กูเกิลประกาศขยับรอบการเปิดตัว Android จากไตรมาส 3 มาเป็นไตรมาส 2 เริ่มตั้งแต่ Android 16 ในปีหน้าเป็นต้นไป เพื่อให้สอดรับกับรอบการเปิดตัวของมือถือรุ่นใหม่ ๆ ที่ออกในปีนั้น ๆ ขณะเดียวกันก็มีอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น คือ การอัปเดตจะถูกแบ่งเป็นเวอร์ชันหลัก (major SDK) และเวอร์ชันย่อย (minor SDK) ซึ่งจะเริ่มที่ Android 16 เป็นครั้งแรกเช่นกัน
กูเกิลบอกว่า ในอนาคต Android จะเปิดตัว SDK ให้บ่อยขึ้น ส่งผลให้ Android จะมีการอัปเดตที่ไวขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และที่สำคัญ ทั้งหมดนี้จะไม่เป็นการเพิ่มภาระให้กับนักพัฒนา
กรณีของ Android 16 มีการระบุ ‘จำนวน’ และ ‘ไทม์ไลน์’ การอัปเดตอย่างชัดเจนแล้ว โดย major SDK จะออกในไตรมาส 2 จากนั้นจะมี minor SDK ตามมาอีก 1 รุ่น เป็นเวอร์ชันย่อยในไตรมาส 4
major SDK และ minor SDK จะใช้เลข SDK คนละชุดกัน โดย major SDK จะนับต่อจากของเดิม ในขณะที่ minor SDK จะเริ่มจาก 0 เสมอ และเพิ่มขึ้นทีละ 1 เมื่อมีการออกอัปเดต เช่น Android 16 คือ SDK 36 (0) และจะกลายเป็น SDK 36 (1) ตอนไตรมาส 4
แตกต่างจากแนวทางเดิม ๆ ที่กูเกิลปรับเวอร์ชัน SDK เพิ่มขึ้นทุกครั้ง แม้เป็นการอัปเดต Android เวอร์ชันย่อย เช่น Android 8.0 คือ SDK 26 และ Android 8.1 คือ SDK 27
ทั้งนี้จะมีเพียง major SDK เท่านั้น ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง API ของระบบปฏิบัติการที่ส่งผลต่อแอป
ส่วน minor SDK จะมุ่งเน้นที่การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน และการแก้ไขบักจาก major SDK เพื่อไม่ให้นักพัฒนาต้องมีภาระเพิ่ม และกูเกิลก็จะไม่บังคับนักพัฒนาให้อัปเดตแอปให้รองรับ minor SDK ด้วย (แต่ minor SDK ของปีนั้น ๆ จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ major SDK ในปีถัดไป ดังนั้นอาจเป็นการดีกว่า หากนักพัฒนาจะให้ความสนใจตั้งแต่เนิ่น ๆ)
ยังไม่ชัดเจนว่า หลัง Android 16 ได้รับการอัปเดต minor SDK ในไตรมาส 4 แล้ว กูเกิลจะใช้ชื่อ Android 16.1 เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจหรือไม่ หรือจะปรับวิธีการตั้งชื่อเป็นแบบอื่น
ที่มา : Android Developers | Android Authority
Comment