สวัสดีเพื่อนๆสมาชิก Droidsans ทุกท่าน วันนี้อยากจะมาแนะนำสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จาก ZTE ให้เพื่อนๆได้รู้จักกันอีก 1 รุ่นนั่นคือ ZTE Blade A711 มือถืองานออกแบบระดับพรีเมียมพร้อมสเปกไม่ธรรมดา และยังมีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมืออีกต่างหาก ในราคาน่าตกใจเพียง 5,990 บาทเท่านั้น! เรียกได้ว่าเป็นมือถืออีกหนึ่งรุ่นที่คุ้มค่าที่สุดส่งท้ายปี 2015 เลยทีเดียว มาติดตามรายละเอียดของมือถือรุ่นนี้กันครับ


วงการสมาร์ทโฟนของประเทศไทยในปัจจุบันนั้นมีมือถือคุณภาพดีอยู่มากมาย ส่วนเรื่องราคาก็มีตั้งแต่ราคาถูกๆหลัก 5,000 บาทไปจนถึงมือถือราคาแพงระดับ 20,000 บาทขึ้นไป ส่วนใหญ่แล้วคุณภาพ, งานออกแบบ, วัสดุที่ใช้ และสเปกของแต่ละรุ่นก็จะแปรผันไปตามราคาที่เพิ่มขึ้นด้วย แต่สำหรับใครที่มองหามือถือสักรุ่นที่มีงานออกแบบระดับพรีเมียม สเปกเพียงพอต่อการใช้งาน ราคาย่อมเยาว์สวนทางกับคุณภาพที่ได้มา ZTE Blade A711 คือมือถือรุ่นหนึ่งที่ควรจะเป็นตัวเลือกสำหรับท่าน ด้วยราคาเพียง 5,990 บาท แต่อัดแน่นด้วยสเปกและฟีเจอร์ที่เกินราคาไปพอสมควร เรามาดูสเปกของมือถือรุ่นนี้กันดีกว่า

เกร็ดเล็กน้อย: ZTE Blade A711 เป็นมือถือที่มีหลายชื่อมาก เท่าที่ค้นในอินเตอร์เน็ตได้มีอีก 3 ชื่อคือ ZTE V5 Pro, ZTE V3 และ ZTE Blade X9 ทั้งหมดคือมือถือตัวเดียวกัน ต่างกันแค่เรื่องเครือข่ายที่รองรับครับ

 

สเปกของ ZTE Blade A711

zte-blade-a711-spec.jpg

ZTE Blade A711 เป็นมือถือสเปกระดับกลาง ด้วยหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วแบบ FullHD 1080p, หน่วยประมวลผล Snapdragon 615 และ RAM 2GB จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของมือถือรุ่นนี้คือมี “เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ” มาให้ด้วย นับว่าคุ้มค่ามากกับราคาเพียง 5,990 บาทเท่านั้น

  • ชื่อและรหัสเครื่อง: ZTE Blade A711 (ZTE N939Sc)

  • สัดส่วน: 155.3 x 77.2 x 8.55 มิลลิเมตร

  • น้ำหนัก: 160 กรัม

  • หน้าจอ: IPS LCD 5.5 นิ้ว ความละเอียด FullHD 1920 x 1080 พิกเซล

  • เครือข่ายที่รองรับ:

    • 4G : LTE band 1(2100), 3(1800), 7(2600), 38(2600), 39(1900), 40(2300), 41(2500)

    • 3G : WCDMA 850/900/1900/2100

    • 2G : GSM 900/1800/1900

  • SIM: 2 SIM แบบ Nano SIM

  • CPU: Qualcomm Snapdragon 615 MSM8939 1.5GHz octa-core

  • GPU: Adreno 405

  • RAM: 2GB

  • หน่วยความจำภายใน: 16GB ( รองรับ MicroSD ความจำสูงสุด 128GB )

  • กล้องหน้า: 5 ล้านพิกเซล f/2.2

  • กล้องหลัง: 13 ล้านพิกเซล f/2.2 BSI พร้อม LED flash และ Auto-focus

  • แบตเตอรี่: 3000mAh (ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้)

  • OS: Android 5.1.1 Lollipop พร้อม nubia UI 3.0.1

  • NFC: ไม่มี

  • OTG: มี

  • เซ็นเซอร์และการเชื่อมต่ออื่นๆ:

    • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ID

    • A-GPS, GLONASS, Digital compass

    • Wi-Fi 802.11 b/g/n 2.4GHz

    • Bluetooth 4.1 BLE, A2DP

    • USB 2.0

    • หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

 

งานออกแบบและวัสดุพรีเมียม

zte-blade-a711-design00.jpg

ความพิเศษอย่างหนึ่งของ ZTE Blade A711 คือเรื่องคุณภาพงานออกแบบและวัสดุที่ใช้ในมือถือรุ่นนี้ เพราะถึงแม้จะตั้งราคาไว้ถูกแต่งานออกแบบนั้นจัดว่าเป็น “ระดับพรีเมียม” เลยทีเดียว ด้วยวัสดุแบบอลูมิเนียมอัลลอยที่ผ่านขั้นตอนการขึ้นรูปและพ่นสเปรย์เคลือบเนื้อโลหะให้ผิวสัมผัสที่รู้สึกดีอย่างมาก รวมไปถึงงานออกแบบ Unibody ที่ทำจากโลหะชิ้นเดียว ดูยังไงก็ไม่น่าใช่มือถือราคา 5-6 พันบาทแน่นอน แต่มันก็เป็นไปแล้ว

zte-blade-a711-design01.jpg

zte-blade-a711-design02.jpg

 

พูดถึงงานออกแบบพอสมควรแล้ว เรามาดูรอบตัวเครื่องของ A711 กันว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ

 

ด้านล่างของตัวเครื่อง ประกอบด้วยพอร์ต microUSB ด้านขวาสุดและรูไมค์สำหรับสนทนาอยู่ถัดมาทางซ้าย

zte-blade-a711-design03.jpg

 

ด้านขวาของตัวเครื่อง จะมีปุ่มปรับเสียงอยู่ด้านบนและถัดลงมาเป็นปุ่ม Power ถือว่าจัดเรียงได้ตามมาตรฐานมือถือ android

zte-blade-a711-design06.jpg

 

ด้านบนของตัวเครื่อง จะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และรูไมค์ตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน

zte-blade-a711-design05.jpg

 

ด้านซ้ายของตัวเครื่อง จะมีช่องถาดซิมอยู่ โดยต้องใช้เข็มเจาะเอาถาดซิมออกมา

zte-blade-a711-design04.jpg

 

เมื่อเจาะเอาถาดซิมออกมาก็จะเป็นดังรูป

zte-blade-a711-design13.jpg

 

สำหรับถาดซิมนั้นเป็นแบบ Hybrid 2 ซิมคือ ใช้งานแบบ 2 ซิมแบบ nano-SIM พร้อมกัน หรือ ใช้งานแบบ 1 ซิมส่วนอีกช่องใส่ microSD card แทน

zte-blade-a711-design14.jpg

 

ด้านหลังของตัวเครื่อง เป็นโลหะทั้งชิ้นสะท้อนแสงสวยงาม โดยส่วนบนจะมีโมดูลกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซลนูนออกมาจากตัวเครื่องเล็กน้อย ถัดลงเป็นไฟ LED flash และที่เห็นเป็นร่องกลมๆนั่นคือ เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ หรือ Fingerprint ID นั่นเอง

zte-blade-a711-design12.jpg

 

ส่วนล่างของด้านหลังจะมีโลโก้ของ ZTE อยู่และช่องลำโพงที่ต้องบอกว่าให้เสียงที่ดีและดังพอสมควร

zte-blade-a711-design11.jpg

 

ด้านหน้าของตัวเครื่อง จะมีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วอยู่ โดยมีลูกเล่นนิดๆตรงที่แถบสีดำจะไปสุดด้านข้างทั้งสองด้าน ทำให้ดูเหมือนว่าไม่มีขอบหน้าจอด้านข้าง แต่จริงๆแล้วหน้าจอก็ยังมีขอบอยู่เหมือนเดิม

zte-blade-a711-design07.jpg

 

ส่วนบนของหน้าจอประกอบด้วยลำโพงสำหรับสนทนาอยู่ตรงกลาง ด้านซ้ายเป็นช่อง Proximity sensor ส่วนด้านขวาเป็นกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

zte-blade-a711-design08.jpg

 

