quad-core 2.15GHz
  • GPU: Adreno 530
  • RAM: 3GB
  • หน่วยความจำภายใน: 64GB ไม่รองรับ microSD การ์ด
  • กล้องหลัง: 16 ล้านพิกเซล, f/2.0, PDAF, 4-axis OIS, เซนเซอร์ 1.12 µm
  • กล้องหน้า: 4 ล้านพิกเซล, f/2.0, เซนเซอร์ 2.0 µm
  • การเชื่อมต่อ:
    • Wi-Fi: 802.11 a/b/g/n/ac
    • Bluetooth: 4.2
    • GPS: A-GPS, GLONASS, BDS
    • NFC
    • IR Blaster
    • USB Type-C
    • Fingerprint sensor
  • SIM: รองรับ 2 ซิม Full NetCom 3.0 (dual-SIM dual-active)
  • เครือข่าย:
    • 2G: 800/850/900/1800/1900/2100
    • 3G: 850/900/1900/2000/2100
    • 4G: 1800/1900/2100/2300/2500/2600
  • แบตเตอรี่: 3,000 mAh ถอดเปลี่ยนไม่ได้ รองรับ QC 3.0
  • สัดส่วน: 144.6 x 69.2 x 7.3 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก: 129 กรัม

ดีไซน์

หากว่าใครที่ติดตาม Xiaomi มาตลอด ก็คงจะสังเกตุเห็นได้ว่า Mi 5 นั้นมีความเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนั่นก็คือปุ่มโฮมที่ทำหน้าที่เป็นตัวสแกนลายนิ้วมือด้วย เพราะก่อนหน้านี้ Xiaomi นั้นใช้ปุ่มสแกนลายนิ้วมืออยู่ด้านหลังเครื่องมาโดยตลอด

ขนาดตัวเครื่องของ Mi 5 มีขนาดที่กำลังพอดีมือ ด้วยหน้าจอขนาด 5.15 นิ้ว ซึ่งมีขนาดที่กำลังดี ไม่เล็ก ไม่ใหญ่ จนเกินไป และด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 129 กรัม ทำให้สามารถถือได้เป็นระยะเวลานาน​โดยไม่เมื่อย แต่ตัวเครื่องค่อนข้างจะลื่น

การผสมผสานกันระหว่าง กระจก และ โลหะ ทำให้ Mi 5 นั้นดูมีความพรีเมี่ยม พร้อมทั้งด้านหลังยังมีขอบโค้ง แต่อย่าให้หน้าตาหลอกคุณ.. เพราะกระจกด้านหลังของ Mi 5 ให้ความรู้สึกเหมือนกับพลาสติกมากกว่าที่จะเป็นกระจก และงานประกอบก็ยังไม่เนี๊ยบเท่าที่ควร ฝาหลังกับขอบข้างดูเหมือนมีร่องอยู่เล็กน้อย และถ้าหากว่าซื้อสีดำมาละก็ เตรียมใจกับลายนิ้วมือให้พร้อมเลยครับ เพราะติดง่ายมาก

ถ้ามอง Mi 5 แบบผ่านๆ ก็เหมือนจะเห็นภาพซ้อนกับ Galaxy S7 อยู่พอสมควร อาจจะเพราะปุ่มโฮมที่เพิ่มเข้ามา ส่วนด้านข้างของปุ่มโฮมก็คือ ปุ่ม recent apps และ ปุ่ม back แบบ capacitive ซึ่งปุ่มทั้ง 2 ไม่ได้ทำเป็นสัญลักษณ์ให้เห็น แต่ว่าเป็นเพียงแค่ไฟ LED จุดเล็กๆ เท่านั้น ใช้แรกๆ ก็อาจจะไม่คุ้น

ด้านบนก็จะเจอกับ โลโก้ mi, ไฟ LED, เซนเซอร์วัดระยะ และ วัดแสง, ลำโพงสนทนา และ กล้องหน้าความละเอียด 4 ล้านพิกเซล

