AMD ประเทศไทยได้จัดงานใหญ่ในชื่อ “Unleashing Performance Advance AI” เพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์โลกธุรกิจและอุตสาหกรรม AI อย่างเต็มรูปแบบ โดยไฮไลต์สำคัญของงานคือการเปิดตัวซีพียูและการ์ดประมวลผลที่ล้ำสมัย ได้แก่ Ryzen AI Pro 300 Series, AMD EPYC Gen 5 9005 Series (โค้ดเนม Turin) และ การ์ด AMD Instinct MI325X

ซีพียู Ryzen AI Pro 300 Series

สำหรับสินค้ากลุ่มแรกจะเป็นชิปประมวลผลที่อยู่ในโน้ตบุ๊กฝั่งธุรกิจองค์กร (Commercial) ที่มุ่งเน้นการประมวลผล AI ในอุปกรณ์พกพาและเดสก์ท็อป ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในระดับองค์กร ที่ต้องการความปลอดภัย ความเร็ว และการประหยัดพลังงานในเวลาเดียวกัน ด้วยฟีเจอร์ AI Accelerator ในตัว ช่วยเพิ่มความสามารถด้านการประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ โดยได้เปิดตัวทั้งหมด 3 รุ่น ดังนี้

  • Ryzen AI 9 HX Pro 375
    • 12 Core / 24 Thread
    • ความเร็ว 5.1 GHz
    • แคช 36 MB
    • NPU ความเร็ว 55 TOPS
    • iGPU Radeon 890M
  • Ryzen AI 9 HX Pro 370
    • 12 Core / 24 Thread
    • ความเร็ว 5.1 GHz
    • แคช 36 MB
    • NPU ความเร็ว 50 TOPS
    • iGPU Radeon 890M
  • Ryzen AI 7 Pro 360
    • 8 Core / 16 Thread
    • ความเร็ว 5.0 GHz
    • แคช 24 MB
    • NPU ความเร็ว 50 TOPS
    • iGPU Radeon 880M

ซีพียูทั้งสามรุ่นที่ AMD เปิดตัวในงานนี้มาพร้อมกับสถาปัตยกรรม Zen 5 และ Zen 5c บนกระบวนการผลิตขนาด 4nm ซึ่งโดดเด่นด้วยประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึง 50% ในขณะที่มีการจัดการความร้อนและการใช้พลังงานที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ NPU (หน่วยประมวลผล AI) ที่ใช้สถาปัตยกรรม XDNA 2 ซึ่งมีพลังการประมวลผล AI มากกว่า XDNA รุ่นเดิมถึง 5 เท่า รองรับมาตรฐาน Copilot+ PC สำหรับด้าน AI โดยเฉพาะ

ในด้านกราฟิก AMD ได้เสริมพลังด้วย RDNA 3.5 ที่เพิ่มจำนวนคอร์ประมวลผลมากขึ้นถึง 33% ส่งผลให้สามารถประมวลผลกราฟิกได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด สำหรับแพลตฟอร์ม AMD PRO Security ยังมาพร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติม ให้ทำงานร่วมกับ Microsoft Security ได้ดีกว่าโน้ตบุ๊กทั่วไป เพื่อปกป้องข้อมูลในระดับองค์กรได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

พร้อมทั้งเคลมผลการทดสอบว่า Ryzen AI 9 HX Pro 375 มีประสิทธิภาพแรงกว่าคู่แข่งอย่าง Intel Core Ultra 7 165U (vPro) ถึง 53% และหากเปรียบเทียบกับ Ryzen AI 9 HX Pro 370 ก็ยังแรงกว่าถึง 31% สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อผู้ผลิตโน้ตบุ๊กชั้นนำในกลุ่มองค์กร เพื่อปรับแต่งสเปกให้ตรงตามความต้องการได้ทันที โดยซีพียูทั้งสามรุ่นพร้อมวางจำหน่ายในไทยแล้ววันนี้

