สวัสดีชาว Droidsans ทุกคน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้เป็นตัวแทน Droidsans ไปร่วมงาน Gemini Academy for Media and Creators ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง Google และ Samsung โดยในงานนี้มีไฮไลต์ที่การแนะนำ Tips ดีๆ จากคุณทอย กษิดิศ จาก DataRockie ในการใช้ Gemini ระดับโปร Prompt ให้ได้คำตอบที่ตรงใจและถูกต้องแบบที่เราคิด ยกระดับ Gemini ให้เป็นผู้ช่วยคนเก่งเรานั่นเอง!

ซึ่งถือเป็นการเปิดโลกมากๆ สำหรับผม เพราะผมแทบไม่ค่อยได้ใช้ Gemini เท่าไหร่ พอรู้ว่ามันทำอะไรบ้าง ทำเอาผมก็ติดงอมแงมเลย (เวอร์ไป๊) ผมเลยอยากแบ่งปันเนื้อหาจากงานนี้ให้ทุกคนฟังกันโดยผมสรุปเป็น 10 วิธี ที่น่าสนใจของการใช้ Gemini ที่จะช่วยให้คุณใช้งานได้เทพยิ่งขึ้น จะมีอะไรบ้าง ไปชมกันเลย

1. เทคนิคการ Prompt ที่ดี รู้จักกับ Zero Shot, One shot และ Few Shot

Zero Shot

สำหรับมือใหม่หลายๆ คน ที่มักไม่ค่อยพอใจกับคำตอบของ Gemini ส่วนนึงมักจะมาจากการใส่คำสั่ง (Prompt) ที่ไม่ชัดเจน ไม่มีคำอธิบายประกอบ ซึ่งเราเรียกการ Prompt เหล่านั้นว่า “Zero shot” การ Prompt แบบนี้ไม่เหมาะกับการใส่ในตอนเริ่มต้น เพราะ AI ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรจากเรา ผลลัพธ์จึงมาจากความรู้ ความเข้าใจเดิมอยู่แล้ว เช่น

ตัวอย่างการ Prompt แบบ Zero Shot (ไม่ควรใช้ในการเริ่มต้นคำสั่ง)

One Shot

แต่ถ้าเราอยากให้ Gemini เข้าใจมากขึ้น และนึกรูปแบบที่เราต้องการออกเราแค่ยกตัวอย่างประกอบเพิ่มเติมไปอย่างน้อย 1 แบบ เรียกว่า “One Shot” เพื่อที่ AI จะได้เข้าใจและสร้างผลลัพธ์ในทิศทางที่เราต้องการ ดังนี้

ตัวอย่างการ Prompt แบบ One Shot

Few Shot

แต่หากเรายิ่งเพิ่มตัวอย่างให้มากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ได้ผลลัพธ์การประมวลผลที่ดีขึ้นและตรงโจทย์ที่ต้องการ เรียกว่า Few Shot คือการใส่ตัวอย่าง 2 แบบขึ้นไป เช่นนี้

ตัวอย่างการ Prompt แบบ Few Shot

สรุป

แม้จะบอกว่า Few Shot จะเป็นตัวอย่างการ Prompt ที่ดีที่สุด แต่แบบอื่นก็มีการใช้งานที่ต่างกันตามความเหมาะสม สรุปง่ายๆ คือ Zero-shot เหมาะกับงานทั่วไปที่ AI รู้ดีอยู่แล้ว ส่วน One-shot จะให้ตัวอย่าง 1 ชุด เพื่อชี้นำรูปแบบหรือสไตล์ที่ต้องการ สุดท้าย Few-shot คือการให้หลายตัวอย่าง ทำให้ AI เข้าใจแพทเทิร์นซับซ้อนและให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำสูงนั่นเอง

2. กรอบแนวคิด [RTF] ช่วยให้ Prompt มีประสิทธิภาพ

การ Prompt ดีที่นอกจากการอธิบาย หรือแนบตัวอย่างให้เห็นแล้ว ยังมีส่วนอื่นๆ อีก ผมจึงอยากให้ทุกคนรู้จักกับ Prompt Frameworks ที่จะช่วยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่าง RTF กรอบแนวคิดที่ง่ายที่สุดในการ Prompt  ประกอบไปด้วย

