ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับ Google I/O 2015 งานใหญ่ประจำปีของ Google ที่มีไว้สำหรับแสดงวิสัยทัศน์และปล่อยของดีให้บรรดาเหล่าสาวกและคนทั่วไปได้เห็นและรู้ว่าอนาคตของโลกในสายตาของ Google คืออะไรและ Google เตรียมอะไรไว้เพื่อสร้างอนาคตเหล่านั้นให้เป็นจริง Android M คือหนึ่งในสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจมากที่สุด และ Google ก็ได้ เผยโฉม Android M Developer Preview ขนมชิ้นใหม่ของ Android เป็นที่เรียบร้อย แต่ทว่าสิ่งที่ Google บอกในงานนั้นยังไม่ใช่ทั้งหมดที่ Android M ทำได้ มันยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่างในตัวอักษร “M” ตัวนี้ เราจะมาดูกันว่ามีอะไรบ้างครับ
ฟีเจอร์หลักใน Android M ที่ Google แนะนำไปแล้วมีอยู่ 6 อย่างคือ App Permissions, Web Experience, App Links, Google Pay, Fingerprint Support และ Power and Charging แต่ในตัวหนังสือ M ที่เห็นดังรูปด้านล่างนี้ยังบอกถึงฟีเจอร์อีกมากมายที่ Google ไม่ได้แนะนำในงาน(หรือทางเว็บเราเองยังไม่ได้พูดถึง) เพราะถ้าแนะนำหมดนี่งานคงไม่จบง่ายๆ คนฟังคงนั่งน้ำลายยืดกันเป็นแถวๆ เรามาลองแงะฟีเจอร์ที่น่าสนใจออกมาดูกันดีกว่า
ฟีเจอร์ที่ Google พูดไปแล้วจะมีรายละเอียดใน blog หลักคือ สรุปงาน Google I/O 2015 และ Android M Developer Preview อยู่แล้ว ผมจะไม่เอามาพูดอีกใน Blog นี้นะครับ ใครอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างก็ click ไปอ่านกันได้ เรามาดูฟีเจอร์อื่นๆที่ยังไม่ได้พูดถึงกัน
1. Easy word selection and floating clipboard toolbar : การเลือกข้อความใน Android เวอร์ชันปัจจุบันนั้นจะมีแถบเครื่องมือขึ้นมาด้านบนของหน้าจอพร้อมปุ่ม Cut, Copy และ Paste ซึ่งหลายคนบอกว่าเป็นตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมและจะเอื้อมนิ้วไปกดก็ลำบาก ใน Android M แถบเครื่องมือนี้จะกลายเป็น floating toolbar ลอยอยู่ใกล้ๆบริเวณที่เราเลือกข้อความเลย และจะมีปุ่มเหมาะสมเพิ่มขึ้นมาให้ใช้งานตามสภาวะขณะนั้นด้วย นอกจากนั้นการเลือกข้อความจะสามารถเลือกเป็นคำหรือเลือกเป็นตัวอักษรได้ง่านมากขึ้นแล้ว
สังเกตสักนิดจะเห็นว่ามีปุ่ม Undo/Redo อยู่บนแถบเครื่องมือด้านบนด้วย
2. Auto backup for apps : App ที่ออกแบบมาให้ใช้กับ Android M แล้ว จะถูก backup ข้อมูลของแอพขึ้น Google Account ของเราโดยอัตโนมัติและข้อมูลนั้นก็จะถูก sync ไปยังอุปกรณ์อื่นที่มีแอพเดียวกันอยู่ด้วย
3. App Standby : ส่วนนี้เป็นส่วนเสริมของฟีเจอร์ Doze โดย Doze นั้นจะจัดการเรื่อง deep sleep ของตัวอุปกรณ์เพื่อประหยัดพลังงาน แต่ App Standby จะเป็นการตรวจสอบว่า app ไหนที่ไม่ได้มีการใช้งานมาระยะหนึ่งแล้ว Android จะเปลี่ยนให้ app นั้นเข้าสู่โหมด standby ซึ่งเป็นการตัดการใช้ network, การ sync ข้อมูลและ Job ต่างๆของ app นั้น เหมือนกับทำให้ app เข้าสู่ deep sleep นั่นเอง
