ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 ผมได้มีโอกาสทดลองใช้บริการของ แอพนำทาง smart G-BOOK (แต่แอบเสียดายที่ไม่ใช่แอฟ ทักษอร) ก็รู้สึกประทับใจในบริการ Call Center ที่สามารถช่วยเราหาพิกัดสถานที่ที่เราต้องการจะเดินทางไปได้รวดเร็วทันใจ ไม่ต้องกดค้นหาให้เสียเวลา 

มาวันนี้ แอพ smart G-BOOK มีการอัพเดทเป็นเวอร์ชั่นใหม่ พร้อมแผนที่ 3 มิติ ช่วยให้คุณได้เห็นมุมมองตึกและอาคารแบบ 3D พร้อมเพิ่มความสามรถใหม่ๆ เข้ามาอีกหลายอย่าง และที่ดีใจที่สุดคือ บน Android มีเวอร์ชั่นให้ทดลองใช้งานแบบ 30 วันฟรีๆ ได้แล้ว จากที่ก่อนหน้านี้มีแต่ iPhone  :party:

หลายคนมีคำถามว่า smart G-BOOK นี่เป็นแอพของ Toyota ใช่ไหม แล้วแบบนี้ต้องขับ Toyota ถึงจะใช้บริการได้หรือเปล่า? ขอตอบเลยครับว่าเป็นแอพของ Toyota จริง แต่ใครๆ ก็ใช้ได้ครับ เพราะเวลาใช้เราใช้บนมือถือของเราเอง ไม่ได้ใช้งานจากบนรถ มันเป็นแอพนำทางครับ ไม่ใช่อะไหล่ ขอแค่คุณมี Android หรือ iPhone ก็สามารถโหลดมาติดตั้งบนมือถือได้ทันที

smart G-BOOK 3D บน Google Play มีขนาดขอตัวแอพประมาณ 7-8 MB

smart G-BOOK 3D บน iTune Store มีขนาดของแอพอยู่ที่ราวๆ 15 MB

 

และในการทดสอบครั้งนี้ เรามีโอกาสได้ไปร่วมใช้งานพร้อมๆ กับครอบครัว Toyota กับกิจกรรม Rally Trip สู่หัวหินครับ โดยไปเริ่มสตาร์ทกันที่ศูนย์บริการ Toyota ศรีนครินทร์ แน่นอนว่าก่อนจะเริ่มก็ต้องโหลดแอพกันก่อน

นี่ครับหน้าแรกของ smart G-BOOK 3D เวอร์ชั่นใหม่บน Android อย่างทีบอกครับว่าตอนนี้มีเวอร์ชั่นทดลองใช้งานฟรี 30 วันเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่กด 30 days free trial และใส่หมายเลขโทรศัพท์และข้อมูลต่างๆ นิดหน่อยก็พร้อมให้คุณได้ลองเล่นทันที

แต่ยังก่อนครับ ที่โหลดมาติดตั้งนั้นมีแค่ตัวแอพเท่านั้น พอเข้ามาได้แล้วเราต้องโหลดแผนที่ประเทศไทยเพิ่มอีก ขนาดก็ประมาณ 370 MB

 

เนื่องจากมีหลายคนยังไม่ได้โหลดแผนที่มา เลยต้องมีทีมงานมาช่วยติดตั้งลงแผนที่ให้เสร็จสรรพ เพื่อความรวดเร็วในการใช้งานและจะได้รีบออกเดินทางไปออกทริปแรลลี่กัน

 

นอกจากนั้นในงานยังมีบริการพิเศษ ให้ลงทะเบียนใช้งาน smart G-BOOK แบบ 1 ปี ด้วย 

 

ส่วนตัวผมเองก็ไม่ค่อยจะคล่องเรื่องนี้เท่าไหร่ สมาร์ทโฟนอะไรก็ใช้ไม่ค่อยจะเป็น ยิ่งเรื่องลงแอพนี่ถึงกับต้องเกาหัวกันเลยทีเดียว เฮ้อ~

 

ดีที่ได้น้องๆ เค้ามาช่วยสอนช่วยพาลงทะเบียนให้ ไม่งั้นคงอีกนานกว่าจะได้ออกไปทดลองใช้ smart G-BOOK ฮ่าๆ 

