มาตามนัดกับ iPhone 17 และ iPhone Air ที่เพิ่งเปิดตัวในงาน Awe Dropping โดยความน่าสนใจหลักก็คงจะหนีไม่พ้นหน้าจอ 120Hz และ iPhone Air ซึ่งมาพร้อมกับความบาง 5.6 มม. นอกจากนั้นทั้งสองรุ่นยังได้อัปเกรดกล้องหน้าจากเดิม 12MP มาเป็น 18MP และกล้องอัลตราไวด์ความละเอียด 48MP ทำงานบนระบบปฎิบัติการ iOS 26 รองรับการใช้งาน Apple Intelligence ตั้งแต่เปิดเครื่อง
สรุปรายละเอียดเปิดตัว iPhone 17

การเปลี่ยนแปลงอย่างแรกคือหน้าจอ Super Retina XDR ของ iPhone 17 จากเดิมในปีที่แล้ว iPhone 16 มีขนาดอยู่ที่ 6.1 นิ้ว ก็ขยายเพิ่มขึ้นมาเป็น 6.3 นิ้ว วัสดุหน้าจอครอบทับด้วย Ceramic Shield 2 ที่แข็งแรงกว่าเดิม ทนรอยขีดข่วนได้ดีขึ้น 3 เท่า หน้าจอเคลือบผิวป้องกันแสงสะท้อน สามารถใช้งานเพื่อดูคอนเทนต์บนหน้าจอในที่กลางแจ้งหรือที่ที่มีแสงสว่างจ้าได้แบบชัดเจน
และยังเป็นครั้งแรกที่ iPhone รุ่นมาตรฐานอย่าง iPhone 17 มาพร้อมเทคโนโลยี ProMotion และอัตรารีเฟรชเรตแบบปรับได้ 1-120Hz ความสว่างหน้าจอสูงสุด 3,000 นิต รองรับฟีเจอร์อย่าง Always-On Display ที่สามารถลดอัตรารีเฟรชเรตหน้าจอได้ต่ำสุดถึง 1Hzใช้สำหรับการแสดงการแจ้งเตือน Live Activities และวิดเจ็ตบนหน้าจอ Lock Screen โดยที่ไม่กินแบตเตอรี่

iPhone 17 ใช้ชิปประมวลผล Apple Silicon รุ่นใหม่อย่าง A19 ซึ่งได้รับการปรับปรุงสถาปัตยกรรมภายในเพื่อขุมพลังประมวลผลที่ทรงพลังกว่าเดิม ซีพียูแบบ 6 คอร์ สำหรับการประมวลผลระดับสูงหรือการประมวลผลทั่วไป จับคู่กับจีพียูแบบ 5 คอร์ ที่ประมวลผลกราฟิกได้รวดเร็วและลื่นไหลมากยิ่งขึ้น หากนำไปเทียบกับ iPhone 16 ซึ่งใช้ชิป A18 จะมีประสิทธิภาพที่ดีหรือรวดเร็วกว่าถึง 20%



ในส่วนของแบตเตอรี่ แอปเปิลระบุว่า iPhone 17 มีแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน หากเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง iPhone 16 จะสามารถเล่นวิดีโอได้นานขึ้น 8 ชั่วโมง (สูงสุด 30 ชั่วโมง) และเทคโนโลยีการชาร์จที่เร็วกว่าเดิม การชาร์จ iPhone 17 เพียง 10 นาที จะสามารถใช้งานเพื่อดูวิดีโอได้ต่อเนื่องนานถึง 8 ชั่วโมง และสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 50% ภายใน 20 นาที


สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด iPhone 17 มาพร้อมกล้องหน้า Center Stage ความละเอียด 18MP กับเซนเซอร์แบบสี่เหลี่ยมจัตตุรัสที่จะทำให้เราได้มุมมองภาพการเซลฟี่ที่กว้างขึ้นและความละเอียดสูงขึ้น หากใช้งานกล้องหน้าระหว่างการโทร FaceTime ฟีเจอร์ Center Stage จะคอยตรวจจับให้ใบหน้าของเราอยู่ตำแหน่งกึ่งกลางเสมอ และการเซลฟี่แบบหลายคนก็จะทำการปรับมุมมองหรืออัตราส่วนของภาพให้เหมาะกับจำนวนคนในเฟรมด้วย รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K HDR สามารถบันทึกวิดีโอกล้องหน้ากับกล้องหลังพร้อมกันได้ผ่านฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Dual Capture


