หลังจากที่มีภาพหลุดและข่าวลือออกมาซักพักกับ Xiaomi Mi Max สมาร์ทโฟน Phablet ไซส์ยักษ์จากแดนมังกร มาตอนนี้ทาง Xiaomi ก็ได้ออกมาเปิดตัวเจ้า Mi Max อย่างเป็นทางการแล้ว โดยมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่เบิ้ม 6.44 นิ้ว บอดี้โลหะ และกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล แถมยังปล่อยออกมาทีเดียว 3 รุ่น แบบเดียวกับ Mi 5 เลยทีเดียว

Mi Max ทั้ง 3 รุ่นนั้นมีความแตกต่างกันตรงที่ CPU, RAM และ ความจุของหน่วยความจำภายใน แต่ว่ามีขนาดและหน้าตาที่เหมือนกัน และใช้วัสดุเป็นโลหะเหมือนกันทั้งหมด เพื่อความสะดวกจะขอแบ่งรุ่นเป็น Standard, High และ Pro แบบเดียวกับ Mi 5 ละกันนะครับ

สเปคของ Xiaomi Mi Max

  • OS: Android 6.0 Marshmallow with MIUI 8
  • หน้าจอ: 6.44 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080p
  • CPU:
    • Standard: Snapdragon 650
    • High: Snapdragon 652
    • Pro: Snapdragon 652
  • RAM:
    • Standard: 3GB
    • High: 3GB
    • Pro: 4GB
  • หน่วยความจำภายใน:
    • Standard: 32GB
    • High: 64GB
    • Pro: 128GB
  • กล้องหลัง: 16 ล้านพิกเซล, PDAF
  • กล้องหน้า: 5 ล้านพิกเซล, เลนส์กว้าง 85 องศา
  • Fingerprint Sensor
  • รองรับ Dual-SIM Dual-Standby (SIM2 แชร์ช่องกับ MicroSD)
  • รองรับ Full NetCom 3.0 (รอคอนเฟิร์มว่าเป็น 2.0 หรือ 3.0) ยืนยันแล้วว่าเป็น 3.0
  • รองรับ VoLTE
  • แบตเตอรี่: 4,850 mAh
  • สัดส่วน: 173.1 x 88.3 x 7.5 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก: 203 กรัม
  • สี: ทอง / เงิน / เทา

ตัวสแกนลายนิ้วมือของ Mi Max นั้นถูกย้ายกลับไปด้านหลังเหมือนกับรุ่นอื่นๆ ก่อนหน้านี้ และก็มีหน้าตาคล้ายๆ กับ Xiaomi รุ่นเดิมๆ อีกด้วย แตก่างจาก Mi 5 ที่มีดีไซน์แตกต่างออกไปจากรุ่นอื่น ส่วนเลนส์กล้องหน้าก็มีความกว้างถึง 85 องศา ทำให้สามารถถ่าย Groupfie ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องเอื้อมมือออกมาไกลๆ ครับ

นอกจากนี้ Mi Max ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4,850 mAh ซึ่งสามารถรองรับการใช้งานได้อย่างเต็มวัน ถ้าใช้ไม่เยอะมากก็อาจจะอยู่ได้ถึงสองวันเลยก็ได้ โดยทาง Xiaomi เปิดตัว Mi Max มาด้วยกัน 3 สี ทอง เงิน และ เทา ครับ

สำหรับราคาของ Mi Max นั้นเริ่มต้นอยู่ที่ 1,499 หยวน (8,100 บาท) สำหรับรุ่น Standard และขยับขึ้นมาเป็น 1,699 หยวน (9,200 บาท) สำหรับรุ่น High ส่วนรุ่น Pro นั้นกระโดดขึ้นไปเป็น 1,999 หยวน (10,800 บาท) ครับ Xiaomi จะเริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศจีนในวันที่ 17 พ.ค. นี้ และมีการบอกว่าได้เตรียมไว้ในสต็อกแล้วเกินหนึ่งแสนเครื่องครับ ส่วนบ้านเราก็คงต้อง.. รอร้านหิ้วมาเช่นเคยครับ >.<

 

ที่มา: Gizmochina