RTF – Role, Task, Format 

เผื่อใครไม่เห็นภาพเดี๋ยวเรามาลองดูตัวอย่างกัน

ตัวอย่างการ Prompt แบบทั่วไป

โดยปกติเราคงจะ Prompt กันง่ายๆ แบบด้านบน แต่การใส่ RTF จะช่วยให้ AI เข้าใจและรับรู้ถึงจุดประสงค์ไปจนถึงรับรู้ผลลัพธ์ที่ต้องการชัดเจนขึ้น แทนที่เราจะบอกคำสั่งเพียงอย่างเดียว ให้ใส่บทบาทเพิ่มไปด้วยดังนี้

ตัวอย่างการ Prompt แบบการใช้โครงสร้าง RTF

จะเห็นนะครับว่าแค่ 3 องค์ประกอบนี้ ก็ช่วยยกระดับ Prompt ของเราให้มีความชัดเจนมากขึ้น และช่วยให้เจนผลลัพธ์ออกมาได้ดีเช่นกัน เรียกได้ว่าถูกใจกว่าเดิมแน่นอน

วันนี้เราโฟกัสที่ RTF เป็นหลักก่อน แต่จริงๆ แล้วยังมี Frameworks อื่น ๆ ที่ใช้สร้าง Prompt ได้ดีไม่แพ้กัน อย่าง

  • PICO – Persona, Instruction, Context, Output
  • RODES –  Role, Objective, Detail, Example, Sense Check
  • RACE – Role, Action, Context, Expectation
  • CARE – Context, Actio, Result, Example

ซึ่งเอาไว้มีโอกาสเรามาลงลึกเรื่องนี้กันอีกที 😅

3. Prompt ไม่เป็น ก็ให้ Gemini ช่วยเขียนสิ

สองข้อที่แล้วเราบอกถึงการเขียน Prompt ที่ดีมีประสิทธิภาพไปแล้ว แต่ถ้าใครยังรู้สึกว่านึกไม่ค่อยออกว่าจะเขียนแบบไหน เราก็สามารถให้ Gemini เขียน Prompt ให้เราได้ด้วย (สะดวกสุดๆ!) วิธีการก็ง่ายๆ แค่เราใส่ผลลัพธ์ที่ต้องการและบอกว่าช่วยเขียน Prompt ให้หน่อย เช่น

“ช่วยเขียน 3 Prompt  ที่จะช่วยสรุปประเด็นสำคัญของข่าวเกี่ยวกับ Gemini ง่ายๆ ในรูปแบบข่าวสั้นๆ ลง Facebook ให้มีคนสนใจและดึงดูดสูง

ตัวอย่างการ Prompt ให้ Gemini สร้าง Prompt อัตโนมัติ

4. รู้จักแต่ละโมเดลของ Gemini เลือกใช้ให้ถูก

ในเวลาที่เราเข้าไปใช้งาน Gemini บางทีหลายคนอาจไม่รู้ว่ามันมีโมเดลให้เลือกใช้ด้วย ซึ่งแต่ละอันก็ออกแบบมาให้ใช้งานต่างกัน (หรือต้องเรียกว่าเก่งคนละด้าน) อย่างล่าสุดในงาน Google I/O 2025 ก็มีการเปิดตัว Gemini 2.5 ซึ่งก็จะมี 2 โมเดล นั่นคือ Flash และ Pro

ภาพตัวเลือกโมเดลของ Gemini
  • Gemini Flash – ถูกออกแบบมาเพื่อการตอบสนองที่รวดเร็วทันใจ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการประมวลข้อมูลปริมาณมากในเวลาอันสั้น
  • Gemini Pro – ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับงานที่ซับซ้อน ต้องการการให้เหตุผลที่ลึกซึ้ง การทำความเข้าใจคำสั่งที่ละเอียดอ่อน เช่น การให้เหตุผล การคำนวณคณิตศาสตร์ การเขียนโค้ด