4. Android for Work ฉบับปรับปรุงใหม่ : Google นั้นพยายามทำให้อุปกรณ์ Android มีการรักษาความปลอดภัยที่ดีและสามารถควบคุมได้จากส่วนกลางขององค์กร ดังนั้น Android for Work จึงเป็นฟีเจอร์ที่ Google พยายามบอกองค์กรและบริษัทต่างๆว่า “Android ปลอดภัยแน่นอน คุณไม่ต้องห่วง” หรืออีกความหมายหนึ่งคือ “Android ปลอดภัยไม่ต่างจาก BlackBerry หรอก” ซึ่งใน Android M ก็มีการปรับปรุงฟีเจอร์หลายๆอย่างสำหรับ Android for Word ให้มีความปลอดภัยมากขึ้นและควบคุมได้ง่ายมากขึ้น ดังนี้
- Corporate-Owned/Single-Use device support
- Seamless certificate installation for Enterprise
- IT admin acceptance of OTAs
- Enterprise factory reset protection
- Delegated certificate installation
- Data Usage API for work profiles
- New runtime permissions
- Work status notifications
- VPN apps in settings
- Work contacts in personal contexts
5. Adoptable storage devices : ฟีเจอร์นี้อาจจะเป็นสิ่งที่หลายคนรอคอย เพราะว่าใน Android M เวลาที่เราเสียบ SD card เพิ่มเติม ระบบจะสามารถมองเห็นและใช้งาน SD card นั้นได้เหมือนกับหน่วยความจำภายในของเครื่องเองเลย โดยระบบจะทำการ format และเข้ารหัส SD card ให้เหมือนกับหน่วยความจำภายใน (ผ่านทาง ผ่านทาง Flex storage และ Secure token storage APIs) แล้วเราก็สามารถติดตั้ง app และเก็บข้อมูลส่วนตัวบน SD card ได้แล้ว
วิธีนี้เข้าใจว่าเป็นคนละแบบกับที่เคยเห็นในรอมมือถือบางค่าย ที่สลับไปใช้ micro SD Card แทนหน่วยความจำหลัก แต่ว่าจะเป็นการทำให้ระบบเห็นพื้นที่ของ microSD กับ storage ในเครื่องเป็นอันเดียวกันไปเลย
6. Bluetooth Stylus support : รองรับการใช้งานปากกาสไตลัสแบบ bluetooth อย่างเป็นทางการ
7. Improved bluetooth low-energy scanning : ปรับปรุงการใช้พลังงานในการ scan หาอุปกรณ์ BLE ให้ดีมากขึ้น
8. Hotspot 2.0 : รองรับการใช้งวน Hotspot 2.0 ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ของการให้บริการ Wifi สาธารณะ ที่อนุญาตให้อุปกรณ์พกพา เช่น มือถือ สามารถเชื่อมต่อกับบริเวณที่มีสัญญาณ Hotspot 2.0 โดยอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถจัดการ bandwidth และจัดหาบริการให้เหมาะสมกับที่ผู้ใช้ต้องการ
9. 4K Display Mode : รองรับหน้าจอแสดงผลระดับ 4K อย่างเป็นทางการ
10. USB OTG ฉบับปรับปรุง : ปกติเวลาเราเสียบ flash drive ผ่าน OTG ใน Android ที่เป็น Stock นั้น ระบบจะให้ App สามารถเข้าถึงตัว drive ได้ แต่สำหรับตัว OS เองจะไม่สนใจเลยว่ามีอะไรมาต่อ แต่ใน Android M เราจะเห็นว่ามีการแจ้งเตือนว่ามี USB drive เสียบเข้ามาและสามารถเปิดดูผ่าน file explorer ได้เลย อีกทั้งยังสามารถสั่ง eject เพื่อถอด flash drive ออกแบบไม่เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลได้ด้วย
11. 5GHz portable Wi-Fi hotspot : Android M รองรับการทำ Wi-Fi hotspot โดยใช้ band 5 GHz แล้วเรียบร้อย แต่ตัวอุปกรณ์ก็ต้องรองรับด้วยถึงใช้ได้นะครับ