กล้องหลังสองตัว Fusion Main Camera ความละเอียด 48MP รองรับการซูมแบบ In-sensor Zoom ที่ระยะ 2 เท่า (Optical Quality) และ Fusion Ultra Wide ความละเอียด 48MP รองรับการถ่ายมาโครในตัวที่ความละเอียด 12MP ยังคงมาพร้อมฟีเจอร์ Photographic Styles ที่ช่วยให้สามารถปรับแต่งหรือแก้ไขโทนภาพได้แบบอิสระ รองรับการถ่ายวิดีโอ Dolby Vision ในความละเอียด 4K 60 fps



สเปค iPhone 17
- จอภาพ : Super Retina XDR ขนาด 6.3 นิ้ว
- ความละเอียด 2622 x 1206 พิกเซล
- เทคโนโลยี ProMotion อัตรารีเฟรชเรต 120Hz
- ความสว่างสูงสุด 3,000 นิต (กลางแจ้ง)
- HDR และ Always-On display
- กระจกหน้าจอ Ceramic Shield 2
- เคลือบสารกันแสงสะท้อน
- ชิปเซ็ต : A19 (ซีพียู 6 คอร์ และจีพียู 5 คอร์)
- หน่วยความจำ : 8GB
- พื้นที่จัดเก็บข้อมูล : 256GB / 512GB
- กล้องหลัง :
- กล้องหลัก Fusion Camera 48MP (f/1.6) รองรับภาพถ่ายความละเอียดสูงพิเศษ (24MP และ 48MP)
- รองรับการถ่ายเทเลโฟโต้ 2 เท่า (คุณภาพระดับออปติคัล 12MP)
- ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล
- ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 10 เท่า
- รองรับการบันทึกวิดีโอ Dolby Vision ระดับ 4K ที่ 60 fps
- กล้องอัลตราไวด์ Fusion Ultrawide Camera 48MP (f/2.2) รองรับภาพถ่ายความละเอียดสูงพิเศษ (24MP และ 48MP)
- มุมกว้าง 120 องศา
- รองรับการถ่ายภาพมาโคร
- กล้องหลัก Fusion Camera 48MP (f/1.6) รองรับภาพถ่ายความละเอียดสูงพิเศษ (24MP และ 48MP)
- กล้องหน้า : Center Stage 18MP (f/1.9) ระบบออโต้โฟกัสด้วย Focus Pixels
- รองรับการบันทึกวิดีโอ Dolby Vision ระดับ 4K ที่ 60 fps
- เครือข่าย : 5G (sub-6 GHz)
- การเชื่อมต่อ :
- Wi-Fi 7
- Bluetooth 6
- NFC
- Ultra Wideband รุ่นที่ 2
- เทคโนโลยีระบบเครือข่าย Thread
- ปุ่ม และพอร์ตเชื่อมต่อภายนอก :
- USB Type-C 2 (สูงสุด 480Mb/s)
- รองรับ DisplayPort
- ปุ่ม Action Button
- ตัวควบคุมกล้อง (Camera Control)
- ลำโพง 2 ตัว
- USB Type-C 2 (สูงสุด 480Mb/s)
- แบตเตอรี่ : เล่นวิดีโอสูงสุด 30 ชั่วโมง
- ชาร์จได้สูงสุด 50% ใน 20 นาที (ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 40 วัตต์หรือสูงกว่า)
- รองรับชาร์จไร้สาย MagSafe สูงสุด 25W
- รองรับชาร์จไร้สายแบบ Qi2 สูงสุด 25W
- ความทนทาน : มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP68
- ความปลอดภัย :
- SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม
- การตรวจจับการชนกัน
- ระบบปฏิบัติการ : iOS 26
- ขนาด : 149.6 x 71.6 x 7.95 กรัม
- น้ำหนัก : 177 กรัม