ส่วนล่างของหน้าจอจะมีปุ่มแบบสัมผัส (capacitive) อยู่ 3 ปุ่ม โดยวงกลมตรงกลางคือปุ่ม Home ปุ่มซ้ายเป็นปุ่มเมนู และปุ่มขวาเป็นปุ่ม Back ตรงสมารถเลือกสลับปุ่มเมนูกับปุ่ม Back ได้ใน settings

zte-blade-a711-design09.jpg

 

นอกจากนั้นปุ่ม Home ยังถูกใช้เป็นไฟแจ้งเตือนหรือ Notification LED ด้วยครับ (แต่ ZTE จะเรียกว่า Breathing Light น่าจะมาจากลักษณะการกระพริบไฟที่เหมือนจังหวะการหายใจนั่นเอง)

zte-blade-a711-design15.jpg

 

ดูแล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ นี่คืองานออกแบบของมือถือราคา 5,990 บาทนะ ใช้โลหะ Unibody ทั้งตัวไม่ใช่พลาสติกเคลือบสีเงิน metallic เหมือนหลายๆยี่ห้อในช่วงราคาเดียวกัน แถมยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออีกต่างหาก เรียกว่าแค่ hardware ของรุ่นนี้ก็เกินราคาไปเยอะแล้ว งั้นเราไปดูเรื่องของ software กันต่อดีกว่า

 

Android 5.1.1 และ Nubia UI

zte_v5_5_1.jpg

ZTE Blade A711 นั้นมาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Android 5.1.1 ที่มีการปรับแต่งเพิ่มเติมจาก ZTE เองเรียกว่า Nubia UI ซึ่งในมือถือรุ่นนี้มาพร้อมกับ Nubia UI 3.0.1 ที่มีการปรับแต่งหน้าตาของ Android ไปพอสมควรพร้อมทั้งเพิ่มฟีเจอร์เข้ามามากมาย เรามาดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้างครับ

 

Homescreen

สำหรับหน้า Homescreen ของ Nubia UI นั้นจะไม่มี App Drawer ซึ่งเป็นหน้ารวมแอพตามมาตรฐานของ Android แต่แอพทุกแอพรวมไปถึง widget จะถูกวางเรียงอยู่บนหน้า Homescreen ทั้งหมด โดยเราสามารถแตะค้างที่หน้าจอ เพื่อเปลี่ยน Wallpaper หรือเพิ่ม widget ได้

zte-blade-a711-software01.jpg

 

Lockscreen

หน้าจอล็อคหรือ Lockscreen นั้นจะเรียบง่ายไม่มีอะไรพิเศษ โดยการปัดขึ้นจะเป็นการเข้าสู่ Homescreen ถ้าปัดไปทางซ้ายจะเป็นการเปิดหน้ากดเบอร์โทรศัพท์ขึ้น และการปัดไปทางขวาจะเป็นการเปิดกล้องเพื่อถ่ายรูป นอกจากนั้นถ้ามีการตั้งการล็อคแบบพิเศษไว้ เช่น การใส่รหัสตัวเลข ก็จะมีการหน้ามาให้ใส่ตัวเลขด้วย ซึ่งถ้าใส่รหัสถูกจะมีการปลดล็อคทันทีโดยไม่ต้องกด enter เลย

zte-blade-a711-software02.jpg

 

Notification และ Toggles

ในหน้า Homescreen ถ้าเราเอานิ้วลากจากบนลงล่างจะเป็นการดึงแถบแจ้งเตือนหรือ Notification shade ลงมา ซึ่งจะเป๊นส่วนที่รวมการแจ้งเตือนต่างๆตามมาตรฐานของ android ทั่วไป ถ้าเอานิ้วลากลงมาอีก 1 สเต็ปจะเป็นการเป็นส่วนของสวิทช์เปิดปิดหรือ toggle แบบต่างๆ เช่น WiFi, Bluetooth หรือ Mobile data นอกจากนั้นยังสามารถปรับความสว่างของหน้าจอได้ด้วย

zte-blade-a711-software03.jpg

 

