ถ้าพูดอย่างแฟร์ๆแล้วต้องบอกว่า Apple คือคนที่เอาเทคโนโลยี Multi-touch มาให้คนทั้งโลกได้รู้จัก (แม้ว่าเค้าจะไม่ใช่คนที่คิดค้นมันขึ้นมา) และในเดือนมกราคมปี 2007 Apple ได้พยายามที่จะดึงชื่อ Multi-touch นี้เป็นเครื่องหมายการค้าของตน ทำให้บริษัทอื่นไม่สามารถเอาชื่อนี้ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของตนได้ กล่าวคือ เวลาเอาไปทำการตลาดห้ามเรียกว่าหน้าจอ “มัลติทัช” นั่นแล แต่ความพยายามกว่าห้าปีนี้กลับต้องล้มเหลวเมื่อศาลตัดสินยกฟ้องไปเรียบร้อย ต่อไปนี้แบรนด์อื่นๆเวลาที่ใช้คำนี้เรียกก็ไม่ต้องกลัวโดนฟ้องกันแล้ว
ส่วนนึงก็น่าสงสาร Apple ที่เค้าเป็นคนคิดคำนี้และทำให้ติดตลาดขึ้นมาได้แท้ๆ จากก่อนหน้านี้ต้องทนใช้แต่ปากกาบน WinMo มาอยู่นานสองนาน แต่ก็ถือว่าดีเหมือนกันไม่งั้นอาจจะได้เห็นชื่อแปลกๆอย่าง multiple simultaneous touch point devices กันแทน 😛
สวัสดีเอวังชาบู
ขอบคุณข่าวจาก Phandroid จ้า
เย้ๆๆ แต่ก็แอบสงสารนะอุตส่าทำมาเปนจ้าวแรก
จริงๆจะเรียกอะไร ความรู้สึกคงไม่ต่างกันมากมั้ง
ทำไงได้อะ นะ ก็เค้าก็แค่มนุษย์ธรรมดาหรือบริบัทบริษัทหนึ่งเท่านั้นถึงจะรวยล้นฟ้าและทุกอย่างก็อยู่ใต้กฏหมาย บางทีคนเรากว่าจะคิดอะไรขึ้นมาได้ หรือจะฟื้นฟูอะไรสักอย่างขึ้นมาได้ มันยากและใช้เวลานาน การที่เค้ารักษาสิทธิ์ของเค้า กลับเป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับคนอื่น เพราะคนเหล่านั้นที่มองไม่ดีไม่ได้เดือดร้อนอะไรคิดแค่ว่าเรื่องแค่นี้ขอใช้บ้างไรบ้างจะเป็ฯไรก็แค่หน้าจอมัลติทัช แบ่งๆๆกันใช้ เค้าคงคิดกันแค่นั้น โดยที่ไม่คำนึงว่ากว่าจะพัฒนาใหม่หรือคิดค้นมาได้มันยากและใช้เวลานาน ถ้าไม่มีIOS ก็คงไม่มีแอนดรอย ซัมซุงก็คงใช้ระบบ ทัชวิชต่อไป แอลจีก้คงใช้ เอส คลาส ยูไอ ต่อไป ก็คงไม่มีอะไรพัฒนา ไปมากว่านี้หรอก เราคิดว่างั้น ถึงถ้ามีก็ไม่มากขนาดนี้ เราว่านะ แอปเปิ้ลคือแรงบันดาลใจของทุกอย่างจีริง แม้กระทั้งไอแพดที่ก็ต้องยอมรับว่าเคยมีคนผลิตทาเบิ้ลมาแล้วแต่มันไม่ฮิตก็ไม่มีใครทำกัน พอแอปเปิ้ลออกมาก็มีแบนด์ต่างๆๆออกมาอีกมากมาย โดยคิดแค่ว่าของเราจะต้องดีกว่า จิกกัดแอปเปิ้ลเข้าไป พอแอปเปิ้ลจิกกัดบ้างคนอื่นก็ว่า แค่คำว่า copycat คำเดียวเรารู้สึกว่าสาวกแอนดรอยจะยอมกันไม่ได้ พยายามจะหาข้อหามาให้แอปเปิ้ลบ้างตลอดๆๆเวลา แล้วอีกอย่างนะ อีกอย่างเลย เรื่องวการลงเพลงหรืออะไรต่างๆที่บอกว่าลงยากกันนักหนาอะ สำหรับคนธรรมดามันอาจจะไม่ดี เพราะยากอะไรก็ยาก แต่สิ่งที่แอปเปิ้ลทำไปก็เพื่อเป็นการไม่ให้ละเมิดลิขสิทธิ์ที่พวกเราๆชอบทำกัน