สวัสดีเพื่อนสมาชิก Droidsans ทุกท่าน หลังจากคราวที่แล้วได้ผมได้ แกะกล่องลองสัมผัส i-mobile IQ II ให้เพื่อนๆสมาชิกได้ดูกันไปแล้ว มาวันนี้ก็ได้เวลาที่เราจะมาดูรีวิวการใช้งานเจ้ามือถือ Android One เครื่องนี้กันแล้วล่ะครับ โดย i-mobile IQ II ถือเป็นมือถือในโครงการ Android One ของ Google รุ่นแรกและยังคงเป็นรุ่นเดียวในประเทศไทย ซึ่งแค่มี Google พะยี่ห้อรับรองมาขนาดนี้คงพอจะรับประกันเรื่องคุณภาพได้เลย i-mobile IQ II มีจำหน่ายแล้วในราคา 4,444 บาท มี 2 สีให้เลือกคือ น้ำตาลดำ และ ขาวมุก ว่าแล้วก็เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

 

รู้จักกับโครงการ Android One

Android One เป็นโครงการของ Google ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายนปี 2014 ที่ผ่านมา โดยจุดประสงค์ของโครงการคือ การทำสมาร์ทโฟน Android ราคาประหยัดแต่ยังคงให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานในแบบที่ Google ต้องการ ซึ่งมือถือ Android One ทุกตัวจะใช้ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันล่าสุด พร้อมทั้งเป็น Pure Android ที่ไม่ผ่านการปรับแต่งใดๆจากผู้ผลิตเลย ดังนั้น Google จึงสามารถอัพเดตซอฟต์แวร์ใหม่ๆให้กับมือถือแบบนี้ได้โดยตรงไม่ต้องผ่านผู้ผลิตเหมือนกับมือถือยี่ห้ออื่น หากจะเปรียบเทียบง่ายๆ มันก็คือ มือถือ Nexus ที่สเปกไม่สูงและราคาถูกกว่า แต่รับได้อัพเดตซอฟต์แวร์จาก Google โดยตรงเหมือนกัน ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่งบน้อยแต่อยากใช้สมาร์ทโฟนและไม่ชอบโดนลอยแพเหมือนมือถือยี่ห้ออื่น

Android-One-Thailand.jpg

 

 แกะกล่อง i-mobile IQ II

เนื้อหาตรงนี้ผมขอยกมาจากบทความที่แล้ว เพื่อให้เนื้อหาของรีวิวมีความสมบูรณ์ สำหรับคนที่เคยอ่านมาแล้วสามารถข้ามไปได้ หรือใครอยากจะทวนความจำก็มาอ่านกันอีกรอบครับ

 

ด้านหน้ากล่อง i-mobile IQ II พร้อมให้เราแกะกันแล้วล่ะ

 

ด้านหลังของกล่อง จะมีข้อมูลสเปกอยู่และ logo ของ Qualcomm Snapdragon ตัวใหญ่ๆ พร้อมทั้ง logo ของ Android One ชัดเจน สโลแกนด้านล่างของ Android One เขียนไว้ว่า

“Always the latest from Google” หรือ “ใหม่ล่าสุดและใหม่ตลอดเวลาจาก Google จ้า”

 

แกะกล่องออกมาเรียบร้อย เห็น i-mobile IQ II นอนรอให้เปิดบริสุทธิ์ เอ้ย เปิดเครื่องมาดู เราก็มาเปิดกันเถอะ

 

เปิดออกมาแล้วเอาอุปกรณ์ที่แถมมากองรวมกัน นั่งนับดูได้ 6 อย่างคือ

  • สาย USB และ Adaptor 5V1A

  • หูฟัง smalltalk

  • คู่มือการใช้งานภาษาไทย ที่ละเอียดมาก

  • ใบรับประกัน

  • เคสซิลิโคนใส

  • ฟิล์มกันรอย

 