12. การเปลี่ยนแปลงในหน้าตาของ Android : ตรงนี้ Google มีการปรับจูนหน้าตาของ Android M ซึ่งโดยรวมหน้าตาอาจจะดูไม่เปลี่ยนแปลงจาก Lollipop เท่าไหร่นัก แต่ก็มีการปรับหลายส่วนเลยทีเดียว
เริ่มจาก App drawer ที่แต่เดิมเราต้องปัดซ้ายขวาในแนวนอนเพื่อเปลี่ยนหน้า ตอนนี้จะเปลี่ยนแนวตั้งปัดขึ้นลงเหมือนสมัย Gingerbread โดยรายการ app จะเรียงตามตัวอักษร app ที่ถูกใช้งานบ่อยๆจะอยู่บนสุด นอกจากนั้นก็จะมีแถบค้นหาอยู่ด้านบนสุด เพื่อค้นหา app ได้ด้วย
หน้า Lock screen ก็มีการปรับ Font ของนาฬิกาและเอาปุ่ม Voice search มาแทนปุ่มโทรศัพท์ตรงมุมล่างซ้าย
รองรับ Theme แล้ว โดยตอนนี้ใน Android จะมี Theme ให้เลือก 2 อย่างคือ Light(สว่าง) และ Dark(มืด) แต่เราต้องไปเปิดใน Developer Options อีกทีถึงจะเห็น Theme จะมีผลกับในหน้า Settings เท่านั้น สำหรับการเลือก Automatic นั้น Theme จะปรับไปตามเวลา โดยกลางวันจะเป็น Light และกลางคืนจะเป็น Dark
ส่วนของหน้า App info ก็มีการปรับใหม่ โดยรวมเอาข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับ app นั้นมาไว้หน้าเดียว ให้เราเลือกปรับได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็น Permissions หรือ Notifications และข้อมูลตัว app เองทั้งการใช้พื้นที่หน่วยความจำ (Storage และ Data) และการใช้พลังงานแบตเตอรี่
หน้า App Permissions ที่เป็นการรวมเอาการจัดการ Permissions ของ app ต่างๆในเครื่องไว้ที่เดียว
13. Bluetooth SAP : รองรับการใช้งาน SAP หรือ SIM Access Profile ผ่านทาง Bluetooth ซึ่งการใช้งาน SIM เสริมเชื่อมต่อกับ SIM หลักผ่านทาง Bluetooth อีกที ดังรูป
14. Do Not Disturb automatic rules : สำหรับคนใช้ Android Lollipop น่าจะรู้จัก Interruptions เป็นอย่างดีเพราะตอนแรกมันยุ่งยากพอสมควร แค่จะปิดเสียงเตือน โดย Android M จะเปลี่ยนชื่อให้เป็น Do not disturb แทนเพื่อความหมายที่เข้าใจได้ง่าย รวมถึงชื่อโหมดก็เปลี่ยนเป็น Total silence, Alarms only และ Priority only ซึ่งต้องบอกว่า เข้าใจง่ายขึ้นเยอะเลยครับ
15. Material design support library : ส่วนนี้จะเป็นความสะดวกของเหล่านักพัฒนาที่จะมี Libraryสำหรับ Material Design มาให้ใช้จาก Google โดยตรงสักที หลังจากก่อนหน้านี้ต้องพึ่ง Library จาก Third party มาใช้งานกัน โดยรายละเอียดของ Library ใหม่จาก Google เข้าไปดูได้ที่ Android Design Support Library ครับ
16. BT 4.2 : รองรับ Bluetooth 4.2 เรียบร้อย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดัน IoT (Internet of Thing) ด้วย
17. MIDI support : รองรับการเล่น file เสียงแบบ MIDI ที่ใช้กันในโปรแกรมคาราโอเกะบ้านเรานี่แหละ
18. Power improvements in Wi-Fi scanning : การสแกนหา Wi-Fi จะประหยัดพลังงานมากขึ้น
19. Data binding support library Beta : อันนี้สำหรับนักพัฒนา โดยเป็น Library สำหรับการทำ Data Binding รายละเอียดดูจากที่นี่ Data Binding Guide ครับ
20. Unified Google settings and device settings : จับเอาหน้า Google settings ไปรวมอยู่ใน Settings ของระบบเรียบร้อย ไม่ต้องมี app แยกแล้ว