 

หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยก็เข้าสู่ตัวแอพได้ละ หน้าตาเมนูของแอพยังเหมือนเดิมจากเมื่อครั้งที่แล้ว ซึ่งสอบถามกับทาง Toyota เค้าก็บอกว่าเพือความเคยชินของผู้ใช้งาน และเป็นมาตรฐานที่ประเทศญี่ปุ่นเค้าใช้กัน ส่วนเรื่องความละเอียดของแผนที่และเส้นทางนั้นมีการอัพเดททุกๆ 1 ปีครับ

 

ในครั้งแรกที่เราเปิดใช้งานนั้น เมนู แผนที่ และการนำทางจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดเลย ส่วนการเปลี่ยนเมนูเป็นภาษาไทยก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด และไม่ต้องไปเปลี่ยนภาษาของตัวงเครื่องแบบเวอร์ชั่นเก่าแล้ว ตอนนี้รองรับการเปลี่ยนภาษในตัวแอพแล้วจ้า 

วิธีการก็ไม่ได้ยุ่งยาก เข้าไปที่หน้า Navigator หรือการนำทางกันก่อน จากนั้นกดปุ่ม MENU (1) เสร็จแล้วก็เลือกแท็บ NAVI ที่ด้านบน เข้าไปเปลี่ยนค่าใน Navi Settings

 

เลื่อนลงมาที่ด้านล่างสุดของจอภาพ จะเห็น Display และ Voice ก็เลือกเป็น Thai ทั้งคู่ (3) เท่านี้เราก็ได้เมนูไทย และเสียงไทยในการพูดนำทางแล้ว 

 

 แผนที่ใหม่ สีสันสดใสกว่าเดิม พร้อมเมนูภาษาไทย เท่านี้เราก็พร้อมที่จะออกเดินทางไปแรลลี่กันแล้ว ฮิ้ว!

 

เป้าหมายแรกที่เราต้องไปคือปั้มน้ำมัน โดยการใช้ระบบ Navigator ในการค้นหาเส้นทาง และเลือกหมวดยานยนตร์ > ปั๊มน้ำมัน และเนื่องจากปั๊มที่เราจะทำภารกิจนั้นมันไม่ได้อยู่ในกรุงเทพ เราก็สามารถเลือกภาค > จังหวัด ต่อไปได้ เพื่อลดจำนวนสถานที่ที่เราต้องการค้นหาให้แคบลง และทำงานได้เร็วขึ้นนั่นเอง

 

และแล้วก็เดินทางมาถึงภารกิจแรก ทำกิจกรรมเสร็จสรรพก็รับขนมตาลเป็นสเบียงระหว่างทาง พร้อมกับมุ่งหน้าไปสู่ภารกิจที่ 2 กันต่อ 

 

ภารกิจที่ 2 นี้เราต้องเรียกใช้งานเลขาส่วนตัว หรือบริการ Operator Service (Call Center) ซึ่งเป็นจุดแข็งของ smart G-BOOK เลยครับ เพราะเป็นบริการแบบ 24 ชั่วโมง ในกรณีที่เราอยากจะเดินทางไปไหนแล้ว ค้นหาไม่เจอ ก็สามารถกดโทรหา call center ได้ทันที 

 

ที่สำคัญคือมันช่วยลดความเสี่ยงบนถนนของคุณได้ด้วยครับ เพราะเวลาใช้งาน GPS ผมว่าหลายๆ คนน่าจะเคยขับไปจิ้มไป พยายามค้นหาสถานที่ต่างๆ เจอบ้างไม่เจอบ้าง จิ้มผิดจิ้มถูกบ้าง พอมองแต่หน้าจอแล้วขับไปเรื่อยๆ อาจจะไปชนตูดเค้าได้ หรือบางทีก็ต้องจอดรถหากันอยู่นานสองนาน คนนึงเปิด Google Mpas หา อีกคนก็ช่วยจิ้ม GPS