สเปกของ i-mobile IQ II

สเปกของ i-mobile IQ II นั้นไม่สูงมาก จัดอยู่ในประเภทมือถือระดับ low-end เพราะต้องการทำราคาให้ถูก แต่ก็ยังคงให้ประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานได้ รายละเอียดเป็นดังนี้

  • หน้าจอ: IPS ขนาด 5 นิ้ว แบบ ONCELL ความละเอียด HD 720p รองรับมัลติทัช 5 จุด

  • ขนาดตัวเครื่อง: 140.5 x 69.75 x 9.3 mm

  • น้ำหนัก: 134 กรัม

  • CPU: Qualcomm Snapdragon 410 (MSM8916) Quad-core 1.2 GHz

  • GPU: Adreno 306

  • RAM: 1GB

  • ROM: 16GB เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 32GB

  • เครือข่าย: รองรับใช้งานได้ 2 SIM แบบ MicroSIM

    • 4G: 1800/2100 (Dtac/True)

    • 3G: 850/2100 (AIS/Dtac/True/3GX)

    • 2G: 900/1800 (AIS/Dtac/True)

  • กล้องหลัง

    • ความละเอียด 8MP (3264×2448 px) พร้อม BSI, Autofocus และแฟลช

    • รองรับการถ่ายวีดีโอความละเอียดสูงสุด 1080p

  • กล้องหน้า

    • ความละเอียด 2MP (1280×960 px), Fixed Focus

    • รองรับการถ่ายวีดีโอความละเอียดสูงสุด 1280×960 px

  • แบตเตอรี่: ลิเธียมไอออน 2500 mAh

  • OS: Android 5.1.1 แบบ 32-bit (Pure Android)

  • การเชื่อมต่อ: Bluetooth, WiFi, USB, GPS

  • เซ็นเซอร์: Accelerometer, Light, Proximity

  • NFC: ไม่มี

  • OTG: ไม่มี

จุดเด่นของสเปกมือถือรุ่นนี้คือ เลือกใช้ Qualcomm Snapdragon 410 ซึ่งเป็น CPU แบรนด์ยอดนิยม ไม่ใช่ไก่กามาจากที่ไหน รับรองได้ถึงความสเถียรและการเข้ากันได้กับ App ส่วนใหญ่ในตลาด และ Snapdragon 410 นั้นเป็น generation ใหม่ของ CPU สำหรับมือถือ low-end ในปีนี้เลย นอกจากนั้นในเรื่องเครือข่ายยังรองรับ 4G/3G/2G ครบทุกค่ายในประเทศไทย ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกลัวว่าจะใช้ค่ายนู้นค่ายนี้ไม่ได้อีก ส่วนหน้าจอแบบ IPS ONCELL นั้นถือว่าให้ภาพสวยและสว่าง มุมมองยังไม่กว้างมากนัก แต่ก็ถือว่าดีเลยสำหรับมือถือราคานี้

imobile-iqii-spec01.jpg 

แต่สิ่งที่น่าเสียดายในเรื่องสเปกคือ RAM ที่ให้มาเพียง 1GB ซึ่งถือว่าน้อยไปซะแล้วสำหรับการใช้งาน Android ในยุคปี 2015 เพราะ App นั้นกิน RAM จุขึ้นทุกวัน ไม่นับเรื่องเกมส์เอาแค่ App ทั่วไปที่ใช้กันอย่าง Facebook, Line, Chrome, Instagram, Youtube หรือ Twitter ก็บริโภค RAM กันเป็นว่าเล่นแล้วล่ะครับ

 

ทรวดทรงองค์เอวของ i-mobile IQ II

ด้านหน้าตัวเครื่องของ IQ II ไม่มีปุ่มใดๆ เพราะใช้ปุ่มแบบซอฟท์แวร์ตามสไตล์ของ Google เค้าล่ะ ส่วนบนจะมีลำโพงสนทนาอยู่ตรงกลาง และถัดไปด้านขวาเป็นกล้องหน้า

 