ซีพียู EPYC Gen 5 9005 Series

ตัวต่อไปเป็นซีพียูระดับเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ขนาด 3nm และ 4nm และโค้ดเนม Turin ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ในระบบคลาวด์และ Data Center ด้วยการเพิ่มคอร์ประมวลผลสูงสุดถึง 192 คอร์ และการรองรับหน่วยความจำ DDR5 พร้อม PCIe 5.0 ทำให้สามารถรองรับงาน AI/ML และ Big Data ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ซีพียู AMD EPYC Gen 5 มาพร้อมความเร็วสูงสุดที่ 5 GHz และทรานซิสเตอร์มากถึง 150 ล้านตัว โดย AMD เคลมว่าประสิทธิภาพด้าน IPC (Instructions Per Clock) ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 17% พร้อมรองรับชุดคำสั่ง AVX512 ได้อย่างเต็มระบบ

รองรับหน่วยความจำ DDR5 ที่ความเร็วสูงสุด 6000 MT/s และรองรับความจุรวมได้สูงสุด 6 TB โดยแบ่งออกเป็น 12 Channel และสามารถติดตั้งแรมได้ Channel ละ 2 แผง ซึ่งเป็นการปรับปรุงจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง Gen 4 ที่รองรับแรมได้เพียง Channel ละ 1 แผง แม้ว่าการเพิ่มจำนวนแรมจะช่วยเพิ่มความจุได้มากขึ้น แต่ประสิทธิภาพของแต่ละ Channel อาจไม่สามารถทำงานได้เต็มที่เหมือนรุ่นเก่า ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการตั้งค่าของระบบ

ในส่วนของสถาปัตยกรรม Zen5 รุ่นใหม่ จะมีคอร์ประมวลผลได้สูงสุดที่ 8 คอร์ต่อ CCD ทำให้สามารถรวมคอร์ได้สูงสุดถึง 128 คอร์ ในขณะที่สถาปัตยกรรม Zen5c ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีขนาดเล็กลง จะเพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD ได้สูงถึง 12 คอร์ รวมเป็นคอร์สูงสุดที่ 192 คอร์ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลสำหรับงานที่ต้องการความหนาแน่นของคอร์สูง

ทำให้ภาพรวมของ EPYC Gen 5 มีจำนวนคอร์เพิ่มขึ้นจาก 32 คอร์ ในรุ่นแรก เป็น 192 คอร์ หรือเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า และมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นแรก โดยแรงขึ้นถึง 10.9 เท่า

ในแง่ของประสิทธิภาพ AMD ระบุว่า EPYC Gen 5 รุ่น 9575F แรงกว่าคู่แข่งอย่าง Intel Xeon Gen 5 8592+ ที่มี 64 คอร์ เท่ากัน เทียบกันแล้วแรงกว่าราว 1.6 เท่า โดยถ้าหากเปรียบเทียบกับรุ่นท็อปด้วยกันทั้งคู่อย่าง EPYC 9965 192 คอร์ ยังแรงกว่า Xeon 8592+ ถึง 2.7 เท่า และเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าในตระกูลเดียวกันอย่าง EPYC Gen 4 9754 ก็ยังแรงขึ้นกว่าเดิมถึง 1.7 เท่า ทำให้ EPYC Gen 5 เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นทั้งในด้านประสิทธิภาพและการรองรับงานที่ซับซ้อน

AMD ชูจุดเด่นของแพลตฟอร์ม EPYC Turin ว่าเป็นทางเลือกที่ช่วยให้ Data Center สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้ โดยสามารถลดจำนวนเซิร์ฟเวอร์จาก 1,000 เครื่องที่ใช้ซีพียูรุ่นเก่า เหลือเพียง 131 เครื่องที่ติดตั้งซีพียู EPYC 9965 แนวทาง “7 ต่อ 1” นี้ช่วยให้องค์กรสามารถอัปเกรดเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้น ใช้ไฟฟ้าน้อยลง ใช้พื้นที่การติดตั้งน้อยลง แต่ยังคงแรงเท่าเดิม