สรุปรายละเอียดเปิดตัว iPhone Air
iPhone Air สุดยอดนวัตกรรมและความบางขั้นสุด ด้วยตัวเลขความบางเพียงแค่ 5.6 มม. โดยวัสดุที่เลือกใช้ก็คือ วัสดุไทเทเนียมเกรด 5 ระดับเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอากาศยาน เป็นดีไซน์ที่แอปเปิลกล่าวว่าบางที่สุด และทนทานที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้านหลังตัวเครื่องได้รับการปกป้องด้วย Ceramic Shield ทนทานต่อการตกกระแทกได้มากกว่ากระจกทั่วไปถึง 4 เท่า และกระจกหน้าจอเลือกใช้เป็น Ceramic Shield 2 ซึ่งทนต่อรอยขีดข่วนได้ดีขึ้น 3 เท่า

ดีไซน์บริเวณโมดูลกล้องที่นูนขึ้นมานั้น แอปเปิลระบุว่าเป็นการออกแบบพิเศษเพื่อใช้เป็นโครงสร้างสำหรับติดตั้งเซ็นเซอร์กล้อง ลำโพง และชิปเซ็ตประสิทธิภาพสูงอย่าง A19 Pro (ซีพียูแบบ 6 คอร์ และจีพียู 5 คอร์) ซึ่งจะช่วยให้มีพื้นที่เหลือสำหรับติดตั้งแบตเตอรี่ที่มากกว่าเดิม ทำให้มั่นใจได้ว่า iPhone Air จะสามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน



ถึงแม้ตัวเครื่องจะมีความบาง แต่การใช้งานแบตเตอรี่ของ iPhone Air แอปเปิลระบุว่าสามารถใช้ดูวิดีโอต่อเนื่องได้นานสูงสุด 27 ชั่วโมง และชาร์จได้สูงสุด 50% ภายใน 30 นาที ซึ่งทางแอปเปิลก็ได้เปิดตัวอุปกรณ์เสริมใหม่อย่าง แบตเตอรี่ MagSafe สำหรับ iPhone Air สำหรับติดเข้ากับด้านหลังของตัวเครื่อง ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้นานขึ้นกว่าเดิม สามารถเล่นวิดีโอได้นานสุด 40 ชั่วโมงเมื่อใช้ร่วมกับแบตเตอรี่ MagSafe ดังกล่าว


สเปคหน้าจอ Super Retina XDR ของ iPhone Air มีขนาดอยู่ที่ 6.5 นิ้ว เป็นหน้าจอแบบ ProMotion รีเฟรชเรต 120Hz ความสว่างสูงสุด 3,000 นิต จับคู่กับกล้องหลัก Fusion Main Camera ความละเอียด 48MP รองรับการซูมแบบ In-sensor Zoom ที่ระยะ 2 เท่า (Optical Quality) และกล้องหน้า Center Stage ความละเอียด 18MP ทำงานร่วมกับอัลกอริธึมประมวลผลภาพ Photonic Engine ซึ่งช่วยให้ภาพถ่ายที่ได้มีความคมชัดสูง พร้อมโทนภาพที่สวยงามเป็นธรรมชาติเช่นเดียวกับ iPhone 17

iPhone 17 กับ iPhone Air ทั้งสองรุ่นรองรับการถ่ายวิดีโอในโหมด Action แบบ Dolby Vision ที่ความละเอียดสูงสุด 2.8K เฟรมเรต 60fps หรือการบันทึกวิดีโอ Dolby Vision ความละเอียดสูงสุด 4K เฟรมเรต 60fps หรือถ้าหากใช้การบันทึกวิดีโอกล้องหน้ากับกล้องหลังพร้อมกันจะได้ที่ความละเอียด 4K 30fps เท่านั้น สามารถใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ปรับโฟกัสเสียงอย่าง Audio Mix ได้อีกด้วย