ด้านขวานี่ก็มาตามมาตรฐานของ Google Android เด๊ะๆ คือ ปุ่มปรับเสียงอยู่ส่วนบนและปุ่ม Power จะอยู่เยิ้องลงมาให้ตรงกับตำแหน่งของนิ้วหัวแม่มือพอดี

 

ด้านซ้ายของตัวเครื่องโล่งไม่มีอะไร แต่โชว์งานออกแบบนิดๆเป็นเส้นโครเมียม 2 เส้นรอบตัวเครื่อง

 

ด้านล่างมีช่องเสียบ microUSB อยู่ตรงกลาง ส่วนฝั่งซ้ายดูเหมือนช่องลำโพงแต่ไม่ใช่ เป็นช่องไมโครโฟนสำหรับสนทนา ส่วนฝั่งขวาถึงจะเป็นลำโพงจริงๆ ซึ่งต้องบอกว่าดังพอควร

 

ด้านบนของตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟัง 3.5mm ส่วนรูเล็กๆนั้นคือ ไมค์ตัดเสียงรบกวน นั่นเองครับ

 

พลิกมาด้านหลังจะเห็นกล้องหลักชัดเจน มีวงแหวนสะท้อนแสงดูสวยขึ้นมาอีกนิด ข้างล่างกล้องเป็นแฟลชสำหรับถ่ายในที่มืด

 

ส่วนล่างของด้านหลังจะมี logo ของ Android One อยู่ ความขลังของเครื่องนี้มันอยู่ตรงนี้นี่แหละ

 

ฝาหลังของ i-mobile IQ II นั้นแกะได้ง่ายๆไม่ต้องออกแรงงัดอะไร โดยเมื่อแกะออกมาจะเห็นแบตเตอรี่ขนาด 2500 mAh และช่องใส่ MicroSIM ได้ 2 อัน อีกช่องเอาไว้สำหรับ microSD card ซึ่งการใส่หรือเปลี่ยน card พวกนี้จะทำแบบ hotswap ไม่ได้ ต้องปิดเครื่องและถอดแบตก่อนทำเสมอ

 

โดยรวมแล้ว i-mobile IQ II เป็นมือถือที่ออกแบบในสไตล์เรียบๆ ไม่หวือหวา แต่ดูดี งานประกอบแน่นปั้ก รอยต่อไม่มีให้เห็นสักเท่าไหร่ เวลาจับถือในมือจะรู้สึกได้ว่า เข้ามือพอดีและไม่ก๊องแก๊ง สมกับที่ผู้บริหาร i-mobile บอกในงานเปิดตัวว่า มือถือรุ่นนี้ Google ตรวจสอบและให้การรับรองอย่างเป็นทางการ หรือ Certified by Google นั่นเอง

imobile-iqii-design01.jpg

 

Pure Android 5.1.1 

แน่นอนว่าสมาร์ทโฟนในโครงการ Android One ก็ต้องทำงานบน Android เวอร์ชันล่าสุดอย่างไม่ต้องสงสัย i-mobile IQ II จึงมาพร้อมกับ Android 5.1.1 Lollipop อมยิ้มตัวล่าสุดที่ได้รับการปรับรสชาติให้เหมาะสมแล้ว ผมหมายถึงได้รับการแก้ไขปัญหาต่างๆจากเวอร์ชันก่อนเรียบร้อยแล้วนั่นเอง และนี่เป็น Android แบบที่ไม่มีการปรับแต่งใดๆทั้งสิ้น เรียกว่า Stock Android หรือ Vanilla Android หรือ Pure Android แล้วแต่คนชอบนะครับ

imobile-iqii-software01.jpg

หน้า Homescreen ของ Stock Android ทุกรุ่นจะใช้ Google Now Launcher ที่หลายคนคงคุ้นเคยเป็นอย่างดี โดยหน้าซ้ายสุดจะถูกจองไว้ให้ Google Now ที่คอยแสดงข้อมูลที่เราสนใจหรือเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นทีมกีฬาที่เราชอบ, หุ้นที่เราสนใจ, ระยะทางจากบ้านไปที่ทำงาน, นัดหมายประจำวัน และอื่นๆ

