ศาลอุทธรณ์ของสหรัฐฯ มีคำสั่งระงับคำตัดสินของศาลชั้นต้นชั่วคราว จากกรณีสั่งยกเลิกนโยบายภาษีนำเข้าเพราะมองว่าเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต ส่งผลให้รัฐบาลของประธานาธิบดี Donald Trump ยังคงบังคับใช้นโยบายภาษีนำเข้าได้ตามเดิม หลังจากที่ถูกสั่งยกเลิกไปได้แค่หนึ่งวัน

ประเด็นสำคัญของคดีนี้เกิดจากการที่ ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (U.S. Court of International Trade) ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น มองว่าการที่ Trump ใช้กฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) เพื่อขึ้นภาษีสินค้านำเข้าโดยอ้างถึงการแก้ปัญหาลักลอบขนยาเฟนทานิล รวมถึงการประกาศขึ้นภาษีพื้นฐาน 10% กับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เป็นคำสั่งที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมายหากไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส จึงออกคำสั่งให้ยกเลิกมาตรการภาษีนำเข้าโดยทันที เพราะเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต

ยังไงก็ตามในเช้าวันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (The U.S. Department of Justice) ก็ได้ยื่นคำร้องฉุกเฉินต่อศาลอุทธรณ์แห่งชาติของสหรัฐฯ เพื่อขอให้ระงับคำสั่งของศาลชั้นต้นไว้ก่อนอีกทีหนึ่ง จึงเป็นที่มาของการที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยุติคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ตามที่ตัวแทนของรัฐบาล Donal Trump ได้ร้องขอไว้

หากอ้างอิงตามรายงานของ BBC สถานการณ์ในตอนนี้มีความไม่แน่นอนสูงว่าจะมีผลลัพธ์ออกมาเป็นยังไง และจะมีการนัดพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 5 มิถุนายน ก่อนที่จะต้องไปฟังคำตัดสินกันอีกทีหนึ่งที่ศาลฎีกา

ที่ปรึกษาด้านการค้าของทรัมป์อย่าง Peter Navarro แสดงออกและเปิดเผยกับสื่อแบบชัดเจนว่า “ถึงแม้จะแพ้ในชั้นศาล แต่ก็จะหาวิธีอื่นๆ เพื่อขึ้นภาษีให้ได้อยู่ดี” โดยหนึ่งในวิธีที่ดูจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือการใช้กฎหมายความมั่นคง (Section 232) โดยอ้างว่าสินค้าประเภทนั้นๆ เป็นภัยต่อสหรัฐฯ จึงจำเป็นที่จะต้องจำกัดการนำเข้าหรือขึ้นอัตราภาษีในการนำเข้า และเป้าหมายที่มีความสำคัญกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ยกตัวอย่างเช่น เซมิคอนดักเตอร์ เป็นต้น

ที่มา: BBC