ทั้งสองรุ่นรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7, Bluetooth 6 และเทคโนโลยีเครือข่าย Thread ด้วยชิป N1 ที่ออกแบบโดยแอปเปิลเอง แทนที่ชิปจาก Broadcom ช่วยให้ประสิทธิภาพของ Personal Hotspot กับ AirDrop ดีขึ้น สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ iPhone Air จะติดตั้งโมเดมเซลลูลาร์ C1X ที่พัฒนาต่อยอดมาจากโมเดม C1 ซึ่งมีประสิทธิภาพในการจับสัญญาณที่เร็วกว่าเดิมถึง 2 เท่า ในขณะที่ใช้พลังงานน้อยลงกว่าเดิม 30%

สเปค iPhone Air
- จอภาพ : Super Retina XDR ขนาด 6.5 นิ้ว
- ความละเอียด 2736 x 1260 พิกเซล
- เทคโนโลยี ProMotion อัตรารีเฟรชเรต 120Hz
- ความสว่างสูงสุด 3,000 นิต (กลางแจ้ง)
- HDR และ Always-On display
- กระจกหน้าจอ Ceramic Shield 2
- เคลือบสารกันแสงสะท้อน
- ชิปเซ็ต : A19 Pro (ซีพียู 6 คอร์ และจีพียู 5 คอร์)
- หน่วยความจำ : 12GB
- พื้นที่จัดเก็บข้อมูล : 256GB / 512GB / 1TB
- กล้องหลัง :
- กล้องหลัก Fusion Camera 48MP (f/1.6) รองรับภาพถ่ายความละเอียดสูงพิเศษ (24MP และ 48MP)
- รองรับการถ่ายเทเลโฟโต้ 2 เท่า (คุณภาพระดับออปติคัล 12MP)
- ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล
- ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 10 เท่า
- รองรับการบันทึกวิดีโอ Dolby Vision ระดับ 4K ที่ 60 fps
- กล้องหลัก Fusion Camera 48MP (f/1.6) รองรับภาพถ่ายความละเอียดสูงพิเศษ (24MP และ 48MP)
- กล้องหน้า : Center Stage 18MP (f/1.9) ระบบออโต้โฟกัสด้วย Focus Pixels
- รองรับการบันทึกวิดีโอ Dolby Vision ระดับ 4K ที่ 60 fps
- เครือข่าย : 5G (sub-6 GHz)
- รองรับการใช้งาน eSIM เท่านั้น
- การเชื่อมต่อ :
- Wi-Fi 7
- Bluetooth 6
- NFC
- Ultra Wideband รุ่นที่ 2
- ปุ่ม และพอร์ตเชื่อมต่อภายนอก :
- USB Type-C 2 (สูงสุด 480Mb/s)
- ปุ่ม Action Button
- ตัวควบคุมกล้อง (Camera Control)
- ลำโพง 1 ตัว
- แบตเตอรี่ : เล่นวิดีโอสูงสุด 27 ชั่วโมง
- ชาร์จได้สูงสุด 50% ใน 30 นาที (ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 20 วัตต์หรือสูงกว่า)
- รองรับชาร์จไร้สาย MagSafe สูงสุด 20W
- รองรับชาร์จไร้สายแบบ Qi2 สูงสุด 20W
- ความทนทาน : มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP68
- ความปลอดภัย :
- SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม
- การตรวจจับการชนกัน
- ระบบปฏิบัติการ : iOS 26
- ขนาด : 156.2 x 74.7 x 5.64 กรัม
- น้ำหนัก : 165 กรัม

ราคาและการวางจำหน่าย
iPhone 17 เปิดตัวมาพร้อมราคาเริ่มต้น 29,900 บาท และ iPhone Air มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 39,900 บาท ด้วยตัวเลือกความจุเริ่มต้น 256GB ทั้งสองรุ่น และตัวเลือกสีสุด Colorful ด้วยกันมากถึง 4 สี ได้แก่
- iPhone 17 ราคาเริ่มต้น 29,900 บาท (ความจุ 256GB) มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 4 สี
- สีม่วง (Lavender)
- สีฟ้า (Mist Blue)
- สีดำ (Black)
- สีเขียว (Sage)

- iPhone Air ราคาเริ่มต้น 39,900 บาท (ความจุ 256GB) มีให้เลือกมากถึง 4 สี
- สีดำ (Space Black)
- สีขาว (Cloud White)
- สีทอง (Light Gold)
- สีฟ้า (Sky Blue)

Comment