 

Google Core Apps

เนื่องจากเป็น Stock Android ดังนั้น App พื้นฐานทุกตัวในเครื่องจะเป็นของ Google ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Phone, Messenger, Chrome, Camera, Calendar, Gmail, Photos และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งที่ใช้และไม่ได้ใช้ แต่นี่ก็เป็นความตั้งใจของ Google ในการทำ Android One เช่นกัน “ให้คนเข้าถึงบริการของ Google ได้มากที่สุด”

imobile-iqii-software04.jpg

 

Adaptive Brightness (ความสว่างอัตโนมัติ)

ชื่อนี้หลายคนอาจจะไม่คุ้นเพราะแต่เดิมมันคือ Auto Brightness หรือ การปรับความสว่างแบบอัตโนมัติ ของหน้าจอมือถือนั่นเอง แต่ Google เปลี่ยนชื่อของมันใหม่เป็น Adaptive Brightness ทำให้หลายคนถึงกับหาไม่เจอกันเลยว่า ปรับความสว่างอัตโนมัติหายไปไหน? โดยเราสามารเข้าไปเปิด Adaptive Brightness ได้ที่ Settings แล้วเลือก Display ครับ

imobile-iqii-software05.jpg

 

App notifications

อยู่ใน Settings -> Sound & notification เป็นส่วนที่เอาไว้จัดการการแจ้งเตือนจาก App ต่างๆภายในเครื่อง โดยเราสามารถเลือกชื่อ App แล้วปรับค่าการแจ้งเตือนได้ดังนี้

  • Block คือ ไม่อนุญาตให้มีการแจ้งเตือนใดๆจาก App นั้นเลย

  • Priority คือ อนุญาตให้มีการแจ้งเตือนจาก App นี้ได้ถึงแม้ว่าจะมือถืออยู่ในโหมดห้ามรบกวน (Priority interruptions) ก็ตาม

  • Sensitive คือ ตอนที่มือถือกำลังล็อคหน้าจออยู่ จะไม่อนุญาตให้มีแจ้งเตือนของ App นี้ไปแสดงบนหน้าจอล็อคเลย

imobile-iqii-software06.jpg

 

Priority Interruptions (โหมดเสียง, สั่น และเงียบ ที่หายไป)

ไหนๆก็พูดถึงการแจ้งเตือนแล้ว ขอพูดถึงระบบ Priority Interruptions สักนิด ซึ่งเป็นระบบที่ถูกกล่าวสรรเสริญ (สาบส่ง) เป็นอย่างมากจากนักพัฒนาและผู้ใช้เอง เพราะ Google ทำเรื่องง่ายที่ดีอยู่แล้วให้มันยากขึ้น โดยจับเอาโหมดเสียงที่เราเอาไว้ปรับมือถือให้มีเสียง(sound), สั่นอย่างเดียว(vibrate) หรือเงียบเสียงไปเลย (silent) มารวมเข้ากับโหมดห้ามรบกวน (Do not disturb) และความงงก็บังเกิดเมื่อเรากดปุ่มปรับเสียง

imobile-iqii-software07.jpg

ตอนที่เรากดปุ่มปรับเสียงจะมีหน้าจอเล็กๆสีดำ ห้อยลงมาจากด้านบนแบบในรูปครับ ซึ่งเราสามารถเลือกปรับได้ 3 แบบคือ

  • None : โหมดเงียบแบบไม่มีข้อยกเว้น คือจะไม่มีเสียงและการสั่นจากการแจ้งเตือนใดๆทั้งสิ้นรวมถึงสายเรียกเข้าด้วย สามารถตั้งเวลาได้ว่าจะให้อยู่ในโหมดนี้นานแค่ไหน เช่น 15 นาที, 1 ชั่วโมง หรือ 8 ชั่วโมง เป็นต้น หรือจะอยู่ยาวแบบไม่ตั้งเวลา (Indefinitely) ก็ได้