21. Multi-windows mode : ในที่สุด Android ก็สามารถใช้งาน Multi-windows ได้สักที โดยต้องไปเปิดใน Developer Options นะครับ
22. Easter egg : อันนี้ไม่เชิงว่าเป็นฟีเจอร์ใหม่ แต่ Android ทุกเวอร์ชันก็มี Easter egg มาให้เราเซอร์ไพรส์มาตลอด โดยเป็นการแตะซ้ำๆหลายครั้งที่ Android version ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเกมส์ให้เล่น แต่สำหรับ Android M Developer Preview นั้นเป็นรูป ¯_(ツ)_/¯ ซึ่งหมายความว่า “ยังไม่บอก” นั่นเอง 55
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ผมพอจะรวบรวมข้อมูลมาได้ โดยยังมีอีกหลายฟีเจอร์ด้านล่างที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมอีก ถ้าเพื่อนสมาชิกท่านใดมีข้อมูลก็ช่วยกันแนะนำมาได้ครับ
- Setup wizard: IMAP sign-in
- Voice interaction service
- Improved trusted face reliability
- Seven additional languages
- Duplex Printing
- Battery historian v2
- Improved diagnostics in systrace
- UI Toolkit
- Improved text layout performance
- UI toolkit performance improvements
- Bluetooth connectivity for device provisioning
ที่มา: GSMArena, PhoneArena, The Verge และ Android Police
[เพิ่มเติม] คุณ Switch-on ได้มาช่วยคิดว่าฟังก์ชั่นที่เหลือคืออะไรบ้างนะครับ
Setup wizard: IMAP sign-in
– หลังจากเราเปิดใช้งานครั้งแรก และ Sign-in google account ไปแล้วปกติก็จะจบไปแค่นี้ แต่ใน M จะมีมาให้เลือกว่า เราจะ Sign-in email account อื่น ๆ ลงไปด้วยรึเปล่าในคราวเดียวกันเลย โดยรองรับ IMAP มาแบบอัตโนมัติ (คือกรอกแค่ email มันจะค้นหากึ่งเดาเองว่า server ต้องเป็นอะไร)
Improved trusted face reliability
– อันนี้น่าจะเป็นส่วนต่อขยายความแม่นยำของ face unlock ที่มาจาก ICS มั้งครับ เพราะมาถึงยุค Smart Unlock ก็ปรับปรุงส่วนนี้ให้ดีขึ้น (ไม่เคยใช้งานเล๊ยยยยยย…เลยบอกความเปลี่ยนแปลงไม่ได้)
Seven additional languages
– น่าจะเพิ่มภาษาอีก 7 ภาษาให้กับ Native Stock UI นั้นเองครับ
Duplex Printing
– รองรับการสั่งพิมพ์แบบสองหน้า
Battery historian v2
– ส่วนแสดงสถิติการใช้งานของแบตเตอรี่ ซึ่งคงมีการปรับปรุงไปอีกเยอะ เลยเรียกว่า Version 2 (ลองกดดูแล้วมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นอีกเพียบ) และเชื่อมโยงกับ Doze/App Standby ด้วยแน่ ๆ เพราะมีเรื่อง power optimizations เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
Bluetooth connectivity for device provisioning
– น่าจะหมายถึงการปรับปรุงเรื่องการเชื่อมต่อได้ดีขึ้น
Improved diagnostics in systrace
UI Toolkit
Improved text layout performance
UI toolkit performance improvements
– เรื่องพวกนี้คงเป็นทางฝั่ง Dev ที่ได้ประโยชน์ไปครับ User คงไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นๆ
เรื่องกดก๊อปปี้ข้อความเหมือนจะได้แรงบันดาลใจมาจาก ios นะครับ 55
เวรกรรม ต่อไปไม่ต้องมี Nexus Media Importer แล้วสินะ ซื้อไว้ แต่ไม่ค่อยได้ใช้