ขอบเครื่องโลหะของ Mi 5 ทั้ง 4 ด้าน นั้นไม่มีการปล่อยให้ว่างเปล่า ซึ่งถูกใช้งานทั้งหมด

  • ด้านบน: รูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, IR Blaster และ รูไมโครโฟนตัวที่ 2
  • ด้านขวา: ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และ ปุ่มพาวเวอร์
  • ด้านล่าง: รูไมโครโฟนสนทนา, USB Type-C และ ลำโพง
  • ด้านซ้าย: ช่องเสียบถาดซิม รองรับ 2 ซิม แบบ nanoSIM

สิ่งที่ขาดหายไปของ Mi 5 ก็คือ ไม่มีช่องให้ใส่ microSD การ์ด แต่ว่าสิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาและเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในตอนนี้เลยก็คงจะไม่พ้นเรื่องการรองรับ Full NetCom 3.0 ที่ทำให้ Mi 5 รองรับ 4G/3G พร้อมกันได้ทั้ง 2 ซิมนั่นเองครับ ถ้าหากว่าอยากรู้จักเกี่ยวกับ Full NetCom 3.0 เพิ่มเติมก็อ่านได้จากลิ้งค์นี้เลย

หน้าจอ

ถึงแม้ว่าเรือธงในตอนนี้ใช้หน้าจอความละเอียด Quad HD กันเกือบหมดแล้ว (ยกเว้น Z5 Premium ที่เป็น 4K) แต่ Mi 5 นั้นยังใช้หน้าจอ Full HD อยู่ ซึ่งส่วนตัวแล้วก็คิดว่า Full HD นั้นพอเพียงต่อการใช้งานสำหรับสมาร์ทโฟนในตอนนี้แล้ว เพราะนอกจากที่เราจะมองความแตกต่างแทบจะไม่ออก ก็ยังช่วยประหยัดแบตได้อีกด้วย

หน้าจอขนาด 5.15 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080p ของ Mi 5 นั้นเป็น IPS LCD ซึ่งให้สีสันที่สวยงามเป็นอันดับต้นๆ ในตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้เลยก็ว่าได้ มุมมองของหน้าจอก็กว้าง สามารถมองได้ชัดเจนในเกือบทุกมุม และมีความสว่างที่เพียงพอกับการสู้แสงแดดจ้าๆ

การปรับแสงอัตโนมัติของ Mi 5 ก็ทำได้อย่างดี ระหว่างการใช้งานนั้นแทบจะไม่ต้องไปปรับความสว่างด้วยตัวเองเลยครับ แต่ที่ติดใจก็คือขอบการหลอกตาของขอบข้าง ที่ตอนแรกนึกว่า Mi 5 จะไร้ขอบ แต่ดันมีขอบดำซะงั้น

ประสิทธิภาพการทำงาน

ถ้าจะให้หาจุดที่ทำให้ Mi 5 นั้นเป็นสมาร์ทโฟนเรือธง ก็คงจะหนีไม่พ้นชิป Snapdragon 820 ที่ขับเคลื่อนเจ้า Mi 5 ซึ่งเป็นชิปเรือธงที่แรงที่สุดจากทางค่าย Qualcomm ในตอนนี้ และเมื่อเทียบกับ Snapdragon 810 ก็ถือว่ามีการพัฒนามาเยอะมาก สำหรับผล benchmark ต่างๆ ของ Mi 5 จาก AnTuTu, Geekbench และ 3D Mark ก็ได้ตามนี้เลย

ด้วยความช่วยเหลือจาก Snapdragon 820 ทำให้ Mi 5 นั้นมีความลื่นไหล เปิดแอพได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน และ RAM 3GB ก็ถือเยอะพอสำหรับการใช้งาน แต่ว่าก็ยังเจอกับปัญหาแอพค้าง และปิดตัวเองอยู่บ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งก็คงจะเป็นที่รอมมากกว่าครับ