ดังนั้น การเลือกโมเดลที่ถูกต้อง เหมาะกับการใช้งานก็จะช่วยให้เราทำงานได้ดีและเร็วยิ่งขึ้น

5. App Extension ทำงานร่วมกันหลายแอป

สิ่งที่ Gemini ต่างจาก AI ตัวอื่นๆ คือการทำงานร่วมกับบริการต่างๆ ของ Google ที่สามารถสั่งให้ทำงานข้ามแอปไปมาได้อย่างสะดวก ซึ่งคุณต้องไปเปิดการตั้งค่าเพื่อให้อนุญาตการเข้าถึงก่อน

หากคุณต้องการใช้งานข้ามไปยังแอปไหนแค่ใส่ @ตามด้วยชื่อของแอปนั้นๆ  แล้วใส่คำสั่งลงไป เช่น

“ค้นหาคลิปรีวิวที่ช่อง Droidsans @Youtube

ตัวอย่างการใช้งาน App Extension

ร่วมไปถึงการสั่งให้ทำงานข้ามหลายๆ แอป ร่วมกัน เช่น

“ค้นหาเที่ยวบินไปเชียงใหม่ช่วงสัปดาห์หน้าบน @Google Flights และสรุปข้อมูลเป็นตารางลง @Google เอกสาร

ตัวอย่างการใช้งาน App Extension 2 แอปใน Prompt

และหากคุณเป็นผู้ใช้มือถือ Samsung ก็จะมีตัวเลือกการทำงาน App Extension มากขึ้น เพราะจะมีแอปเพิ่มตามจาก Samsung อย่าง Note, Reminder เป็นต้น

ตัวอย่างแสดง App Extension บน Samsung Galaxy

6. Role Play สวมบทให้ Gemini เป็นใครก็ได้

ในบางครั้งคุณอาจจะอยากให้ AI ได้คิด หรือเสนอมุมมองในฉบับของผู้ที่เชี่ยวชาญด้านที่คุณสนใจ หรือแม้แต่การคิดในมุมมองของบุคคลต่างๆ ก็ทำได้ ซึ่งนี่ก็จะช่วยให้คุณสร้างสรรค์ผลงานเจ๋งๆ ได้อีกเพียบ เช่น 

ผมอยากให้คุณเป็น Christopher Nolan ที่จะมากำกับคลิปรีวิว Samsung Galaxy S25 Ultra บนช่อง Droidsans”

ตัวอย่างการ Prompt ให้ Gemini Role Play เป็น “Christopher Nolan”

7. สร้างสรรค์ไม่หลุดกรอบ แค่บอก Temperature [0-1]

ปัญหาที่ทุกคนอาจเจอเวลาให้ AI คิดอะไรที่สร้างสรรค์มากๆ ซึ่งก็อาจจะเจ๋ง แต่ทำได้จริงยากเกินไป วิธีที่จะกำกับกรอบความคิดสร้างสรรค์ให้ยังคงอยู่บนหลักความเป็นจริง คือการใส่ Temperature โดยเราจะระบุค่าที่ 0 ถึง 1 (ยิ่งใกล้ 0 คือยิ่งไม่สร้างสรรค์) เช่น

8. ทำรายงานง่ายๆ ด้วย โหมด Deep Research (ค้นหาแบบเจาะลึก)

Deep Research คือ การที่ AI สามารถทำการวิจัยและให้เหตุผล เชิงลึกจากข้อมูลจำนวนมหาศาลบนอินเทอร์เน็ต หรือข้อมูลที่คุณใส่เข้าไป เพื่อตอบคำถามที่ซับซ้อน ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดเวลามหาศาลจากการค้นข้อมูลเอง ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ผมอยากรู้ว่าแกงโสฬส คืออะไร ผมก็แค่ กดเลือก “Deep Research” และใส่คำสั่งว่า “ผมอยากรู้ประวัติและวิธีทำแกงโสฬส”

