นี่อาจจะเป็นข่าวดีสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการจะขาย App ในระบบ Android เมื่อการศึกษาพบว่าความแตกต่างระหว่างผู้ใช้ Android และผู้ใช้ iOS ในเรื่องความเต็มใจในการจ่ายเงินซื้อ App ในตลาดของแต่ละฝั่งนั้นลดลงอย่างมากจากที่เคยสำรวจไว้เมื่อปีที่แล้ว
การสำรวจนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่าง SwiftKey, Pocket-Lint และ Mobile Nation โดยได้จัดทำโพลล์เพื่อสำรวจพฤติกรรมการซื้อ App ในระบบ Android และ iOS ซึ่งเมื่อปีที่แล้วพบว่าผู้ใช้ iOS ที่จ่ายเงินซื้อ App มากกว่า 20 App ขึ้นไปมีทั้งหมด 39% ในขณะที่มีเพียง 3% ที่ไม่เคยซื้อเลย ส่วน Android นั้นตรงกันข้าม เมื่อมีผู้ใช้ไม่ถึง 10% ที่ยอมจ่ายเงินซื้อมากกว่า 20 App ในขณะที่มีคนที่ไม่เคยจ่ายเงินซื้อ App เลยมากถึง 12%
เวลาผ่านไป 1 ปี ความแตกต่างในส่วนนี้ลดลงอย่างมาก จำนวนผู้ใช้ Android ที่มี App จ่ายตังค์มากกว่า 20 App เพิ่มขึ้นเป็น 19% ในขณะที่จำนวนผู้ใช้ที่เล่นแต่ App ฟรีนั้นลดลงเหลือ 6% ส่วนฝั่ง iOS นั้นมีจำนวนผู้ใช้ที่จ่ายตังค์ซื้อลดลงเหลือ 26% ในขณะที่จำนวนผู้ใช้เล่นแต่ App ฟรีนั้นใกล้เคียงกับ Android ที่ 7%
สำหรับเหตุผลที่ผู้ใช้ Android เริ่มหันมาซื้อ App มากขึ้น ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่ Google เริ่มบังคับให้นักพัฒนาออกแบบหน้าตาของ App ให้มีมาตรฐานเดียวกันตามข้อกำหนดที่ตั้งไว้ตอนที่ปล่อย Android เวอร์ชัน 4.0 ICS ออกมา แต่เหตุผลหลักที่แท้จริงน่าจะมาจาก “คุณภาพ” ของ App ที่อยู่ใน Play Store ตอนนี้นั้นดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว บวกกับวิธีการเก็บเงินแบบ In-App Purchase ที่ตอนแรกนักพัฒนาจะตั้งราคาที่ต่ำหรือแจกฟรีให้เราสามารถลองใช้ได้ก่อน แล้วจึงเสนอให้เราจ่ายเงินเพิ่มถ้าเราต้องการความสามารถที่เพิ่มขึ้นหรือต้องการใช้ App ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ท่านผู้อ่านคิดว่าอย่างไรกันบ้างครับ? อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้ App ของ Android ขายดีมากขึ้นกันแน่?