  • Priority : โหมดเงียบแบบมีข้อยกเว้น คือสามารถเลือกการแจ้งเตือนบางอย่างให้ยังเตือนได้เหมือนเดิม เช่น สายเรียกเข้า หรือ SMS จากเบอร์สำคัญ เป็นต้น โหมดนี้สามารถตั้งเวลาได้เหมือนกับ None

  • All : โหมดปกติ อนุญาตให้มีการแจ้งเตือนได้ทุกอย่าง

นอกจาก 3 โหมดที่บอกมา บางคนอาจจะถามว่าแล้ว โหมดสั่นอย่างเดียว(Vibrate only) หายไปไหน? โหมดนี้ยังคงมีอยู่แต่จะไม่มีปุ่มมาให้เปิดปิดได้เหมือนเดิมครับ ต้องใช้การกดปุ่มลดเสียงค้างไว้จนสุดถึงจะกลายเป็นสั่นอย่างเดียว ถ้าใครใช้วิธีนี้อยู่แล้วก็ไม่ต้องปรับอะไร แต่ถ้าคนเคยใช้ปุ่มเปิดปิดมาก่อนก็ต้องปรับตัวนิดหน่อยครับ

 

Restart หรือ Soft Reset หายไปไหน?

imobile-iqii-software08.jpg

[update] ปรับเนื้อหานิดหน่อยจากที่เพื่อนสมาชิกแจ้งมา ขออภัยสำหรับความเข้าใจผิดครับ

สิ่งหนึ่งที่หายไปใน Android 5.1.1 Lollipop Stock Android คือเมนูสำหรับการ Restart หรือ Soft Reset เครื่อง ซึ่งปกติใน Android ของผู้ผลิตเจ้าอื่น เวลาเรากดปุ่ม Power ค้างไว้จะมีเมนูโผล่ขึ้นมาให้เรา Power off หรือ Restart เครื่องได้ แต่ใน Stock เหลือเพียงปุ่ม Power off เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แล้วเราจะ Restart ได้ยังไงล่ะ? ทำได้ครับ เราสามารถ Restart เครื่องได้ด้วยการกดปุ่ม Power ค้างไว้ประมาณ 15 วินาทีจนหน้าจอดับแล้วเห็นหน้าจอ logo ของผู้ผลิตกลับขึ้นมาใหม่ ก็ปล่อยปุ่มได้เลย

 

Recents ไม่มีปุ่ม Close all (ปิดทั้งหมด) อีกต่อไปแล้ว

imobile-iqii-software09.jpg

[update] ปรับเนื้อหานิดหน่อยจากที่เพื่อนสมาชิกแจ้งมา ขออภัยสำหรับความเข้าใจผิดครับ

อีกสิ่งหนึ่งที่คนที่เพิ่งจะเคยใช้ Stock Android ที่เป็น Lollipop ต้องปรับตัวคือ การปิด App ทั้งหมด หรือ การ Clear RAM ที่หลายคนรู้จักจะไม่สะดวกอย่างเคย เพราะปุ่ม Close all หรือ ปิดทั้งหมด จะไม่มีให้กดหน้า Recents แล้ว เหตุผลที่ Google เอาออกไปเพราะอยากให้ระบบมีการใช้งาน RAM ได้เต็มที่ ถ้าเปิด App ไหนแล้ว RAM ไม่พอ ระบบจะเป็นคนจัดการเลือกปิด App ให้เอง และการปิด App ทั้งหมดในทีเดียวนั้น เป็นการสิ้นเปลืองพลังงาน CPU และอาจส่งผลกับแบตเตอรี่ด้วย Google จึงอนุญาตให้เลือกปิด App ได้ทีละอันและควรเป็น App ที่ต้องการปิดจริงๆเท่านั้น