คุณลองคิดดูสมมุติว่าคุณเป็นนักร้อง มีคนเอาเพลงคุณไปแจกเอาไปบูทูธต่อๆๆกันทั้งที่มีลิขสิทธิ์และเป็นของซื้อของขายคุณก็คงไม่ชอบ ดังนั้นแอปเปิ้ลจึงไม่ให้บูทูธเพลงในโทรศัพท์คนก็ไม่ชอบอีก แล้วเลือกที่จะไปเชียร์แอนดรอยเพราะอิสระมากว่า บูทูธเพลง ปรีบแต่งอะไรมากมาย โดยไม่ดูว่าแอนดรอยมันเป็นOSแบบเปิดและIOSเป็นแบบปิด เหอะๆ เราไม่รู็จะพูดอะไร 5555+ อย่าคิดมากแค่ความเห็นส่วน
"ทาเบิ้ล" ฮาว่ะครับ
อยากจะรู้นักว่าถ้า มีใครจดสิทธิบัตรเก้าอี้ หรือ โต๊ะแบบสี่ขาไว้
จะเอาอะไรนั่งกัน
ตลกครับ Multi-touch prototype แรก มีเมื่อปี 2006 ครับ และไม่ใช่จาก Apple ด้วย ก่อน Apple จะออก iPhone อีก
ถึงผมจะใช้ android แต่ผมก็เห็นด้วยส่วนนึงนะ
ถ้า apple ไม่ได้สร้าง iPhone ขึ้นมา ป่านนี้เราก็คงยังใช้ Windows Mobile แบบต้องใช้ stylus จิ้มจอกันอยู่
ถ้า apple ไม่ได้สร้าง iPad ขึ้นมา ป่านนี้เราคงไม่ได้เห็น Tablet จอใหญ่ๆราคาถูกๆ (เพราะจะมีแต่ Tablet ที่เป็น OS Windows แต่ละตัวก็แพงๆทั้งนั้น)
แต่ส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับ apple ต้องการจะครอบครองทั้งหมดนั้นไว้คนเดียวครับ
มันก็ ok อยู่ที่เค้าฟ้องเพราะเป็นสิทธิ์ของเค้า กว่าเค้าจะคิดขึ้นมาได้ กว่าเค้าจะทำให้มันดัง
แต่อยู่ๆพอมันดังก็มีแต่คนมาทำตาม จริงๆคนทำตามเค้าก็ไม่ผิดหรอกครับ เพียงแต่อย่าลอกให้มันเหมือนว่าไม่ใช้สมองคิดบ้างเลย
ยังไงการแข่งขันกัน ผลประโยชน์ก็อยู่ที่ผู้ใช้อยู่และ หวังว่าสงครามฟ้องไปฟ้องมาจะจบอย่างสวยงามนะ
Apple ไม่ได้คิดครับแค่เป็นนำมาใช้เจ้าแรก
นั่นหมายความว่า..ถ้า apple ไม่เอามาใช้ ก็คงจะมีใครสักคนเอามาใช้อยู่ดีนั้นแหละ อยู่ที่ว่าใครเอามาใช้ก่อนคนแรกเท่านั้นครับ
เรื่องนี้จะกลับกันถ้าหาก apple เป็นคนคิดเองผลิตเองจริงเป็นเจ้าแรก (จริง ๆ จะคิด concept แล้วไปจ้างผลิตก็ยังถือว่าทำเองได้อยู่นะ ไม่ใช่ไปซื้อเค้ามา)
สิ่งที่ต้องยอมรับคือ apple ไม่ได้คิดในส่วนของ H/W ใหม่ เพียงแต่ไปสำรวจตามห้องวิจัย หรือตลาดเทคโนโลยี หรือห้องแล็ปเล็ก ตามมุมเล็ก ๆ ที่ยังไม่โด่งดัง เพื่อดูว่ามันมีอะไรให้เค้าจำเอามายำขายได้บ้างตะหาก นั้นคิดสิ่งที่น่านับถือ (ความพยายามในการเสาะหา และนำมาพัฒนาร่วมกันหลายอย่าง ๆ จะเป็นนวัฒกรรมใหม่)
จากที่ทราบมานะครับ Apple ไม่ได้เป็นคนคิดการจิ้มมากกว่าหนึ่งจุดบนหน้าจอสัมผัสหนึ่งจอ แต่เป็นคนบัญญัติศัพท์ "Multi-touch" มาใช้เรียกเท่านั้น ถ้าหาก Apple จดสิทธิบัติได้ก็แก้ห้ามใช้คำว่า "Multi-touch" มาเรียกเทคโนโลยีเดียวกันนี้บนเครื่องของยี่ห้ออื่นแค่นั้นเอง
