สวัสดีเพื่อนสมาชิก Droidsans ทุกท่านครับ วันนี้ผมจะมารีวิวมือถือ 2 รุ่นที่จัดว่าคุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่งในชั่วโมงนี้เลย มันคือ Wiko U Feel และ U Feel Lite มือถือ 2 รุ่นใหม่จาก Wiko ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำจากฝรั่งเศสที่ทำตลาดในประเทศไทยมาสักพักหนึ่งแล้ว โดยทั้งสองรุ่นเป็นมือถือราคาประหยัด U Feel ราคา 5,990 บาท และ U Feel Lite ราคา 4,590 บาท แต่สิ่งที่อยู่ข้างในมือถือทั้งสองรุ่นต้องบอกว่าคุ้มค่าเกินราคาค่าตัวอย่างแน่นอน เรามาดูรายละเอียดของทั้งสองรุ่นกันเลย

  

สำหรับรีวิวจะเปรียบเสมือนภาคต่อของบทความ [Preview] พรีวิว Wiko U Feel และ U Feel Lite สองคู่คุ้มค่า ราคาประหยัด ที่ทาง Octopatr ได้พรีวิวมือถือทั้งสองรุ่นมห้ได้เราได้ชมกันไปแล้วในส่วนของการ Unbox ของใน package ขายจริง และส่วนของ Hardware ตัวเครื่องที่มีการพูดถึงไปอย่างละเอียดดีแล้ว รีวิวนี้จะมาพูดต่อกันในส่วนของ Software, ประสิทธิภาพ, แบตเตอรี่ และกล้องของมือถือทั้งสองรุ่นครับ ดังนั้นใครยังไม่ได้อ่านพรีวิว สามารถกดเข้าไปอ่านได้จาก Link ด้านล่างเลยครับ

 

 

สเปกโดยละเอียด

 

Wiko U Feel

wiko-u-feel-review-spec01.jpg

  • ชื่อและรหัสเครื่อง : U FEEL

  • สัดส่วน : 143 x 70.7 x 8.55 มิลลิเมตร

  • น้ำหนัก : 145 กรัม

  • หน้าจอ : IPS LCD 5 นิ้ว ความละเอียด HD 1280×720 พิกเซล

  • เครือข่ายที่รองรับ:

    • 4G : LTE 900 / 1800 / 2100

    • 3G : WCDMA 850 / 900 / 2100

    • 2G : GSM 850 / 900 / 1800 / 1900

  • SIM : 2 SIM แบบ MicroSIM (Dual standby)

  • CPU : MediaTek MT6735 Quad-Core 1.3GHz, Cortex-A53

  • GPU : Mali-T720

  • RAM : 3GB

  • หน่วยความจำภายใน : 32GB รองรับ microSD card สูงสุดที่ 64GB

  • กล้องหน้า : 5 ล้านพิกเซล พร้อม Selfie flash

  • กล้องหลัง : 13 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ AF และ LED flash

  • แบตเตอรี่ : 2500mAh (ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้)

  • OS : Android 6.0 Marshmallow พร้อม Wiko Launcher

  • NFC : ไม่มี

  • OTG : มี

  • ไฟแจ้งเตือน: มี

  • เซ็นเซอร์และการเชื่อมต่ออื่นๆ:

    • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

    • GPS, A-GPS

    • Wi-Fi 802.11 b/g/n

    • Bluetooth 4.0, A2DP

    • microUSB 2.0

    • หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

    • Accelerometer, Proximity, Light, Gyrometer

 

Wiko U Feel Lite

wiko-u-feel-review-spec02.jpg

  • ชื่อและรหัสเครื่อง : U FEEL LITE

  • สัดส่วน : 143.5 x 71.5 x 8.5 มิลลิเมตร

  • น้ำหนัก : 147 กรัม

  • หน้าจอ : IPS LCD 5 นิ้ว ความละเอียด HD 1280×720 พิกเซล

  • เครือข่ายที่รองรับ:

    • 4G : LTE 900 / 1800 / 2100

    • 3G : WCDMA 850 / 900 / 2100

    • 2G : GSM 850 / 900 / 1800 / 1900

  • SIM : 2 SIM แบบ MicroSIM (Dual standby)