Recent

หน้าสำหรับสลับแอพหรือ Recent สามารถเข้าถึงได้โดยการกดปุ่ม Home ค้างไว้ โดยหน้านี้จะแสดงรายการของแอพที่มีการเปิดค้างไว้ในหน่วยความจำ เราสามารถปิดแอพได้ด้วยการเอานิ้วปัดขึ้นตรงแอพนั้น หรือถ้าปัดลงจะเป็นการ “ล็อคแอพ” ไว้ในหน่วยความจำไม่ให้ถูกปิดโดยอัตโนมัติ และสุดท้ายปุ่ม (X) ตรงกลางด้านล่างจะเป็นการปิดแอพทั้งหมดในหน่วยความจำในคราวเดียว

zte-blade-a711-software04.jpg

 

Gallery

สำหรับการดูรูปภายในเครื่องสามารถใช้แอพ Gallery ที่ให้มาได้ โดยสามารถเลือกจัดกลุ่มได้ตาม อัลบั้ม, สถานที่, เวลา, บุคคล หรือ tags นอกจากนั้นเรายังสามารถแก้ไขและปรับแต่งรูปภาพได้ด้วยเครื่องมือที่มีมาให้เลย จากรูปจะเห็นว่ามีโหมด Beautify มาให้ปรับหน้าขาว, ลบรอยสิว, ทำหน้าตอบ และทำ big eye ได้ด้วย

zte-blade-a711-software05.jpg

 

App notifications

ใน A711 จะมีระบบปรับแต่งการแจ้งเตือนของแอพต่างๆภายในเครื่องมาให้ด้วย โดยสามารถเปิดปิดการแจ้งเตือนที่ห้อยลงมาด้านบนของหน้าจอได้ (Drop Notification) นอกจากนั้นก็สามารถปรับรูปแบบการแจ้งเตือนของแต่ละแอพได้ เช่น จะให้แสดงที่หน้าจอ Lockscreen หรือไม่, จะให้แสดงบนแถบแจ้งเตือนมั้ย หรือจะให้มีไฟแจ้งเตือนด้วยหรือเปล่า

zte-blade-a711-software06.jpg

 

Fingerprint ID (ระบบสแกนลายนิ้วมือ)

จุดเด่นอย่างหนึ่งของมือถือรุ่นนี้คือ “ระบบสแกนลายนิ้วมือ” โดยตัวเซ็นเซอร์อยู่บริเวณด้านหลังของตัวเครื่อง ซึ่งการใช้งานเราต้องมาตั้งค่าในเมนู Finger Print ซะก่อน เริ่มแรกเราต้องเปิดให้ใช้ Finger Print เพื่อปลดล็อคเครื่องได้ซะก่อน จากนั้นสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ Finger Print เปิดหน้าจอและปลดล็อคเครื่อง ตอนที่หน้าจอปิดอยู่ได้หรือไม่ และสุดท้ายนอกจากเปิดหน้าจอและปลดล็อคเครื่องแล้ว เรายังสามารถให้เปิดแอพที่ต้องการได้เลยในทันที

zte-blade-a711-software07.jpg

สำหรับการลงทะเบียนลายนิ้วมือนั้นก็ทำเหมือนกับ Android รุ่นอื่นๆที่มีระบบสแกนลายนิ้วมือเหมือนกัน โดยให้เอานิ้วแตะไปที่เซ็นเซอร์หลายๆครั้งจนครบ 100% ตรงนี้แนะนำว่าอย่าแตะอยู่ที่มุมเดิมไปเรื่อยๆ ให้หมุนนิ้วไปในมุมต่างๆหลายๆแบบ เพื่อให้เครื่องรับรู้ลายนิ้วมือได้ง่ายขึ้น

zte-blade-a711-software08.jpg

ก็มีอยู่ประมาณนี้สำหรับฟีเจอร์เด่นๆของ Nubia UI บน ZTE Blade A711 ครับ ถัดไปเรามาดูเรื่องกล้องกันดีกว่า

 

กล้องถ่ายรูปพร้อมฟีเจอร์หลากหลาย

zte-blade-a711-camera00.jpg

ZTE Blade A711 มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ใช้เลนส์ 5 ชิ้น มีค่า aperture f/2.2 และยังมีเซ็นเซอร์ BSI มาช่วยตอนถ่ายในที่แสงน้อยด้วย สำหรับกล้องหน้ามีความละเอียด 5 ล้านพิกเซลใช้เลนส์กว้าง 88 องศา ค่า aperture f/2.2 เหมือนกล้องหลัง นอกจากเรื่อง hardware แล้วก็อัดฟีเจอร์มาให้การถ่ายรูปสนุกขึ้นอีกเยอะ ลองมาดูว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง

 

โหมด Pro

นอกจากโหมด Auto ที่เป็นโหมดมาตรฐานสำหรับถ่ายรูปแล้ว มือถือรุ่นนี้ยังมีโหมด Pro มาให้คนที่ชอบปรับแต่งค่าต่างๆในการถ่ายรูปเอง โดยในโหมดนี้เราจะสามารถปรับค่า Exposure, WB, ISO และ Focus ได้ตามรูปด้านล่าง

zte-blade-a711-camera01.jpg

 

Settings

สำหรับหน้าตั้งค่า Settings ของกล้องจะไม่เหมือนมือถือทั่วไป โดยจะเป็นการเอา setting ทั้งหมดมารวมในหน้าเดียวกัน ไม่มีการแยกหมวดหมู่ และทำเป็นสวิทช์เปิด-ปิดให้ใช้งาน ค่าที่ปรับได้ ตัวอย่างเช่น Fingerprint shutter, HDR, Touch Capture, Face detection และ Location tags เป็นต้น นอกจากนั้นยังสามารถเลือกความละเอียดของรูป (Picture size) และพื้นที่เก็บรูป (Storage location) ได้จากหน้านี้ด้วยเช่นกัน

zte-blade-a711-camera02.jpg

 

Nubia Camera Family

ในหน้าถ่ายรูปถ้าเราปัดนิ้วมาทางซ้าย จะมีโหมดพิเศษสำหรับการถ่ายรูปแบบต่างๆ ให้เลือกเพิ่มเติมได้อีก เช่น Time-lapse, Multi Exposure, Special Effects หรือ Panorama แต่โหมดที่อยากแนะนำคือ Light Painting ที่เอาไว้ถ่ายแสงไฟวาดเป็นเส้นๆ หรือ Star Track ที่เอาไว้ถ่ายดาวตก ซึ่งผมมีภาพตัวอย่างมาให้ดูด้วย

zte-blade-a711-camera03.jpg

 

ตัวอย่างภาพถ่าย

สภาพแสงปกติ

 

สภาพแสงน้อย

 

Light painting โดยจะมีทั้งภาพนิ่งและวิดีโอมาให้ดูด้วยเลย

Play video

 

อัลบั้มเต็ม

 

ภาพ Selfie กล้องหน้า

 

ตัวอย่างวิดีโอ

Play video

Full HD 1080p

 

Play video

HD 720p

 

Play video

Slowmotion

 

ประสิทธิภาพคุ้มและแบตเตอรี่อึด

สำหรับประสิทธิภาพของ ZTE Blade A711 ที่ใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 615 และ RAM 2GB จากการวัดด้วยแอพ benchmark ถือว่าทำคะแนนได้ตามมาตรฐานมือถือ Mid-range ไม่มากไม่น้อยเกินไป ซึ่งผมเลือกใช้แอพทดสอบ 3 ตัวที่ใช้ประจำและพอจะใช้อ้างอิงได้คือ Antutu Benchmark, Geekbench 3 และ 3DMark (เลือก Ice Storm Extreme 1080p) ผลการทดสอบได้คะแนนดังรูป

zte-blade-a711-performance01.jpg

Antutu Benchmark

 

zte-blade-a711-performance02.jpg

Geekbench 3

 

zte-blade-a711-performance03.jpg

3DMark : Ice Storm Extreme

 

สำหรับประสิทธิภาพจากการใช้งานจริงนั้นพบว่า มือถือรุ่นนี้ใช้งานโดยรวมได้ลื่นไหลดี แต่ยังมีบางจุดที่มีการกระตุกหน่วงในส่วนของภาพเคลื่อนไหวต่างๆ โดยเฉพาะหน้า Recent ที่เอาสลับไว้แอพและปิดแอพนั้นหน่วงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งด้วย hardware ที่ให้มาน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ข่าวดีคือน่าจะเป็นปัญหาเรื่อง software แต่ก็ไม่รู้ว่า ZTE จะออกอัพเดตตามมาแก้ไขอาการหน่วงในภายหลังหรือเปล่านะครับ