ที่มา: SwiftKey via Droid Life via Tech Barista
จะขายดีมากกว่านี้ถ้าไม่ต้องใช้บัตรเครดิตเหมือนไอโฟนหาซื้อทีไหนมาเติมแล้วก้อซื้อแอฟได้เหมือนระบบเติมตังเพราะว่าส่วนใหญ่คนเล่นอันดรอยระดับกลางๆ
ไม่ต้องใช้บัตรเครดิตก็ได้ บัตรเดบิตธรรมดาก็ใช้ซื้อได้ครับ
แต่ต้องเป็นเดบิตกสิกร(+สมัคร k-web shopping card) ไม่ก็บัตรบีเฟิร์สของกรุงเทพ สองเจ้านี้ถึงจะใช้ซื้อออนไลน์ได้
ทุกวันนี้ผมใช้เดบิตกสิกรซื้ออยู่ครับ หักตรงจากบัญชีธนาคาร
จริงครับเดบิตกสิกรดีมากๆ สะดวกมาก ใช้แทนบัตรเครดิตในการหักเงินซื้อของ online ได้หมดเลยครับ เพราะเราจะได้ รหัสบัตรเครดิต กับ cvv อีกชุดมาใช้เลย
เหมือนเรามีบัตร 2 ใบ ใบนึงเป็นเดบิต ไว้ใช้งานจริงๆข้างนอก
เลขบัตรอีกชุด(ได้มาจากการขอ k-web shopping card) ไว้ใช้แทนบัตรเครดิต
เวลาซื้อของผ่านเวป ซื้อบัตรเติมเงิน จ่ายทาง VISA ได้หมด สะดวกดี
หักตังจากบัญชี กำหนดวงเงินได้
ยืนยันว่าบัตร debit ใช้ได้ครับ ผมใช้บัตร be1st ของ กรุงเทพครับ แค่เปิดวงเงินสำหรับซื้อของก็ใช้ได้แล้วครับ
จ่ายผ่านเดบิตก็ได้ ผมใช้ของกสิกร ง่ายมากๆ ไม่วุ่นวายด้วย เนื่องจากผมยังเรียนอยู่เลยใช้เครดิตไม่ได้
ปล. iOS ก็ใช้เดบิตได้นะคับ ไม่ใช่ได้แค่เครดิต (อย่าดราม่านะ แค่บอกเฉยๆ^^)
ถ้าเป็นที่อเมริกา ประชากรของเขาก็ใช้บัตรเครดิตกันทุกชนชั้นแหละครับ
ส่วนประเทศอื่น ผมก็ไม่แน่ใจว่า Play store card มันจะกระจายไปทั่วถึงหรือเปล่า
ปัจจัยบัตรเครดิตอาจจะไม่ใช่ก็ได้นะครับ
ผมมองว่า Android เองราคาเครื่องโดยเฉลี่ยต่ำกว่า iPhone
คนที่ใช้ Android ส่วนใหญ่ก็ไม่น่ามีบัตรเครดิตกัน
ถ้าเติมเงินได้ง่ายขึ้น คนซื้อแอพฯ เยอะขึ้นแน่นอนครับ
สำหรับผมคิดว่า ราคาสมเหตุสมผลครับ และสามารถคืนเงินได้(ให้เวลาน้อยมากกกก) คิดซ่ะว่าซื้อแอบมันอยู่กับเรานานนน กว่ากินเหล้าที่จ่ายแพงกว่ามากกกและอยู่ก่ะเราคืนเดียว 55555
จริง ๆ แล้ว ไอ้การใช้ บัตร Debit มาจ่ายเงินออนไลน์มันทำไม่ยากครับ
แต่ไม่ค่อยมีความรู้ทางด้านนี้กัน แล้วเจ้าหน้าที่ธนาคารก็ให้ความรู้ได้ไม่เต็มที่
(มันไม่ใช่เรื่องของเขา หน้าที่เค้าแค่จัดการบัญชีเรา)
มันทำไม่ยากนะครับ เปิดบัญชี 500 บาท แล้วก็เข้าระบบซื้อขายออนไลน์ของธนาคาร
กำหนดวงเิงิน ทำตามขั้นตอนต่าง ๆ ก็ใช้ได้ครับ จริง ๆ มีขั้นตอนละเอียดกว่านี้นิดหน่อย ซึ่งก็ไม่ได้ยากอะไร
แต่พอเป็นเรื่องการเงินแล้วก็กลัวกันไปเองไม่กล้ากัน
มันไม่ได้ยากอะไรครับ ถ้าเราต้องการสนับสนุนผู้พัฒนา สังคม Android ก็จะน่าอยู่ขึ้น
จริงอยู่ว่า คนเรามีไม่เท่ากันครับ แต่ก็อยากให้สนับสนุนของแท้กันบ้าง เริ่มจากแค่ Apps ไม่กี่บาท
