Samsung Galaxy Note 10 และ Note 10+ กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 7 สิงหาคม 2019 นี้ ถ้าหากว่าย้อนรอยกลับไปตั้งแต่ที่ Galaxy Note รุ่นแรกเปิดตัวออกมาในปี 2011 จนถึง Note 10 ก็นับเป็นเวลาถึง 8 ปี เข้าไปแล้ว ส่วน Galaxy Note แต่ละรุ่นจะมีพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง.. เราก็จะมาไล่ให้ดูกันทุกรุ่นไปเลย

สำหรับภาพอินโฟกราฟฟิคที่แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของมือถือซีรีส์ Galaxy Note ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึง Note 10 นี้ เป็นภาพที่ GadgetDeck ได้ทำขึ้นมาให้ได้ดูกันง่ายๆ ว่า Galaxy Note แต่ละรุ่นจะมีฟีเจอร์อะไรใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมา และมีสเปคที่เปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้างในแต่ละปี

Galaxy Note

เริ่มจาก Galaxy Note รุ่นแรกที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2011 นับเป็นมือถือรุ่นแรกๆ ที่ปลุกกระแสมือถือจอใหญ่ยักษ์แบบ Phablet (มาจากคำว่า Phone + Tablet) ขึ้นมา โดย Galaxy Note รุ่นนี้มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 5.3 นิ้ว ซึ่งในยุคนั้นถือว่าใหญ่มากๆ แล้ว เนื่องจากแทบเล็ตในสมัยนั้นก็มีขนาดอยู่ที่ราวๆ 7 – 8 นิ้ว เท่านั้น และแน่นอนว่าฟีเจอร์สุดเทพที่สร้างความแตกต่างจากมือถือเรือธงรุ่นอื่นๆ ก็คือปากกา S Pen ที่มีความแม่นยำสูงกว่าปากกา Stylus ทั่วไป เนื่องจากหัวปากกามีขนาดเล็กพอกับปากกาจริง แถมยังรองรับแรงกดได้หลายระดับอีกด้วย ทำให้ในปี 2011 มือถือ Galaxy Note กลายเป็นมือถือจอยักษ์ที่ประสบความสำเร็จสุดๆ รุ่นนึงเลย จากที่ก่อนหน้านั้นมีมือถือจอยักษ์บางรุ่นเปิดตัวออกมาก่อนบ้างแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จเลย

 

Galaxy Note 2

ปี 2012 Samsung สานต่อความสำเร็จด้วย Galaxy Note 2 ที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นจาก 5.3 นิ้ว ขยับมาเป็น 5.5 นิ้ว พร้อมกับปากกา S Pen ที่ได้รับอัพเกรดขึ้นมาด้วย อย่างเช่นฟีเจอร์ Air View ที่แค่จ่อปลายปากกาไปบนหน้าจอก็จะมีเคอเซอร์ขึ้นมาให้รู้ว่าปลายปากกาจะจิ้มลงไปที่ตรงไหน และยังจ่อไปที่ภาพใน Gallery เพื่อเปิดภาพ Preview หรือจ่อไปที่ Timeline ของวิดีโอเพื่อดูภาพ Preview ของวิดีโอช่วงนั้นก็ได้

Galaxy Note 3

Galaxy Note 3 ก็ตามมาในปี 2013 ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกเป็น 5.7 นิ้ว และเป็น Note รุ่นแรกที่ได้รับการอัพเกรดให้หน้าจอมีความละเอียดเป็นระดับ FHD, S Pen ที่ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น, พอร์ท USB 3.0, กล้องหลังที่กระโดดจาก 8MP มาเป็น 13MP และยังมีการออกแบบที่แปลกใหม่ดูพรีเมี่ยมขึ้น (ในสมัยนั้น) ด้วยฝาหลังที่หุ้มด้วยหนังเทียม

 