ผมลองลง App จำพวก Task Killer เช่น Clean Master ก็ไม่ช่วยอะไร ทำไม่ได้เหมือนกัน เพราะ Google ห้ามจริงจัง ไม่ให้ทำนะครับ

 

IQ II Bonus

imobile-iqii-software02.jpg

App หนึ่งเดียวในเครื่องที่ไม่ใช่ของ Google แต่เป็นของ i-mobile เอง โดย IQ II Bonus เป็น App รวมสิทธิพิเศษสำหรับคนที่ใช้มือถือรุ่นนี้ พร้อมทั้งให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับมือถือ,ศูนย์บริการและการรับประกันไปในตัว

imobile-iqii-software03.jpg

ในส่วนของ “สิทธิพิเศษ” นั้นจะของแจกฟรีและส่วนลดต่างๆ เช่น แจกโดนัทฟรี และส่วนลดบัตรสวนน้ำ ถ้าคนที่ใช้มือถือ Samsung มาก่อน ตรงนี้ก็เหมือนกับ Galaxy Gift นั่นเอง แต่ว่ายังมีของแจกฟรีน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นส่วนลดร้านอาหารและโรงแรมซะมากกว่า

สำหรับส่วน “service” จะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์บริการ, เช็คสถานะงานซ่อม, ลง AntiVirus, ข้อมูลการประกัน และข้อมูลการติดต่อ i-mobile และส่วนสุดท้ายจะเป็นข้อมูลสเปกของมือถือ i-mobile ทุกรุ่นเลยครับ

 

ประสิทธิภาพและความอึดของแบตเตอรี่

อย่างที่บอกไปในส่วนของสเปก i-mobile IQ II ใช้หน่วยประมวลผลเป็น Qualcomm Snapdragon 410 รุ่นใหม่เป็น CPU 64-bit (แต่ OS เป็น 32-bit) แบบ Quad-core ความเร็ว 1.2GHz ถือว่าไม่ขี้เหร่เลยสำหรับมือถือราคา 4,000 กว่าบาท ซึ่งจากการวัดผลด้วยโปรแกรม benchmark อย่าง Antutu และ Geekbench ก็ได้ผลดังนี้

imobile-iqii-performance01.jpg

คะแนนที่ได้ออกมาก็ไม่พลิกโผอะไร ถือว่าดีสมราคา และจากการใช้งานพบว่าลื่นไหลใช้งานได้สนุก เรียกว่าเป็นเพราะตัว Android ถูกปรับจูนให้เข้ากับตัว Hardware ให้ทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี แต่อาการสะดุดจะเกิดขึ้นเมื่อมีการเปิดใช้งาน App เยอะๆ เพราะมือถือรุ่นนี้มี RAM เพียง 1GB เมื่อมาสู้กับ App ยุคปัจจุบันอย่าง Facebook, Line, Chrome หรือ Youtube ก็เกิดอาการเอ๋อไปเหมือนกัน โดยเฉพาะ Chrome นั้นกิน RAM พอสมควร เรียกว่าเปิด Chrome ทีไรเครื่องกระตุกตอนนั้นเลยล่ะ น่าเสียดายถ้าได้ RAM มาสัก 2GB มือถือรุ่นนี้จะเป็นรุ่นในฝันสำหรับคนงบน้อยเลยทีเดียว

 

imobile-iqii-performance02.jpg

สำหรับ ROM ที่ให้มา 16GB ก็ถือว่าใช้งานได้เพียงพอสำหรับการเล่น App ทั่วไป ลงเกมส์ได้ และยีงสามารถเสียบ microSD เพิ่มได้อีกสำหรับคนใช้งานเยอะ ตรงนี้คงไม่ขออะไรมากกว่านี้สำหรับมือถือราคา 4000 กว่าบาท