  • CPU : MediaTek MT6735 Quad-Core 1.3GHz, Cortex-A53

  • GPU : Mali-T720

  • RAM : 2GB

  • หน่วยความจำภายใน : 16GB รองรับ microSD card สูงสุดที่ 64GB

  • กล้องหน้า : 5 ล้านพิกเซล พร้อม Selfie flash

  • กล้องหลัง : 8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ AF และ LED flash

  • แบตเตอรี่ : 2500mAh (ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้)

  • OS : Android 6.0 Marshmallow พร้อม Wiko Launcher

  • NFC : ไม่มี

  • OTG : มี

  • ไฟแจ้งเตือน: มี

  • เซ็นเซอร์และการเชื่อมต่ออื่นๆ:

    • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

    • GPS, A-GPS

    • Wi-Fi 802.11 b/g/n

    • Bluetooth 4.0, A2DP

    • microUSB 2.0

    • หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

    • Accelerometer, Proximity, Light, Gyrometer

จากสเปกของทั้งสองรุ่นเราจะเห็นได้ว่า ต่างกันเพียงนิดหน่อยเท่านั้นครับ โดย U Feel จะมี RAM และ ROM ที่มากกว่า U Feel Lite และกล้องหลังมีความละเอียดมากกว่าที่ 13 ล้านพิกเซล นอกจากนั้นคือเหมือนกันเลยครับ ดีหน่อยที่งานออกแบบเลือกใช้วัสดุที่แตกต่างกัน โดย U Feel จะมีใช้วัสดุเป็นพลาสติกเป็นส่วนใหญ่ แต่ U Feel Lite จะใช้วัสดุเป็นโลหะ โดยส่วนตัวผมรู้สึกว่า U Feel Lite พรีเมียมกว่า U Feel นะ 55 ก็แล้วแต่คนชอบนะครับ

wiko-u-feel-review-spec03.jpg

 

 

ระบบ Software

ทั้ง Wiko U Feel และ U Feel Lite จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow เรียบร้อยแล้ว โดย Wiko จะมี Launcher ของตัวเองเป็น Launcher หลักของตัวเครื่อง แต่ส่วนอื่นๆก็ไม่ได้มีการแตะต้องอะไรกับระบบ Android มากนัก เรียกว่าถ้าลง Google Now Launcher ก็เป็น Stock Android ดีๆนี่แหละครับ

 

My Launcher

ตัว Launcher ของ Wiko นั้นชื่อว่า “My Launcher” ซึ่งการใช้งานนั้นเหมือนกับมือถือฝั่งจีนที่จะไม่มี App Drawer มาให้ โดย App ทั้งหมดจะถูกวางอยู่บนหน้า Homescreen ให้เราจัดเรียงตำแหน่งเอาเอง นอกจากนั้นก็สามารถเปลี่ยน Wallpaper หรือเพิม Widget ลงบนหน้าจอได้ตามมาตรฐาน

wiko-u-feel-review-software01.jpg

 

My App

รอบนี้ Wiko มีเพิ่ม “My App” เข้ามาเป็นแอพพิเศษที่ทำหน้าที่คล้าย App Drawer โดยแอพจะจัดเรียงในแนวตั้งตามตัวอักษร เราสามารถค้นหาชื่อแอพ หรือเอานิ้วแตะที่ด้านข้างแล้วเลื่อนขึ้นลงตามตัวอักษรได้เช่นกัน

wiko-u-feel-review-software02.jpg

 

Notification, Toggles และ Settings

ส่วนของ Notification, Toggles และหน้า Settings ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจาก Android มาตรฐานเลย

wiko-u-feel-review-software03.jpg

 

Five Fingers, Five Actions

wiko-u-feel-review-software04.jpg

ฟีเจอร์ที่เป็นไฮไลต์อย่างหนึ่งของ U Feel และ U Feel Lite คือ ระบบสแกนลายนิ้วมือ โดยเราสามารถลงทะเบียนลายนิ้วมือไว้ได้สูงสุด 5 นิ้วด้วยกัน จะเป็นนิ้วไหนจากมือข้างไหนก็ได้ 5 นิ้วเลือกมา นอกจากจะใช้นิ้วมือในการปลดล็อคเครื่อง เรายังสามารถตั้งค่า Action ให้กับทั้ง 5 นิ้วได้ด้วย ซึ่ง Action มีให้เลือก 2 แบบคือ ให้เปิด app ที่ต้องการ หรือ ให้โทรหาเบอร์ใน contact ของเรา

wiko-u-feel-review-software05.jpg

 

