เมื่อสัปดาห์ที่แล้ววันที่ 19 ก.ค. 2024 ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทาง CrowdStrike ระบบรักษาความปลอดภัยด้านคอมพิวเตอร์ ได้มีการปล่อยอัปเดตจนเกิด Error และทำให้ Windows 10 และ 11 เกิดอาการจอฟ้าพร้อมกันทั่วโลก ส่งผลให้คอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ตัวนี้ใช้งานไม่ได้เป็นวงกว้าง เช่น ระบบธนาคารล่ม ระบบสายการบินมีปัญหาจนไม่สามารถเปิดเช็กอินผู้โดยสารได้ และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย

แต่สายการบิน Southwest Airlines ซึ่งเป็นสายการบินที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ในสหรัฐอเมริกา กลับไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้เท่าไหร่ เพราะมีรายงานว่าระบบคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ของบริษัทใช้ Windows 3.1 ที่เป็นระบบปฏิบัติการเมื่อ 32 ปีที่แล้วอยู่

เนื่องจาก Windows 3.1 เปิดตัวมานานมากแล้ว เลยไม่มีอัปเดตอะไรเลยในช่วงที่ผ่านมา เลยทำให้ Windows เวอร์ชันนี้ ไม่ได้รับผลกระทบจาก CrowdStrike ที่ออกแบบมาเพื่อระบบปฏิบัติรุ่นใหม่นั่นเอง ต่างกับสายการบินอื่นที่ใช้ Windows เวอร์ชันล่าสุด
นอกจากนี้ในรายงานยังระบุอีกว่า Windows ที่ใหม่ที่สุดของสายการบิน Southwest Airlines คือ Windows 95 ที่ไว้สำหรับเป็นระบบการจัดตารางเวลาพนักงานอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม Southwest Airlines จะรอดจากเหตุการณ์ CrowdStrike ก็ตาม แต่ก็ยังโดนพนักงานร้องเรียนว่าใช้ระบบปฏิบัติการภายในที่เก่าเกินไป ไม่ยอมอัปเกรดระบบสักที และชัดเจนว่าเหตุใดบางบริษัทถึงไม่ค่อยอัปเดตอุปกรณ์และซอฟต์แวร์กัน
เพราะถ้ามันยังใช้งานได้ ก็อย่าไปยุ่งกับมันดูจะดีที่สุดนั่นเอง แต่ก็แลกมากับความเสี่ยงรูปแบบอื่นแทน เช่น ช่องโหว่ที่ไม่ถูกปิดสักที ไม่ได้รับการดูแลจากผู้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
Comment