การเล่นเกมที่มีกราฟฟิคสูงๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ Mi 5 เพราะชิป Snapdragon 820 นั้นมาพร้อมกับ GPU Adreno 530 สามารถเล่น Asphalt 8 ได้อย่างสบายๆ

ตัวสแกนลายนิ้วมือที่ทำหน้าที่เป็นปุ่มโฮมของ Mi 5 นั้นสามาถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากๆ เรียกได้ว่าไม่เป็นสองรองใครเลย

กล้อง

Xiaomi Mi 5 มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0 ซึ่งภายในงานเปิดตัว นาย Hugo Barra ก็ได้อวดกล้องของ Mi 5 ว่ามาพร้อมกับกันสั่นถึง 4 แกน และกันสั่น 4 แกน ก็ถือว่าสามารถช่วยในการถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี

แอพกล้อง MIUI ของ Mi 5 นั้นดูเรียบง่าย เลื่อนไปทางขวาจะมี filter ให้เลือก สำหรับคนที่ชอบความสร้างสรรค์ ส่วนเลื่อนไปทางซ้ายก็จะมีโหมดให้เลือกใช้อยู่ 9 โหมด ด้วยกัน

ภาพจากกล้องหลังเมื่อถ่ายในที่มีแสงนั้นได้ภาพที่สวย คมชัด และมี dynamic range ที่กว้าง ได้สีที่สมจริง ไม่เว่อร์จนเกินไป แต่เมื่ออยู่ในสภาพแสงน้อย จะเห็นได้ชัดว่าภาพนั้นมี noise ปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน

กล้องหน้าของ Mi 5 มีความละเอียดอยูที่ 4 ล้านพิกเซล f/2.0 ซึ่งถือว่าน้อยเกินไปแล้วสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงในสมัยนี้ โหมดของกล้องหน้าก็มีเพียงแค่โหมด beautify อยู่ 3 ขั้น low, medium และ high แต่ว่าเราสามารถที่จะเลือกเปิดลูกเล่นอย่าง การเช็คอายุและเพศ ได้ แถมยังมีโหมด magic mirror ที่เอาไว้เช็คความเป๊ะของหน้าเรา ด้วยการให้คะแนน

ซอฟต์แวร์

MIUI 7 ของ Mi 5 ถูกพัฒนาอยู่บน Android 6.0 Marshmallow แต่ว่าให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าใช้ iOS มากกว่า เพราะหน้าตาที่คล้ายกับทางฝั่งผลไม้นั่นเอง ซึ่งสมาร์ทโฟนแบรนด์จีนหลายๆ เจ้าก็ทำแบบนี้เช่นเดียวกัน แต่ด้วยความที่เป็น Android ก็เลยสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ลง launcher เอา

เนื่องจากว่า Mi 5 รุ่นที่ได้นำมารีวิวนั้นเป็นเครื่องจากจีน ทำให้ไม่มี Google Play Service อยู่ในเครื่องเลย เราเลยจำเป็นที่จะต้องทำการลงเอาเอง ซึ่งระหว่างการลงก็พบปัญหาอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น contacts นั้นไม่ sync หรือ โหลดแอพไม่ได้ ก็แนะนำว่าถ้าซื้อ Mi 5 ก็ควรจะลงรอมอินเตอร์ไปเลย เพราะว่ามาพร้อมกับ Google Play Service แบบครบครันครับ

ถึงแม้ว่า MIUI 7 ของ Mi 5 จะเป็น Android 6.0 แล้ว แต่ว่าฟีเจอร์บางอย่างของ Android 6.0 ก็ยังขาดหายไปอยู่บ้าง อย่างเช่น Google Now on Tap เป็นต้น