Galaxy Note 3 Neo

รุ่นนี้ไม่มีอยู่ในอินโฟกราฟฟิค แต่ Note 3 Neo เป็นมือถือซีรีส์ Note รุ่นประหยัดที่เปิดตัวในช่วงต้นปี 2014 สำหรับผู้ที่ต้องการใช้มือถือที่มีปากกา S Pen ด้วย แต่ไม่ได้ต้องการประสิทธิภาพที่แรงเหมือนรุ่น Note 3 ปกติ ก็เลยมีการลดสเปคบางอย่างลง เพื่อที่จะได้ขายได้ในราคาที่ถูกกว่ารุ่นธรรมดา แต่ฟีเจอร์ S Pen ยังสามารถใช้ได้ครบๆ เหมือนเดิม

 

Galaxy Note 4

เปิดตัวในปี 2014 คราวนี้มาพร้อมกับหน้าจอขนาดเดิมที่ 5.7 นิ้ว แต่อัพเกรดความละเอียดขึ้นมาเป็นระดับ QHD (2560 x 1440), ระบบชาร์จไว, ระบบสแกนนิ้วเพื่อปลดล็อคเครื่อง และยังเป็นรุ่นแรกที่ใส่เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจและ Oximeter สำหรับวัดปริมาณอ๊อกซิเจนในเลือดมาให้สำหรับผู้รักสุขภาพ และเป็นฟีเจอร์ที่มีอยู่ในมือถือ Galaxy เรือธงรุ่นต่อๆ มา ส่วนตัวเครื่องเปลี่ยนมาใช้วัสดุแบบอลูมิเนียมเพิ่มความพรีเมี่ยมและความทนทาน

 

Galaxy Note Edge

ถึงแม้ว่าจะไม่มีอยู่ในอินโฟกราฟฟิค แต่รุ่นนี้เปิดตัวออกมาพร้อมกับ Note 4 ให้เป็นตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ต้องการความล้ำด้วยการใช้หน้าจอแบบโค้ง (ด้านขวาด้านเดียว) ที่กลายมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมือถือ Galaxy ระดับเรือธงรุ่นต่อๆ มา

Galaxy Note 5

เปิดตัวปี 2015 ด้วยตัวเครื่องที่เปลี่ยนมาใช้วัสดุเป็นกระจกรอบตัว ทำให้ดูหรูหราพรีเมี่ยมกว่า, ยังคงมีหน้าจอ QHD ขนาด 5.7 นิ้ว เท่าเดิม ส่วนปากกา S Pen ได้เพิ่มฟีเจอร์ Scrren off Memo เข้ามาให้สามารถขีดเขียนบนหน้าจอได้ แม้ปิดหน้าจออยู่ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์และยังคงมีอยู่ใน Galaxy Note รุ่นต่อๆ มา แต่สำหรับรุ่นนี้ได้รับเสียงบ่นจากแฟนๆ พอสมควรในเรื่องช่อง MicroSD Card ที่ถูกตัดออกไป

 

Galaxy Note 7

เปิดตัวในปี 2016 และกลายเป็นมือถือที่โด่งดังสุดๆ (ในด้านลบ) จากเหตุการณ์แบตเตอรี่ระเบิด หรือไฟลุกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ในมือถือ Galaxy Note 7 หลายเครื่องทั่วโลก จนทาง Samsung ต้องเรียกคืนมือถือทุกเครื่องจากเหล่าลูกค้าที่ได้รับไปแล้ว รวมถึงยกเลิกการวางจำหน่ายไป

แต่ถ้าพูดถึงสเปคและฟีเจอร์ต่างๆ ของ Galaxy Note 7 ก็เรียกได้ว่ามันเป็นมือถือที่น่าใช้รุ่นนึงเลย ทั้งดีไซน์ตัวเครื่องที่ใช้หน้าจอโค้งแบบโค้งทั้ง 2 ข้าง, มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68, หน้าจอที่รองรับการแสดงผลแบบ HDR10, กล้องหลังระบบ Dual Pixel PDAF ที่ถ่ายภาพออกมาได้สวยงาม แถมยังล้ำสุดๆ ด้วยเซ็นเซอร์สแกนม่านตาสำหรับปลดล็อคเครื่องหรือใช้คู่กับ Samsung Pay ในการจ่ายเงินได้ด้วย