EPYC Turin ยังช่วยลดการใช้พลังงานได้สูงสุดถึง 68% ประหยัดพื้นที่เซิร์ฟเวอร์ได้ถึง 87% และลดต้นทุนรวม (TCO) ตลอดระยะเวลา 3 ปี ได้ถึง 67% พื้นที่ที่ได้จากการลดจำนวนเซิร์ฟเวอร์นี้ ยังสามารถนำไปทำอย่างอื่นได้ เช่น เพิ่มจำนวนเครื่องใหม่เสริมกำลังการประมวผลด้าน AI โดย AMD ระบุว่า ด้วยการใช้ GPU จำนวน 416 ตัวที่ติดตั้งในเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ จะช่วยให้รองรับการประมวลผลด้าน AI ได้ถึง 1.1 ล้าน AI TOPs (หน่วยวัดความเร็วการประมวลผล AI)

นอกจากนี้ การใช้เซิร์ฟเวอร์ใหม่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลโดยรวมได้ถึง 2.5 เท่า เมื่อเทียบกับระบบเดิม โดยอ้างอิงจากการติดตั้งซีพียูในเซิร์ฟเวอร์ใหม่จำนวน 640 เครื่อง สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ชั้นนำเพื่อปรับแต่งสเปกให้ตรงตามความต้องการได้ทันที

AMD Instinct MI325X

การ์ดประมวลผลเฉพาะทางรุ่นใหม่ในตระกูล Instinct ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองการประมวลผล AI และการฝึกโมเดล Deep Learning ด้วยการใช้ชิปกราฟิก CDNA 3 และความสามารถในการรองรับการทำงานที่ระดับ Exascale ช่วยเพิ่มศักยภาพขององค์กรในงานที่ต้องการการคำนวณพร้อมกัน

Instinct MI325X มาพร้อมกับ VRAM แบบ HBM3E ขนาด 256GB และ แบนด์วิธ 6 TB/s ให้ประสิทธิภาพในการทำงาน 2.6 PFLOPs เมื่อทดสอบด้วย FP8 และ 1.3 PFLOPs เมื่อทดสอบด้วย FP16

เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง NVIDIA H100 พบว่า Instinct MI325X ทำงานในด้าน inference และ token generation ได้ดีกว่า 1.3 เท่า โดยทดสอบบนโมเดล Llama 3.1 ส่วนเมื่อเปรียบเทียบกับ NVIDIA H200 พบว่า Instinct MI325X ทำงานบนโมเดล Mixtral ได้ดีกว่า 1.4 เท่า และบนโมเดล Llama 3.1 ก็ยังทำได้ดีกว่า 1.2 เท่า ขณะที่โมเดล Mistral ก็ยังทำได้ดีกว่า 1.3 เท่า

การผลิตและการส่งมอบ Instinct MI325X จะเริ่มในปลายปี 2024 โดยสำหรับสถาปัตยกรรมถัดไป CDNA 4 คาดว่าจะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 35 เท่า เมื่อเทียบกับ CDNA 3 สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ชั้นนำเพื่อปรับแต่งสเปกให้ตรงตามความต้องการได้ทันที

งานเปิดตัวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ AMD ในการสนับสนุนองค์กรไทยก้าวสู่ยุคดิจิทัล ด้วยเครื่องมือที่ทรงพลังและทันสมัยที่สุด โดยเฉพาะในโลกที่ AI และการประมวลผลข้อมูลมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในด้านธุรกิจ การวิจัย และนวัตกรรม

AMD ย้ำว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับภาคธุรกิจในไทยได้อย่างครบวงจร พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีที่รองรับอนาคตสำหรับการสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมใหม่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ที่มา : ข่าวประชาสัมพันธ์