Theme

ขาดไม่ได้เลยกับฟีเจอร์ theme ในตอนนี้ เพราะว่าแต่ละคนก็มีสไตล์ความชอบเป็นของตัวเอง โดยแอพ theme ของ Mi 5 นั้นเป็นภาษาจีน ซึ่งก็มี theme ให้เลือกอยู่มากมาย มีทั้งแบบฟรีและเสียเงินให้เราสามารถเลือกปรับแต่งได้ตามใจชอบครับ แต่ว่าเราต้องมี Mi Account ในการดาวน์โหลด

Notification bar

แถบการแจ้งเตือนของ Mi 5 แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน โดยส่วนแรกจะเป็นการแจ้งเตือน ในส่วนที่สองนั้นจะเป็นปุ่ม quick settings ต่างๆ พร้อมทั้งยังสามารถควบคุมการเล่นเพลงได้ด้วย

เราสามารถที่จะเปลี่ยนปุ่ม quick settings ต่างๆ ได้ด้วยการไปที่ Settings > Notifications > Toggle positions ครับ

ปุ่ม

การที่ Mi 5 นั้นทำปุ่ม capacitive เป็นเพียงแค่จุดไฟนั้นไม่ใช่ว่าจะทำให้สับสนแต่อย่างใด แต่เพราะว่าเราสามารถที่จะสลับด้านของปุ่ม recent apps และ ปุ่ม back โดยตอนแรกนั้น ปุ่ม recent apps จะอยู่ทางด้านซ้าย ส่วนปุ่ม back จะอยู่ทางด้านขวา แต่ถ้าใครไม่ชินก็เปลี่ยนให้ ปุ่ม back มาอยู่ทางด้านซ้ายแทนได้ครับ

แบตเตอรี่

Mi 5 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh ท่ีไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งถ้าใช้งานปกติก็สามารถอยู่ได้แบบเต็มวัน โดยมีเวลาการใช้งาน screen-on time อยู่ที่ประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ถึง 4 ชั่วโมง ถ้าหากว่าใช้ไม่เยอะก็สามารถอยู่ได้วันกว่าๆ เลยทีเดียว

พอร์ตการชาร์จของ Mi 5 นั้นเป็น USB Type-C ที่รองรับการชาร์จเร็ว Quick Charge 3.0 แต่ว่าตัวชาร์จที่แถมมานั้นเป็นแค่ Quick Charge 2.0 แต่ยังสามารถชาร์จได้ไว ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่นัก การชาร์จจาก 0 – 100 ใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 75 – 80 นาที

สรุป

Xiaomi Mi 5 แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของ Xiaomi ที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเรานำสเปคของ Mi 5 มาเทียบกับราคาของมัน ก็ไม่ต้องบอกเลยว่า Xiaomi นั้นน่ากลัวขนาดไหน เพราะว่าด้วยสเปคที่จัดเต็ม แต่ว่าราคาใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนราคาระดับกลางบางเจ้า ทำให้ Mi 5 เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว การทำงานของ Mi 5 ก็สามารถทำได้อย่างลื่นไหล และอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ว่าก็ยังมีบางจุดที่ยังคงต้องปรับปรุงอยู่บ้างครับ ถ้าหากว่าใครซื้อมาก็แนะนำว่าให้ลงรอมอินเตอร์เลยนะครับ เพราะจะประหยัดเวลาชีวิต และสะดวกสบายมากขึ้นอย่างแน่นอน

ข้อดี:

  • หน้าจอคมชัด สีสันสวยงาม
  • แบตอึด อยู่ได้เต็มวัน
  • กล้องหลังได้ภาพที่คมชัดในที่มีแสง
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือทำงานได้เร็วและแม่นยำ
  • สเปคจัดเต็ม ใช้งานได้อย่างลื่นไหล
  • รองรับ Full NetCom 3.0

ข้อเสีย:

  • ไม่รองรับ microSD การ์ด
  • ถ่ายภาพตอนแสงน้อยจะมี noise เยอะมาก
  • MIUI ยังคาดฟีเจอร์หลักๆ ของ Android อยู่
  • งานประกอบยังไม่ค่อยดีนักก