อยากได้ใช้เร็วๆ
เห่อๆ Nexus 6 ก่อนชัวร์
ช้า nexus 5 ยิ้มจนจอจะแตก
ถ้าแปลตามตัว กับ สิ่งที่เห็นใน M นะครับ
Setup wizard: IMAP sign-in
– หลังจากเราเปิดใช้งานครั้งแรก และ Sign-in google account ไปแล้วปกติก็จะจบไปแค่นี้ แต่ใน M จะมีมาให้เลือกว่า เราจะ Sign-in email account อื่น ๆ ลงไปด้วยรึเปล่าในคราวเดียวกันเลย โดยรองรับ IMAP มาแบบอัตโนมัติ (คือกรอกแค่ email มันจะค้นหากึ่งเดาเองว่า server ต้องเป็นอะไร)
Improved trusted face reliability
– อันนี้น่าจะเป็นส่วนต่อขยายความแม่นยำของ face unlock ที่มาจาก ICS มั้งครับ เพราะมาถึงยุค Smart Unlock ก็ปรับปรุงส่วนนี้ให้ดีขึ้น (ไม่เคยใช้งานเล๊ยยยยยย…เลยบอกความเปลี่ยนแปลงไม่ได้)
Seven additional languages
– น่าจะเพิ่มภาษาอีก 7 ภาษาให้กับ Native Stock UI นั้นเองครับ
Duplex Printing
– รองรับการสั่งพิมพ์แบบสองหน้า
Battery historian v2
– ส่วนแสดงสถิติการใช้งานของแบตเตอรี่ ซึ่งคงมีการปรับปรุงไปอีกเยอะ เลยเรียกว่า Version 2 (ลองกดดูแล้วมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นอีกเพียบ) และเชื่อมโยงกับ Doze/App Standby ด้วยแน่ ๆ เพราะมีเรื่อง power optimizations เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
Bluetooth connectivity for device provisioning
– น่าจะหมายถึงการปรับปรุงเรื่องการเชื่อมต่อได้ดีขึ้น
Improved diagnostics in systrace
UI Toolkit
Improved text layout performance
UI toolkit performance improvements
– เรื่องพวกนี้คงเป็นทางฝั่ง Dev ที่ได้ประโยชน์ไปครับ User คงไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นๆ
ขอเอาไปแปะต่อนะครับ ^^
สงสัยเรือง เอาแอพลงการ์ด อ่ะคัพ คือว่า ผมสามรถเอาตัวแอพทั้งก้อน ลง SD Card ได้เลยใช่ไหม แล้วตัว Android L เวอร์ชั่นที่แล้ว ก็สามารถทำได้ใช่ไหมคัพ แล้วสาเหตุที่ Android 4.X ไม่สามารถ เอาแอพลงการ์ดทั้งหมดได้ เพราะอะไร ผมสงสัยมานานแล้ว มันติดตัว Apk ใช่ป่าว แล้วแอนดรอยด์เวอร์ชั่นที่ต่ำกว่า 4.X อ่ะคัพ มันเอาแอพลงการ์ดได้ไหม แล้ว Android M คือ Android 5.1 หรือ 6.0 ผมเริ่มเห็นอนาคตสดใสของ แอนดรอยด์แล้ว รวมไปถึง Windows Phone ส่วน IOS ผมว่าคงที่น่ะ ต้องคนมีตังเท่านั้นถึงจะใช้
ก่อนหน้านี้การเอาแอพลงการ์ดของ Android เองจะยอมให้ลงได้แค่บางส่วนครับ จะมีเพียงมือถือค่ายจีนอย่าง Oppo หรือ Lenovo ที่สลับเปลี่ยนเอาแอพไปลงการ์ดทั้งตัวได้ โดยสาเหตุตั้งแต่แรกเดิมนั้น ที่เคยได้ยินมาเป็นเรื่องของ Security และการป้องกัน Piracy ของแอพครับ
ยังแปลกใจเล็กๆเหมือนกันที่ Android M จะแก้ปัญหานี้แล้วและยอมให้ทำได้ ซึ่งถือเป็นข่าวดีมากๆเลยล่ะ ^^
ข้อ 2 คือดีงามมาก ถ้าเวลาลงแอพในเครื่องใหม่แล้วสามารถเลือกดึง setting มาได้ด้วยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเปลี่ยนเครื่องหรือ FR แล้ว
ลาก่อน nexus media importer
ไม่ค่อยชอบ app drawer แบบใหม่เท่าไหร่แฮะ
อยากให้ระบบ UMS กลับมา เสียบแล้วเหมือนเป็นแฟลชไดร์อันนึงเลย