วันหน้าอาจจะได้เห็น Play Store สามารถขาย Content อื่น ๆ นอกจาก Apps ในบ้านเราก็ได้
ปล. ที่บอกว่า Android ส่วนใหญ่ราคาเครื่องถูกกว่า iPhone อันนี้ไม่เถียงครับ ตลาดเล็กว่ากันไป แต่ตลาดเครื่องใหญ่อย่าง One X Galaxy SII SIII Note หรือเครื่องเกือบสองหมื่นหรือสองหมื่นขึ้น แล้วก็ยังอ้างว่ามันจ่ายเงินยากนี่ก็อ้างไม่ได้ครับ ส่วนใหญ่ก็เครดิตกันทั้งนั้น แล้วจะว่าไป ก็ไม่ได้เกี่ยวกับราคาเครืองหรอก iPhone เค้าก็เจลเบรคกันทั้งนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเถื่อนกันหมดทุกคน (แต่ที่เจลเหตุผลหลัก ๆ ก็คือแอพเถื่อนด้วยอ่ะนะ นอกจาก Tweak Toos)
สรุป มันอยู่ที่ใจเราครับ สบายใจอย่างไหนก็ทำ แต่ถ้าสงสาร Dev เค้าสักนิด จะอุดหนุนสักหน่อยก็ไม่เสียหาย ถ้าแพงเกิน จ่ายไม่ไหว ก็แค่ไม่ใช้ครับ เขาเห็นใจเราเมื่อไหร่ เราก็เห็นใจเขา แต่ก็อย่างที่บอกครับ ราคามันก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจเหมือนกัน FF3 ราคา 557 บาท ยังกดซื้อกันซะกระจายเลย เพราะมันคุ้มครับ
App ดีๆ ซื้อครับ
แต่มันก็คุ้มครับ มีอัพเดทตลอด
ใช้ได้หลายเครื่อง
ไม่อยากมาลุ้นครับว่าแอปจะใช้ได้ดี เหมาะกับเครื่องเราไหม เลยไม่ค่อยเต็มใจซื้อเท่าไหร่ นอกจากมีรีวิวจากที่อื่นมา
ถ้าไม่ใช่เก็บที่ต้องมาโหลด data เพิ่มข้างนอก เขาพอมีเวลาให้ได้ลองใช้ครับ ถึงแม้จะไม่กี่นาที แต่ก้อ refund ได้ครับ
ถ้าซื้อผ่าน PC หรือเว็ป มันจะบอกเลยว่าเครื่องเรารองรับมั้ย
หลัง ๆ ซื้อแต่ธีม ไอคอน บลา ๆ ๆ แอพเพื่อชีวิตจัดเต็มมานานแล้ว
อยากได้แอพที่บันทึกเรื่องราวชีวิตดี ๆ ซักแอพนึง แบบดึง TL ใน FB/TW มาเก็บได้เป็นระยะเวลาต่อเนื่องกันไรเงี้ย เพิ่มลูกเล่นดี ๆ หน่อย กี่ร้อยก็ซื้อจ้ะ
//อยากซื้อแผนที่เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยได้เดินทาง แต่ก็นะ เวลาเดินทางทีก็อยากได้ แหะ ๆ ๆ ~
โอเพนซอร์สก็แบบนี้แหละครับ เนื่องจากโลกเราก็ค่อยๆพัฒนา มีเครื่องไม้เครื่องมือมากขึนในการพัฒนาแอพดีๆ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในบริษัทใหญ่ๆอีกต่อไปแล้ว ศักยภาพในการแข่งขันจึงค่อยๆแสดงออกมาในรูปที่ได้เห็น และต่อไปไม่เพียงแต่จะมีแอพฟรีๆมีคุณภาพให้เลือกใช้เท่านั้น การทำแอพตามแบบที่ผุ้ใช้ต้องการหรือแบบเฉพาะทาง จะมีมากขึ้นจนต้องมีแอพที่ใช้เขียนแอพอีกที ที่คนธรรมดาก็สามารถทำใช้งานเองได้ จนอาจจะถึงขนาดเหมือนในหนังเลยก็ว่าได้…
ถ้าสามารถซื้อได้ด้วยบัตรเติมเงิน หรือหักรายเดือนได้ รับรองยอดซื้อพุ่ง…..ฟันธง
หลังๆซื้อเยอะครับ ลดราคาเมื่อไหร่ ก็ซื้อเลย ใช้ debit k-bank เช่นกันครับ สะดวกดีทีเดียว