Smart Actions

ฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราใช้งานมือถือได้มากขึ้นด้วยท่าทางบางอย่าง ตัวอย่างเช่น

  • Unlock screen by double tap: แตะสองครั้งที่หน้าจอตอนดับอยู่เพื่อเปิดหน้าจอขึ้นมา

  • Lock screen by double tap: แตะสองครั้งที่ปุ่ม Home เพื่อทำการล็อคหน้าจอ

  • Flip to mute: คว่ำหน้าจอเพื่อปิดเสียงเรียกเข้า เมื่อมีคนโทรเข้ามา

  • Get the call: เวลามีสายเรียกเข้า เราสามารถรับสายโดยเอามือถือมาแนบหู

wiko-u-feel-review-software06.jpg

 

Smart Gesture

ฟีเจอร์พิเศษที่ช่วยให้เราสามารถวาดรูปสัญลักษณ์บนหน้าจอเพื่อเปิดแอพต่างๆที่ต้องการได้ โดยสามารถวาดได้ทั้งตอนหน้าจอปิดหรือเปิดอยู่ สำหรับการวาดตอนที่หน้าจอเปิดอยู่จะต้องลากนิ้วจากมุมบนซ้ายลงมาก่อนแล้วจะเจอที่ให้วาดอีกที เบื้องต้นวาดสัญลักษณ์ได้ 3 อย่าง คือ O เปิดกล้อง, M เปิดแอพเพลง และ C เปิดหน้าโทรศัพท์ นอกจากนั้นยังสามารถวาดสัญลักษณ์อื่นๆในแบบของตัวเองได้ด้วย

wiko-u-feel-review-software07.png

 

สำหรับ App พื้นฐานหลายๆอย่าง Wiko ก็มีมาให้ใช้เหมือนกับมือถือทั่วไปทั้ง Gallery, File Manager, ไฟฉาย, พยากรณ์อากาศ, เครื่องคิดเลข หรือเครื่องบันทึกเสียง เรียกว่ามี App พื้นฐานมาให้ใช้งานครบเรียบร้อย

wiko-u-feel-review-software08.jpg

 

ประสิทธิภาพและการใช้งานแบตเตอรี่

Wiko U Feel และ U Feel Lite เลือกใช้หน่วยประมวลผล MediaTek MT6753 Octa-Core 64bit ความเร็ว 1.3 GHz เหมือนกันทั้งสองรุ่น รวมไปถึงส่วนของ GPU เป็น Mali-T720 ด้วย โดยชิปเซ็นรุ่นนี้จัดว่าอยู่ในกลุ่มราคาประหยัดสำหรับมือถือยุคปัจจุบัน แต่ U Feel ให้ RAM มาถึง 3GB ซึ่งช่วยให้การใช้งาน App ต่างๆนั้นทำได้รวดเร็วและสามารถเปิดได้หลาย App พร้อมกัน ประสิทธิภาพจากการทดลองใช้งานมาสักพักพบว่า ทำงานได้ดี ลื่นไหล และตอบสนองได้ดี ไม่ค่อยพบอาการสะดุดเท่าไหร่ มีบ้างนานๆครั้งที่เครื่องจะหยุดตอบสนองไปสักพัก แล้วก็กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม โดยการวัดประสิทธิภาพด้วย App สำหรับ benchmark ต่างๆก็พบว่าได้คะแนนตามมาตรฐานดังนี้

 

wiko-u-feel-review-performance01.jpg

Antutu Benchmark : Wiko U Feel

 

wiko-u-feel-review-performance02.jpg

Antutu Benchmark : Wiko U Feel Lite

 

wiko-u-feel-review-performance03.jpg

Geekbench : Wiko U Feel

 

wiko-u-feel-review-performance04.jpg

Geekbench : Wiko U Feel Lite

 

ในส่วนของแบตเตอรี่นั้นให้มาเท่ากันทั้ง 2 รุ่นคือ 2500mAh ไม่มากไม่น้อย และการใช้งานได้ครบวันทั้งสองรุ่น จากการใช้งานทั่วไปของผม ซึ่งเป็นการเล่น Facebook, Messenger, Line และอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงฟังเพลงบ้างเป็นบางครั้ง พบว่า ใช้งานได้ประมาณ 13-14 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