 

Galaxy Note FE

Galaxy Note Fan Edition

เป็นรุ่นที่วางจำหน่ายหลังจากที่ Samsung เรียกคืน Note 7 และพบว่าสาเหตุมาจากแบตเตอรี่เกิดการลัดวงจร ก็เลยเอาเครื่อง Note 7 บางส่วนที่เรียกคืนมาเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ที่มีขนาดเล็กลง และนำมาวางขายใหม่ในชื่อ Galaxy Note FE (Fan Edition) แทน

Galaxy Note 8

เปิดตัวในปี 2017 ด้วยหน้าจอที่ใหญ่กว่าเดิมจาก 5.7 นิ้ว กลายเป็น 6.3 นิ้ว แต่ด้วยการใช้หน้าจอแบบ Infinity Display ที่ลดขนาดของขอบจอบนและล่างบนไป ทำให้ตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่จากรุ่นที่แล้วมากนัก, มีการเปลี่ยนดีไซน์ขนานใหญ่ทำให้ดูแตกต่างไปจาก Galaxy Note รุ่นก่อนๆ ส่วน S Pen ก็มีฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาอย่างเช่น Live Message สำหรับขีดเขียนเส้นดุ๊กดิ๊กลงในข้อความได้ หรือการใช้ปากกาเลือกบริเวณที่ต้องการบันทึกหน้าจอ, ฟีเจอร์ DeX ต่อสายเข้าจอเพื่อใช้งานเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ นอกจากนี้ Note 8 ยังเป็นรุ่นแรกของซีรีส์ที่มากับกล้องหลังคู่อีกด้วย

 

Galaxy Note 9

 

เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วกับการอัพเกรด S Pen ครั้งใหญ่ ด้วยการเชื่อมต่อกับตัวมือถือผ่านบลูทูธ เพื่อลูกเล่นที่มากขึ้น ไม่ว่าจะใช้ปากกาในการกดชัตเตอร์ระยะไกล, เปลี่ยนเพลง, บังคับการเล่นวิดีโอ ฯลฯ ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นก็ทั้งลำโพงสเตอรีโอ, แบตเตอรี่ที่อึดกว่าเดิม และยังเป็น Galaxy Note ที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ที่สุดถึง 6.4 นิ้ว (ยังไม่นับ Note 10)

Galaxy Note 10 / Note 10+

ถึงแม้ว่าจะยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่มือถือทั้ง 2 รุ่นนี้ ก็ได้มีสเปคหลุดออกมาจนเกือบจะครบอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกล้องหลัง 3 ตัว และเซ็นเซอร์ ToF (เฉพาะรุ่น Note 10+), หน้าจอ Infinity-O ขอบบางเฉียบ เพราะใช้การเจาะรูบนหน้าจอสำหรับวางกล้องเซลฟี่, เซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือบนหน้าจอ, ระบบชาร์จไวถึง 25W แต่ที่น่าเสียดายก็คือ Galaxy Note 10 ทั้ง 2 รุ่น จะเป็นมือถือเรือธงซีรีส์แรกที่ถูกตัดรูหูฟัง 3.5 มม. ออกไป ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ จะล้ำกว่าเดิมแค่ไหน ต้องมารอติดตามกันในวันเปิดตัวอีกทีนึง

และทั้งหมดนั่นก็คือมือถือ Galaxy Note ทุกรุ่นที่ได้เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2011 จนถึง Galaxy Note 10 / Note 10+ ที่กำลังจะเปิดตัวในอีกไม่กี่วันนี้ เอาไว้เรามารอลุ้นไปพร้อมๆ กันในวันที่ 7 สิงหาคม 2019 นี้ครับ ว่ามือถือรุ่นนี้จะมีฟีเจอร์อะไรที่มันว้าวสุดๆ จนชวนให้เสียเงินเสียทองกันได้รึเปล่า

 

ที่มา : Sammobile