UberX บริการเรียกรถตามสั่ง จากรถทั่วไปที่วิ่งตามท้องถนน ครบรอบขวบปีไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สามารถผ่านบททดสอบในด้านกฎหมายและดราม่ามากมายในช่วงเริ่มให้บริการ จวบจนตอนนี้เติบโตขึ้น 12 เท่า มีผู้นำรถเข้าร่วมให้บริการ และผู้ใช้งานหลายหมื่นเที่ยวต่อสัปดาห์ พอดีได้มีโอกาสเข้าร่วมฟังการแถลงข่าว อัพเดทข้อมูลและตอบคำถามหลายอย่างที่คาใจ จึงขอนำมาแชร์ต่อให้เพื่อนๆได้ทราบกัน รวมถึงเล่าประสบการณ์ส่วนตัวที่ใช้ Uber มาตลอด 1 ปีที่ผ่านมาให้ได้ฟังด้วย ^^

ก่อนอื่นอยากให้เข้าใจก่อนว่า uber ไม่ใช่แอพเรียกแท็กซี่เหมือนอย่าง GrabTaxi หรือ AllThaiTaxi ที่นำเอาแท็กซี่ที่มีให้บริการอยู่แล้วบนท้องถนนมาติดสมาร์ทโฟนให้สามารถเรียกได้ผ่านแอพ แต่uber เป็นบริการที่ชักชวนให้คนมีรถอยู่แล้ว นำเอารถออกมาวิ่งให้บริการ หรือเรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่ให้บริการแชร์รถพร้อมคนขับนั่นเอง (ride sharing)

ปัญหาด้านกฎหมาย ดราม่าออกข่าวทีวี ช่วยโปรโมทบริการให้ไม่เว้นแต่ละวันเมื่อปลายปีที่แล้ว ปล่อยข่าวแง่ลบต่างๆ นานา ทั้งมีการจับปรับคนขับเพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู สั่งห้ามให้บริการตามที่ต่างๆ ออกมาขู่ผู้ใช้บริการว่าอาจมีปัญหาหากยังคิดจะใช้ต่อไป ซึ่งทำให้ตอนนั้น Uber เติบโตมีผู้ใช้บริการเยอะขึ้นมาก (ฮา) และตามที่ผู้บริหารระดับภูมิภาพเอเชียตัวออกเฉียงใต้ได้เอ่ยบอกในงาน คือ “วันนี้ทาง Uber ได้ก้าวข้ามเรื่องของปัญหาด้านกฎหมายในประเทศไทยไปแล้ว (ไม่บอกว่าข้ามไปได้ยังไงนะ) ตอนนี้บริษัทอยู่ในช่วงที่ทำความเข้าใจกับประชาชนและรัฐ เพื่อศึกษาผลกระทบของธุรกิจ ride sharing ว่ามันมีประโยชน์อย่างไรต่อประเทศ แล้วจึงค่อยลงรายละเอียดว่าหากจะต้องตรากฎหมายสักตัวเพื่อรองรับ มันควรจะต้องเป็นอย่างไร”

หรือมองอีกทางคือ Uber หรือธุรกิจ Ride Sharing มันยังเป็นอะไรที่ใหม่มาก มองคุณประโยชน์ของมันก็จะเห็นเรื่องที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย จะตัดโอกาสไม่ให้มันเติบโตเลยก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอยู่ แต่การที่จะรับรองทันทีก็ดูจะไม่ปกตินัก วันนี้ก็เหมือนเป็นการศึกษาผลกระทบของมันก่อนว่าจะเอายังไงกับมันต่อนั่นเอง

ความเปลี่ยนแปลงและสถิติที่น่าสนใจหลายๆอย่างของ UberX ในประเทศไทย

หากใครไม่ได้ใช้มานานและลองกลับไปใช้อีกครั้งจะเห็นว่าทุกวันนี้ก็มีระ Uber X วิ่งให้บริการกันอยู่ค่อนข้างเยอะบนแผนที่กรุงเทพ (ขึ้นกับช่วงเวลา) ส่วน Uber Black ก็มีให้เห็นไม่น้อยเหมือนกัน และจะมีไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นป้ายเขียวเหมือนตอนช่วงแรกๆแล้ว