 

wiko-u-feel-review-performance05.jpg

Battery Usage : Wiko U Feel

 

wiko-u-feel-review-performance06.jpg

Battery Usage : Wiko U Feel Lite

 

กล้องถ่ายรูปและตัวอย่างภาพถ่าย

Wiko U Feel และ U Feel Lite มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และ 8 ล้านพิกเซล ตามลำดับ โดยตัวแอพกล้องนั้นทำมาให้ใช้งานได้ไม่ยาก มีโหมดการถ่ายรูปให้เล่นหลากหลาย เช่น Panorama, Face Beauty, HDR, Night, Sports และ Professional นอกจากนั้นยังสามารถปรับค่า option ได้เพิ่มเติม เช่น Touch Shutter, Smile Shutter หรือตั้งเวลาถ่ายรูป เป็นต้น

wiko-u-feel-review-camera01.jpg

 

สำหรับโหมด Professional นั้นเราสามารถเลือกจุดโฟกัสและจุดวัดแสงแยกจากกันได้ ส่วนค่าที่ให้ปรับได้ก็มี ISO, WB, Saturation, Sharpness และ EV ไม่มี Shutter speed ให้ปรับเหมือนมือถือราคาหมื่นนะครับ

wiko-u-feel-review-camera02.jpg

 

สำหรับคุณภาพของภาพถ่ายที่ได้ถือว่า ทำได้ดีในมือถือราคาระดับนี้ จะให้ดีเหมือนมือถือราคาแพงๆก็คงไม่ใช่ เรียกว่าถ่ายได้เรื่อยๆ ไม่ต้องซีเรียสอะไร ส่วนภาพ Selfie ความละเอียด 5 ล้านพิกเซลก็ถือว่าโอเค มี Face beauty โหมดหน้าเนียนให้ใช้ตามมาตรฐาน Selfie ในยุคปัจจุบัน มาดูภาพตัวอย่างจากมือถือทั้งสองรุ่นกันครับ

Wiko U Feel

 

Wiko U Feel Lite

 

บทสรุป

Wiko U Feel และ U Feel Lite เป็นมือถือที่จัดว่าคุ้มค่ารุ่นหนึ่งของตลาดตอนนี้ ด้วยราคาเพียง 5,990 บาท และ 4,590 บาท แต่ได้งานออกแบบที่ถือหรูหราเกินราคา (สำหรับ U Feel Lite) และสเปกเครื่องที่ค่อนข้างดีเกินหน้ามือถือในระดับราคาเดียวกัน (สำหรับ U Feel) โดยเฉพาะหน้าจอที่สวยงามและ RAM 3GB นั้นถือเป็นจุดเด่นของ U Feel เลย แต่ด้วยราคา 4000 กว่าบาทของ U Feel Lite แต่ได้ RAM 2GB ก็ถือว่าไม่น้อยเช่นกันครับ ส่วนคุณภาพของกล้องอาจจะไม่ได้ดีมากแต่ก็ถือว่าดีใช้ได้สำหรับมือถือราคาระดับนี้ เราพอจะสรุปได้ดังนี้

จุดเด่น

  • หน้าจอสวยงาม

  • RAM 3GB และ ROM 32GB (รุ่น U Feel)

  • งานออกแบบหรูเกินราคา (รุ่น U Feel Lite)

  • ประสิทธิภาพการใช้งานลื่นไหลดี

  • มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (แถมกดได้ด้วย) 

จุดที่ควรปรับปรุง

  • แบตเตอรี่น่าจะเพิ่มอีกสักนิด

  • GPS จับสัญญาณได้ไม่ดี หลุดง่าย

  • ระบบ Auto Brightness ค่อนข้างมืด

Wiko U Feel และ U Feel Lite มีวางจำหน่ายตามร้านมือถือชั้นนำทั่วไปแล้ววันนี้ในราคา 5,990 บาท และ 4,590 บาท ลองไปเล่นและใช้งานดูก่อนตัดสินใจซื้อกันได้เลย วันนี้ผมขอลาไปก่อน สวัสดีครับ