  Play video

สำหรับเรื่องความอึดของแบตเตอรี่ 3000mAh นั้นขอบอกว่า “หายห่วง” เพราะมือถือรุ่นนี้มีการจัดการพลังงานที่ดีเลย จากการทดสอบใช้งาน 2 วัน วันแรกมีการใช้งานทั่วไป เน้นเล่น Social และอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก ตั้งแต่ 10.00 – 01.25 น. พบว่าแบตยังเหลือถึง 42% ในขณะที่วันที่ 2 จะมีการใช้งานที่หนักกว่า โดยมีการออกไปถ่ายรูปและเปิดฟีเจอร์ WiFi hotspot ไปด้วย ด้วยช่วงเวลาแบบเดียวกันก็พบว่ายังมีแบตเหลือใช้ถึง 36% หากเทียบเป็นจำนวนชั่วโมงใช้งานก็ประมาณ 15-16 ชั่วโมง ใช้งานตั้งแต่เช้าถึงดึกได้สบายๆเลยครับ

zte-blade-a711-performance04.jpg

 

จากผลการทดสอบทั้งเรื่องประสิทธิภาพและแบตเตอรี่นั้น ZTE Blade A711 ถือว่า “สอบผ่านสบายๆ” ยิ่งเทียบกับราคาจำหน่ายแล้วต้องบอกว่า คุ้มจริงๆ

 

บทสรุป

ZTE Blade A711 เป็นมือถือที่เน้นความคุ้มค่าอย่างแท้จริง ทั้งในเรื่องงานออกแบบและวัสดุที่ใช้ที่พรีเมียมเทียบชั้นกับมือถือราคาหลักหมื่นได้สบายๆ ประกอบกับสเปกในระดับมือถือ Mid-range ใช้ Snapdragon 615 และ RAM 2GB แถมยังมีระบบสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ID มาให้อีก ว่ากันแค่เรื่อง hardware อย่างเดียวมือถือรุ่นนี้น่าจะมีราคาไปถึงหลักหมื่นบาทได้เลย แต่กลับขายเพียง 5,990 บาทเท่านั้น จะคุ้มไปไหน

zte-blade-a711-summary01.jpg

ในส่วนของ software ที่เป็น Android 5.1.1 Lollipop ครอบทับด้วย Nubia UI ก็ถือว่าใช้งานง่าย เข้าใจไม่ยาก คุณภาพของภาพถ่ายถือว่าดีเกินราคา แถมยังมีฟีเจอร์มาให้การถ่ายรูปสนุกขึ้นไปอีก สำหรับประสิทธิภาพก็ถือว่าโดยรวมทำได้ดี แต่ก็มีปัญหากระตุกหน่วงในหลายจุด ซึ่งไม่รู้ว่า ZTE จะออกอัพเดตมาแก้ไขในภายหลังหรือเปล่า ส่วนความอึดของแบตเตอรี่ถือว่า “น่าพอใจ” สามารถเล่นได้ตั้งแต่เช้าถึงดึกสบายๆ

zte-blade-a711-summary02.jpg

สำหรับการวางจำหน่าย ZTE Blade A711 จะวางจำหน่ายแบบ exclusive flash sale ผ่านทาง Lazada ในราคาโปรโมชัน 5,990 บาท โดยตอนนี้มีจำหน่ายสีเดียวคือ “สีเงิน Silver” แบบเครื่องรีวิวนี่แหละ สำหรับคนที่สนใจสามารถกดเข้าไปที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย ส่วนผมวันนี้ขอลาไปก่อนสวัสดีครับ

ปล. วันที่ 10-12 ธันวาคม 2558 ทาง Lazada จะมีแคมเปญ online festival) ซึ่งเป็นวันที่จัดลดราคาพิเศษทั้งเว็บอีกครั้งแบบเดียวกับเมื่อเดือนพฤศจิกายน ยังไม่แน่ใจว่ามีโปรพิเศษตัวนี้เพิ่มเติมรึเปล่านะครับ ต้องรอดูนะ

zte-blade-a711-summary03.jpg

 
**แจ้งให้ทราบ* ลิงก์ที่กดไปยัง Lazada ไม่ใช่การทำ Affiliate (คุณซื้อเราได้ตังค์) แต่เป็นตัวเก็บข้อมูลทั่วไปเท่านั้น เพื่อนๆ จะกดซื้อหรือไม่ เราไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรครับ ใครสงสัยลองเอาไปเทียบกับลิงก์ affiliate ทั่วไปได้ครับ