UberX ไม่มีการจำกัดพื้นที่เขตการวิ่งของรถอีกต่อไป ถ้าใครใช้ uberX มาตั้งแต่เริ่มแรก จะจำได้ว่าทาง uber จะมีการจำกัดพื้นที่ให้บริการอยู่แต่เฉพาะในกรุงเทพฯชั้นใน ออกจากเขตเมือง เขตธุรกิจไปหน่อยก็จะไม่สามารถให้บริการได้ ซึ่งตอนนี้ได้มีการปลดล็อคเรื่องนี้ไปเรียบร้อยแล้ว คนขับสามารถวิ่งและรับผู้โดยสารได้ไกลแค่ไหนก็ทำได้ (ถ้ามีคนเรียก)

จุดดำคือตำแหน่งของคนที่กดเปิดแอพ Uber ส่วนจุดพื้นที่น้ำเงินคือตำแหน่งที่ Uber ไปรับ

Uber พาคนไปแทบทุกที่ในกรุงเทพ ตั้งแต่รังสิต-พุทธมณฑล-พระราม 2-บางนา-สุวรรณภูมิ-รามอินทรา

โดยมากจะใช้เป็นส่วนเสริมจากการโดยสารสาธารณะ 15-20% ของการเดินทางเริ่มและจบในระยะ 100 เมตรจากสถานี MRT/BTS 

ยังไม่เคยมีรายงานอาชญากรรมจากบริการ uber มีเหตุที่ร้ายแรงที่คือ อุบัติเหตุที่ได้รับผลถึงร่างกายผู้โดยสาร ซึ่งเคยมีข่าวออกมาว่าบริษัทประกันจะไม่รับผิดชอบในกรณีนี้ เพราะเป็นการนำรถไปใช้ผิดประเภท แต่ในทางปฎิบัติแล้วยังไม่เคยมีประเด็นอะไร อย่างไรก็ดีทาง uber บอกว่าเค้ายังมีการทำประกันอุบัติเหตุเข้าไปเพิ่มให้แยกต่างหากจากประกันรถปกติอีกด้วย และโดยปกติหากมีปัญหาแจ้งเข้าไปที่บริษัท จะมีคนติดต่อกลับภายใน 20 นาที และจะพยายามแก้ปัญหาให้จบภายใน 24 ชม. (ยังไม่เคยเจอปัญหา ใครเคยร้องเรียนมาบอกหน่อยว่าจริงปะ?)

สำหรับเรื่องความปลอดภัย ทาง uber เปิดเผยว่ากระบวนการตรวจสอบคนขับจะมีข้อบังคับให้ทุกคนต้องไปขอรายงานยืนยันตัวจากกรมตำรวจว่าไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อนถึงจะสมัครได้ และระหว่างที่เราใช้บริการ เราก็จะรู้ถึงทะเบียนและหน้าตาคนขับที่ต้องเหมือนกัน รวมถึงสามารถแชร์การเดินทางว่าตอนนี้ขับถึงไหน อีกกี่นาทีถึงให้คนที่บ้าน หรือแฟนทราบได้ทันทีด้วย (ต่างจากแท็กซี่ที่ล่าสุดเพิ่งมีข่าวลงไปว่าถูกแท็กซี่ฟัน หลังติงเรื่องเปิดไฟว่างแล้วไม่รับคน 🙁 >> อ่านต่อที่ ไทยรัฐ)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการความปลอดภัยของการโดยสาร uber ที่ https://www.uber.com/safety