 

imobile-iqii-performance03.jpg

จากรูปกราฟการใช้งานแบตเตอรี่ด้านบนพบจะสรุปได้ว่า i-mobile IQ II นั้นมีการจัดการพลังงานที่ดีพอให้เราสามารถใช้ได้เต็มวัน โดยในวันที่ไม่ได้ใช้งานมากผมยังมีแบตเหลือเกือบ 50% ตอนที่กลับถึงบ้าน สำหรับวันที่ใช้งานเรื่อยๆนั้นก็ยังถือว่าเพียงพอโดยกลับถึงบ้าน 4 ทุ่มแบตยังเหลืออยู่ 21% (มี restart เครื่อง 1 ครั้ง) การใช้งานจะเป็นการเล่นอินเตอร์เน็ต, เล่น social network และดู Youtube เป็นหลัก ส่วนเกมส์ไม่ค่อยได้เล่นมากนัก

 

กล้องถ่ายรูป

i-mobile IQ II มาพร้อมกับกลัองความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อม BSI sensor, ระบบ Autofocus และ Dual-LED flash คุณภาพของภาพถ่ายที่ได้นั้นถือว่า โอเคไม่มากไม่น้อยสำหรับมือถือราคานี้ ถ่ายกลางวันทั่วไป ภาพก็สวยดี ถ่ายกลางคืนก็ noise เยอะหน่อยแต่ไม่เสียหาย จะให้ไปตั้งความหวังเหมือนมือถือราคาสูงก็ใช่ที่นะครับ มาดูภาพตัวอย่างกัน

 

สำหรับกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซลก็ถือว่าไม่แย่จนเกินไปที่จะถ่าย Selfie สำหรับสาวๆ ภาพที่ได้ก็ถือว่า โอเค เพราะที่จริงละเอียดไปมันก็ไม่ดีหรอกจริงมั้ยครับ?

 

 

สำหรับวิดีโอนั้นถ่ายได้สูงสุดที่ความละเอียด FullHD 1080p คุณภาพที่ได้ก็ประมาณนี้

Play video

 

ทิ้งท้ายก่อนจาก

ในความเห็นของผม i-mobile IQ II นั้นเป็นมือถือที่มีคุณภาพคุ้มค่ากับราคา 4,444 บาท ทั้งในด้าน Hardware และ Software ดูง่ายๆ ลองมองหามือถือคู่แข่งในตลาดที่ได้รับการรับประกัน Hardware 2 ปีและการรับประกันอัพเดต Software โดยตรงจาก Google อีก 2 ปี ด้วยราคาเท่านี้ หาไม่มีหรอกครับ ถึงแม้ว่าสเปกบางอย่างอาจจะสู้คู่แข่งไม่ได้ แต่หากเรามองหามือถือราคาถูกใช้งานระยะยาว i-mobile IQ II คือตัวเลือกที่ไม่ต้องตัดสินใจยากเลยครับ แต่ถ้ามือถือรุ่นนี้มากับ RAM 2GB ผมคงบอกว่า “ซื้อได้เลยโดยไม่ต้องคิด” ขอจบรีวิวด้วยประการฉะนี้ คราวหน้าพบกันใหม่ สวัสดีครับ

“i-mobile IQ II เพื่อชีวิตสมาร์ทเป็น 2 เท่า” 

  • ซอฟท์แวร์ล่าสุดจาก Google รับประกันอัพเดตนานถึง 2 ปี (นับจากเดือนสิงหาคม)
  • Android 5.1 Lollipop มาพร้อมประสิทธิภาพที่ดีขึ้น 2 เท่า
  • รับประกันตัวเครื่องโดยศูนย์บริการ i-mobile นานถึง 2 ปี
  • กดรับสิทธิพิเศษจากแอพ IQ II Bonus เพิ่มเป็น 2 เท่า
  • เล่นเน็ต 4G จากทรูมูฟ เอช ฟรีนาน 2 ปี เมื่อมียอดเติมเงินสะสมครบ 200 บาท ต่อเดือน

android-one-devices-th.jpg