Mark Gurman แห่ง Bloomberg วิเคราะห์ทิศทางของในอนาคตของ Apple หลังยอดขาย iPhone ทรุดยาวถึง 5 จาก 6 ไตรมาสหลังสุด เนื่องด้วยปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ปัญหาเงินเฟ้อ และตัว iPhone เองที่ช่วงหลังไม่มีการอัปเกรดอะไรมากนัก รวมถึง iPhone 16 ที่กำลังจะมา ก็ไม่น่ามีอะไรใหม่ให้ถึงกับต้องร้อง ว้าว ! ซึ่ง Gurman มองว่า Apple อาจต้องมองหาโมเดลการหาเงินหรือสร้างแรงดึงดูดใหม่ ๆ มาทดแทน โดยมี Apple Intelligence เป็นกุญแจสำคัญ
iPhone, iPad, Mac นาน ๆ เปลี่ยนที คนไม่ค่อยอยากซื้อรุ่นใหม่
อันที่จริงไม่ได้มีเพียงแต่ iPhone ที่ถูกมองว่าการเปลี่ยนแปลงช่วงหลังเริ่มชะลอตัว แต่สินค้ากลุ่มอื่นอย่าง iPad และ Mac ตลอดจนถึง Apple Watch เองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะในแง่ของดีไซน์ที่นาน ๆ ครั้งจะเปลี่ยนโฉมสักที เช่น iPhone ที่ปัจจุบันยังใช้ดีไซน์เดิมลากยาวมาตั้งแต่ iPhone 12 ถึง iPhone 15 รวม 4 ปี หรือหากนับรวม iPhone 16 ในรุ่น iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ไปด้วย ก็จะเป็น 5 ปี ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ การสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าอัปเกรด iPhone, iPad, Mac และ Apple Watch เป็นรุ่นใหม่นั้นทำได้ยากขึ้น
แต่ในแง่ดีคือ Apple มีระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง ประกอบกับฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้งานระยะยาว เช่น การอัปเกรดซอฟต์แวร์นานหลายปี และการออกแบบสินค้าให้แกะซ่อมง่ายขึ้นในแต่ละเจเนอเรชัน ดังนั้นแนวโน้มที่ลูกค้าจะใช้งานอุปกรณ์เครื่องเดิมต่อไปจึงมีสูง (ไม่ซื้อรุ่นใหม่ แต่ใช้รุ่นเดิมต่อยาว ๆ) และนี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไม Apple จึงสร้างแนวปฏิบัติด้านเงิน ๆ ทอง ๆ ที่เข้มงวดใน App Store แม้จะต้องไฟต์กับ EU และหน่วยงานกำกับดูแลจากนานาประเทศก็ตาม เพราะนี่เป็นอีกช่องทางการสร้างรายได้ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าฮาร์ดแวร์
Apple Intelligence อาจมีเวอร์ชันเสียเงิน เก่งขึ้น ฉลาดขึ้น
วกกลับมาที่ประเด็น Apple Intelligence ที่เบื้องต้นยังเป็นฟีเจอร์ที่ Apple ปล่อยให้ใช้งานฟรีบน iPhone, iPad และ Mac แต่ Gurman ก็ชี้ว่ามีโอกาสที่ Apple อาจออก Apple Intelligence+ ตามมาภายหลัง ซึ่งจะมีฟีเจอร์ให้ใช้งานมากขึ้น ฉลาดขึ้น มีความสามารถแอดวานซ์มากขึ้น โดยแลกมากับการเก็บค่าบริการเป็นรายเดือนหรือรายปี ลักษณะเดียวกับที่ Google นำ Gemini Advanced ไปผูกไว้ในแพ็กเกจ Google One AI Premium ของบริการ Google One ส่วน Gemini Nano ที่เป็นโมเดลเล็กสุด ก็ปล่อยให้ใช้งานกันฟรี ๆ
Apple จะเปิดตัว iPhone 16 ในช่วงปลายปี มี 4 รุ่นตามเดิม แบ่งเป็นรุ่นมาตรฐาน 2 รุ่น และรุ่นโปรอีก 2 รุ่น ความเปลี่ยนแปลงที่ทราบในเบื้องต้น (ตามข่าวลือ) คือ iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max มีหน้าจอใหญ่กว่าเดิมเป็นครั้งแรก และขอบหน้าจอบางลงทั้ง 4 ด้าน จากการเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตหน้าจอแบบใหม่
- iPhone 16 – หน้าจอ 6.1 นิ้ว (เท่าเดิม)
- iPhone 16 Plus – หน้าจอ 6.7 นิ้ว (เท่าเดิม)
- iPhone 16 Pro – หน้าจอ 6.3 นิ้ว (เพิ่มจาก 6.1 นิ้ว)
- iPhone 16 Pro Max – หน้าจอ 6.9 นิ้ว (เพิ่มจาก 6.7 นิ้ว)
ที่มา : Bloomberg
Comment