ตัวอย่างการใช้งาน Deep Research | แม้จะเขียนหรือสะกดผิด Gemini ก็เข้าใจ

โดยเมื่อใช้โหมดนี้ ก็จะมีระยะเวลาการประมวลที่นานกว่าปกติ ระหว่างรอเราก็สามารถออกไปเล่น หรือใช้แอปอื่นก่อนได้ เมื่อเสร็จแล้วก็จะขึ้นแจ้งเตือนให้เราเอง เมื่อเข้าไปก็จะขึ้นเป็นรายงานให้เราดู และมีอ้างอิงเว็บที่ใช้ประกอบให้ด้วย

ตังอย่างการอ้างอิงในโหมด Deep Research

9. Create a Podcast สรุปและเล่าเนื้อหายาวๆ ให้ฟัง

ตัวอย่างการใช้คำสั่ง Create a Podcast

และเมื่อข้อมูลที่ได้มามันช่างยาวซะเหลือเกิน เราก็สามารถให้ Gemini อ่านสรุปออกมาในรูปแบบของ Podcast ได้ด้วย กดตรงปุ่มสร้าง และกดภาพรวมของเสียง มันก็จะเจนเอาเนื้อหาทั้งหมดสรุปออกมาเป็นสคริปต์เล่าให้เราฟัง ที่สำคัญคือเจนมาได้เหมือนคนจริงพูดเลย ทั้งน้ำเสียง การเล่นระดับเสียง (จะติดแค่สำเนียงนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ) ลองฟังกันได้เลย

ตัวอย่างรูปแบบการใช้ Create a Podcast

10.รู้จักกับ “Gem” AI ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง ที่คุณสร้างได้ด้วยตัวเอง

สำหรับใครใช้ Gemini ทำงานบ่อยๆ โดยเฉพาะงานประเภทเดิมๆ ก็อาจจะเบื่อที่ต้องมานั่ง Prompt ซ้ำๆ Google เองก็เข้าใจจุดนี้ดี จึงออกฟีเจอร์ที่ชื่อ Gem ที่เราสามารถ Prompt ไว้ได้เลยว่าอยากให้ Gemini เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไหน เพื่อที่เราจะเข้ามาถามได้ตลอด โดยไม่ต้องมา Prompt ใหม่

ซึ่งการสร้าง Gem ง่ายๆ ดังนี้

  • คลิกที่ “Create Gem” หรือ “+ New Gem”
  • ตั้งชื่อ Gem ของคุณ (Give your Gem a name):
    เขียนคำแนะนำสำหรับ Gem (Add instructions for your Gem):
    ส่วนนี้จะเป็นการระบุ Prompt ที่อยากให้เป็น ว่าอยากให้เป็นใคร มีบทบาทยังไง ทำงานอะไร เป้าหมายเป็นอะไร ง่ายๆ ก็คือ หลัก RTF (ตามเนื้อหาข้างต้น) หรือจะเพิ่มไฟล์ให้ศึกษาเพิ่มก็ใส่ได้ด้านล่าง
  • ด้านขวาจะเป็นพรีวิวให้เราทดลองใช้ Gem 
  • หากถูกใจแล้วก็บันทึก Gem (Save Gem)

เท่านี้เราก็จะมี Gem AI ส่วนตัว พร้อมคุยกับเราทุกเมื่อ

ตัวอย่างการสร้าง Gem

สรุปส่งท้าย 😁

และนี่คือ 10 Tips เจ๋งๆ ที่ผมได้มาจากงาน Gemini Academy for Media and Creators โดยคุณทอย กษิดิศ จาก DataRockie ซึ่งใครชอบเรื่อง AI มันส์ๆ ไปจนถึงเนื้อหาความรู้ที่เข้าใจง่าย ก็ไปติดตามกันได้นะครับ ไว้โอกาสหน้า ถ้ามี Tips มีความรู้เจ๋งๆ ผมก็จะมาแชร์อีกนะครับ ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนถึงตรงนี้ ฝากอีกนิดเดียว~

ตอนนี้ Youtube : Droidsans ใกล้ถึง 1,000,000 ซับแล้ว ขอทุกคนสละเวลาสักนิดกดซับให้พวกเราที ใครกดซับแล้วก็กดแชร์แทนได้ครับ เราจะได้เข้าถึงผู้คนมากขึ้น 🥰