1 ปีที่ผ่านมามีการเรียกใช้ Uber X มากกว่า 1 ล้านการเดินทางในกรุงเทพ แต่รู้หรือไม่ว่า Uber ในประเทศไทยมีพนักงานจริงๆ เพียงแค่ 6 คน ที่เหลือจะเป็น Outsource หรือให้บริการทางไกลจากต่างประเทศมา โดยตัว Call Center ของไทยก็จะมีฐานอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย ไม่ได้อยู่ในไทยแต่อย่างใดนะ แต่ถ้านับรวมถึงคนที่มาขับให้บริการ Uber ปัจจุบันในกรุงเทพมีอยู่ราว 30,000 รายเข้าไปแล้ว

กราฟการเติบโตของการจ่ายเงินให้กับคนที่มาขับให้บริการ Uber X ตั้งแต่ต้นปี 2015 เติบโตแบบพุ่งมาก แต่เข้าใจว่าสาเหตุมาจากการที่ช่วงก่อนหน้านี้ Uber มีทำโปรโมชั่นแจกเงินค่อนข้างเยอะมากนั่นเอง

Uber ต้องการผลักดันบริการ Uber X เพื่อให้คนให้เลือกที่จะไม่ซื้อรถและหันมาใช้บริการมากกว่า ด้วยเหตุผลในเรื่องความคุ้มค่าด้านราคา ประหยัดเวลาหาที่จอด ซึ่งมีการคำนวนออกมาว่าใช้ Uber X จะยังมีค่าบริการน้อยกว่าค่าใช้จ่ายของรถ Vios เสียอีก

ค่าใช้จ่ายของการซื้อรถด้วยตัวเอง เรียกตามลำดับมากไปน้อย

  1. ค่าเสื่อมราคาของรถ
  2. ค่าที่จอดรถ
  3. ประกันอุบัตเหตุ
  4. ค่าน้ำมัน
  5. ค่าบำรุงรักษา

และที่น่าสนใจจริงๆคือเรามีคนขับรถให้ เหมาะสำหรับใครก็ตามที่ชอบออกไปปาร์ตี้เมามายจนขับรถไม่ไหว ก็จอดเก็บเอาไว้ที่บ้านเหอะนะ ซึ่งก็มีคนเห็นถึงจุดนี้กันเยอะมากและใช้บริการแบบนี้อยู่ดังที่เห็นในกราฟว่าการใช้งานหลังจากช่วงเช้าแล้วจะค่อยๆลดลงและจะได้ดีดตัวสูงขึ้นอีกครั้งตอนหลังผับปิดนั่นเอง

กราฟแสดงยอดการเรียกใช้งานซึ่งจะค่อยๆตกลงหลังชม.เร่งด่วนในตอนเย็นและพุ่งอีกทีตอนผับปิด

ข้อมูลและสถติอื่นๆที่น่าสนใจจากทาง uber

  • ระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่ Uber มารับผู้โดยสาร: 5.5 นาที
  • การสร้างงาน:กว่า 30,000 คน ได้รับโอกาสในการมีรายได้ร่วมกับ Uber
  • รายได้เฉลี่ยของพาร์ทเนอร์ร่วมขับ: 40,000 บาท ต่อคน ส าหรับการขับรถวันละ 10 เที่ยวอาทิตย์ละ 6 วัน
  • เที่ยวโดยสารในช่วงสุดสัปดาห์: ร้อยละ 50ของเที่ยวโดยสารทั้งหมดของ Uber เกิดขึ้นในวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์
  • สัดส่วนผู้โดยสารไทยและต่างชาติ : ไทยร้อยละ 65 และต่างชาติร้อยละ 35โดยสัดส่วนผู้โดยสารไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • เส้นทางที่มีการใช้บริการ Uber มากที่สุด : ถ.สุขุมวิท จากสนามกีฬาแห่งชาติถึงเอกมัย
  • สถานที่ที่มีความต้องการใช้บริการ Uber มากที่สุดในแต่ละวัน: ราชประสงค์สาทรและสุขุมวิท
  • รายได้ต่อเดือนสูงสุดท่ีพาร์เนอร์ในประเทศไทยเคยทำได้: 134,000 บาทต่อเดือน

 

ก็ขอจบการอัพเดทเรื่องราวของ Uber ไว้แต่เพียงเท่านี้ และขอทิ้งท้ายไปด้วยการรีวิวจากประสบกาณ์ตรงของผมที่ใช้ทั้ง Uber X และ Black มาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา

  • มีรถให้เรียกใช้งานเยอะกว่าเดิม กดเปิดแอพมาแล้วไม่ค่อยผิดหวัง

  • แต่จะมีช่วง Surge ค่อนข้างบ่อย โดยเฉพาะตอนช่วงเวลาเร่งด่วน เคยโดนสูงสุด 2 เท่า

  • แผนที่แสดงตำแหน่งรถในแอพเป็นตำแหน่งของรถที่ว่างอยู่จริง และมารับเกือบ 100% (บางแอพเรียกแล้วไม่ยอมมาบ้าง หรือรถที่แสดงบนหน้าจอเป็นรถทั้งหมดไม่ใช่รถที่ว่างจริง)

  • ใช้เวลาเรียกรถน้อยลงจากเดิมที่เคยรอ 10+ นาที หลังๆมาก็น้อยลงหน่อย ขึ้นกับเข้าซอยรึเปล่า

  • กะเวลาดีๆ เราเตรียมพร้อมทุกอย่างเสร็จ รถมาก็ขึ้นได้เลย สะดวกมาก

  • ถ้าเค้ามาถึงก่อน จอดรอแป๊บนึงก็ไม่คิดเงินนะ (แต่น่าจะแล้วแต่คนชับ)

  • คนขับ Uber Black แต่งตัวไม่ดูดีเท่าช่วงเปิดบริการใหม่ๆ

  • คนขับทั้ง Uber X และ Black มารยาทดีกว่า Taxi อย่างเห็นได้ชัด

  • เคยเจอคนขับที่ไม่ถึงกับมารยาทงามบ้าง แต่ก็ไม่หยาบคาย และน่ารำคาญ

  • โดยรวมคุณภาพรถดีกว่าแท็กซี่

  • ดูประวัติการเดินทางได้ละเอียดและย้อนหลังไปหมด เหมาะกับเรียกให้คนอื่นใช้งานมาก
  • เรียกไปหรือกลับจากสนามบินราคาดุไปหน่อย (X: 500 บาท, Black: 1,000 บาท) คิดเป็นเรตตายตัวไม่ว่าจะบ้านใกล้ไกล

  • ข้อเสียหลักคือคนขับมักไม่ค่อยรู้ทาง พาหลงหรือเข้ารถติดค่อนข้างบ่อย

  • มี GPS แต่ดันไม่ยอมกดใช้นำทาง หรือบางคนก็ใช้ไม่เป็น ขับพาวนไกลมาก แนะนำให้เปิด Google Maps นำทางและให้เค้าขับตามจะเวิร์คกว่ามาก
  • ตัวแอพมีอาการเอ๋อให้เห็นเป็นพักๆ คิดค่าบริการผิดบ้าง แต่เมื่อเรียกร้องก็มีตอบกลับและแก้ไขได้รวดเร็วดี

 สรุปสั้นๆคือใช้เถอะครับ มันโอเคอยู่ และไม่แพง

 

เช่นเดิมว่าขอฝากให้คนที่ยังไม่เคยใช้บริการ เอาโค้ดของผมไปกรอกตอนใช้งานครั้งแรก แล้วจะได้เครดิตเป็นเงิน 300 บาทสำหรับใช้นั่งได้ทันที โดยกดเข้าไปรับสิทธิ์ได้ที่ https://www.uber.com/invite/gdiwo 

ไว้โอกาสหน้าเดี๋ยวจะมาอัพเดทบทความเปรียบเทียบ Uber กับ Grabtaxi ให้ได้อ่านกันอีกครั้งนะครับ ว่านั่งแบบไหนจะคุ้มกว่ากัน รวมถึงคำนวนว่านั่ง Uber แล้วมันคุ้มกว่าซื้อรถจริงรึเปล่าด้วย

มีคำถามอะไรก็เขียนมาในคอมเม้นท์ได้เลยนะ ถ้ารู้เดี๋ยวมาตอบให้ครับ