เข้าใจมุมนักประดิษฐ์ แต่ไม่รู้สึกสงสารนะ รวยแล้วต้องรู้จักพอ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องดราม่า
ใช่ๆๆๆๆๆเลย รวยแล้วต้องรู้จักพอ อะไรที่ตัวเองคิดจริงๆก็น่ารักษาสิทธิ์อยู่หรอกนะ แต่นี่ไม่ไหว อะไรก็ของตัวเองไปหมด
Microsoft ก็มีเยอะนะ แต่นาน ๆ ที จะมีข่าวฟ้องที แต่ apple อารมย์ ถี่ ไปปะ – –
โส น้า น่า ฮิฮิ
โสนะน่า…
บางอย่างก็นะ .. ขนาด TABLET แบบสี่เหลี่ยมก็ยังจดได้เลย เฮ้อ
ใครจะจด ช้อนทรงรียัง ผมจะไปจด
ต่อไปช้อนต้องเป็นเหลี่ยมๆ ใครรีๆ ผมจะฟ้องให้หมด
ฮาๆ
ถึงจะมีชื่อหรูขนาดนั้น แต่เราก็ยังเรียก มันว่า multi touch (™) อยู่ดี
จดได้ก็ตลก ในเมื่อ ไม่ได้คิดได้คนเเรก
ดูอย่างข้าวของไทยสิ ฝรั่งมันยังอาไปจดเป็นของมันได้เลย
ภาพประกอบเหมือน…
น่าเหงใจแอปเปิ้ล แต่เรื่องนี้ผมว่าศาลตัดสินถูกนะครับ เพราะว่าคำว่า multi-touch มันเปงคำสื่อความหมายได้ตรงตัว ซึ่งปกติจะจดชื่อที่มีความหมายแบบนี้ไม่ได้อยู่แล้วนะครับ ยกตัวอย่างเช่น ทำเก้าอี้แล้วจะจดเครื่องหมายการค้าว่า เก้าอี้ เค้าไม่ให้จดกันนะครับ
ความพยายามกว่า 4 ปี &(-_-) ยกนิ้วให้ นิ้วกลางนะ หะหะหะ แซวเล่น…
ผมว่าให้ชื่อ multi-touch เค้าไปก็ได้ครับ เพราะเค้า multi-touch จริงๆ ส่วนของ android แต่ละค่ายจะได้มาเขียนใน spec ให้ละเอียดๆ ไปเลยว่า
almost dual touch > ระบบ touch เกือบ 2 จุด
dual touch > ระบบ touch 2 จุดสมบูรณ์
quad touch > ระบบ touch 4
hexa touch > ระบบ touch 6 จุด
จะได้ไม่ต้องมานั่งถามกันว่า touch กี่จุดคร้าบบบบ
มี Like ให้กดหรือป่าว
แอบสงสารและสะใจนิสๆ
+1 สนับสนุนครับ
อย่าว่าแต่ multi-touch เลยคนคิด ipod เก็บข้อมูลคนเเรกยังจนอยู่เลย โดยที่ apple ยังไม่ยอมจ่ายค่าความคิดเขาเลยแถมโยนเครื่อง ipod มาให้ใช้เครื่องเดียวและก็เจ๊งไปแล้วด้วย 55555 ยังมีหน้ามาจะเอาโน่น เอานี่ ไม่รู้จักพอ กากมาก
Apple เขาทำออกมานานแล้วไม่ใช่หรอครับ เหอะๆ แต่ผมก็ว่าไม่ต้องจดให้หรอกมันจะเป็นการกักกันๆเปล่าๆ รู้จัก Apple Newton ไหมครับ มันไม่ใช่ 6 ปีก่อนนะครับแต่เป็นเกือบ 20 ปี
http://www.youtube.com/watch?v=64QuJdJmCbA
ลองดูจากในคลิปเอาครับ ไอ้ 6 ปีที่บอกเห็นพูดกันหลายที่แล้วแต่ไอ้คลิปข้างบนคงไม่ต้องพูด 17-18 ปีบาง User รวมทั้งผมยังไม่รู้เรื่องเลยมั้งราคาค่างวดมันแพงแสนแพงก็ถูกล้มเลิกไป
เทคโนโลยี touch มีตั้งนานแล้วครับ แต่ที่ เป็น Multi touch ต่างหากครับ
ถ้า ไม่ให้ใครใช้เลยซิถึงจะแน่
โลกต้อง แบ่งปันกันครับ 🙂