เลิกเสียเวลาในการค้นหาได้แล้วครับ โทรหา Operator Service เลขาส่วนตัวของเรา แล้วรอไม่กี่วินาทีน้องเค้าก็จะส่งพิกัดมาให้ทาง smart G-BOOK พร้อมนำทางทันที 

 

เมื่อเจ้าหน้าที่จัดส่งจุดหมายปลายทางมาให้เราทาง Inbox แล้ว แค่กดตกลง smart G-BOOK ก็พร้อมจะนำทางให้เราทันที โดยเส้นทางที่เราได้รับจาก call center จะถูกจัดเก็บไว้ใน Inbox ให้เราเรียกดูได้ทุกเมื่อ แต่ inbox สามารถเก็บพิกัดได้เพียง 5 จุดเท่านั้น ถ้าอยากเก็บเพิ่มก็ต้องย้ายพิกัดไปเก็บที่ G-Memory แทน

 

นี่ครับภารกิจที่สองของเรา มาปลูกป่าชายเลนที่อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร บอกตามตรงว่าผมไม่เคยรู้ว่ามี เพราะที่นี่มันอยู่ในค่ายทหารพระราม 6 ครับ

 ปลูกป่ากันเสร็จเรียบร้อยก็มาถ่ายภาพร่วมกันนิดหน่อย ก่อนที่จะเดินทางไปยังภารกิจต่อไป 


 

ภารกิจสุดท้ายคือการมาสักการะองค์รูปเหมือน สมเด็จพระพุฒจารย์ โต พรหมรังสี ที่วัดตาลเจ็ดยอดครับ

จริงๆ แล้วการใช้งานโปรแกรมนำทางหรือ GPS นี่ก็จะมีวิธีการค้นหาสถานที่ซึ่งแตกต่างกันออกไป ความคล่องตัวในการใช้นั้นมาจากความเคยชินเสียส่วนใหญ่ พอใช้ไปสักพักก็จะคล่องตัวขึ้นมาเอง บอกตามตรงช่วงแรกๆ ที่ผมใช้ smart G-BOOK ก็มีงงเหมือนกัน ทั้งในส่วนของ Navigator และ Spot Seacrh บอกตามตรงว่าจนบัดนี้ก็ยังไม่คล่อง

แต่ทุกสิ่งอย่างนั้นมาจบที่บริการ Operator Service ครับ บริการเดียว เอาอยู่จริงๆ เพราะสามารถโทรไปขอพิกัดสถานที่ไหนก็ได้ บางที่เพิ่งจะเปิดใหม่ๆ ซึ่งแน่นอนว่าบน GPS บนรถที่อัพเดทกันราย 6 เดือน 12 เดือนนั้นไม่มีทางมีแน่ๆ แต่ Operator Service สามารถหาให้เราได้ครับ เทพจริง

ข้อดี

  • ระบบ Operator Service 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์ชีวิตเร่งรีบสุดๆ รวมถึงคนที่ใช้แอพนำทางไม่เป็นก็ยังสามารถใช้งาน Operator Service ได้ง่ายๆ สถานที่ใหม่ๆ ก็สามารถค้นหาได้
  • สามารถแจ้งพิกัดในสถานที่เปิดใหม่ได้ทันที ด้วยบริการ Operator Service
  • การคำนวนเส้นทางหลีกเลี่ยงจุดที่รถติด ด้วยข้อมูลจราจรจาก iTIC ได้
  • ระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินต่างๆ ทั้งเรื่องของตัวรถ หรือเรื่องสุขภาพที่ร่วมกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ

ข้อเสีย

  • การพูดในช่วงนำทางนั้นมีระยะห่างมากเกินไปหน่อย น่าจะมีให้เลือกปรับได้
  • การมีแผนที่ 2 ชุด และ POI จาก 2 ที่ อาจจะทำให้งงๆ และสับสนได้ตอนค้นหาสถานที่
  • ยังไม่สามารถใช้กับ Android ได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ เพราะฉะนั้นควรจะลองโหลดเวอร์ชั่นทดลองใช้งาน 30 วัน มาทดสอบก่อนจะซื้อ
 

รายละเอียดเพิ่มเติมของการใช้งาน smart G-BOOK สามารถอ่านได้ที่ รีวิว Smart G-BOOK ครับ