นอกจาก iPhone 17 กับ iPhone Air แอปเปิลยังได้เปิดตัวรุ่นท็อปของค่ายอย่าง iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max ด้วยเช่นกัน ดีไซน์ใหม่หมดจด โดเด่นสะดุดตาด้วยโมดูลกล้องแนวยาวที่จับคู่กับเซนเซอร์กล้องความละเอียด 48MP ทั้งสามตัว และกล้องเทเลโฟโต้ที่ซูมได้ไกลสูงสุด 8 เท่า (Optical Quality) เร็วแรงกว่าเดิมด้วยชิปเซ็ตรุ่นใหม่ Apple A19 Pro

สรุปรายละเอียดของ iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max

ดีไซน์ของ iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max ถูกออกแบบและปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่เพื่อตอบโจทย์การใช้งานแบบเน้น Performance ขั้นสุด ตัวเครื่องเป็นแบบ Unibody ผลิตจากอะลูมิเนียมซีรีส์ 7000 เกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอากาศยาน มีน้ำหนักเบาและส่งผลให้ความสามารถในการระบายความร้อนดีขึ้นกว่าเดิม แอปเปิลกล่าวว่า iPhoned 17 Pro คือสมาร์ทโฟนที่มีระบบระบายความร้อนดีที่สุดเท่าที่บริษัทเคยทำมา

ระบบระบายความร้อน Vapor Chamber บน iPhone 17 Pro กับ iPhone 17 Pro Max เป็นระบบระบายความร้อนด้วยไอน้ำ (Deionized water) ที่เชื่อมกับโครงสร้างของตัวเครื่องโดยตรง ทำให้ความสามารถในการนำความร้อนจากชิปเซ็ต A19 Pro เร็วมากกว่าแต่ก่อน สามารถจับถือตัวเครื่องโดยไม่รู้สึกร้อนมือถึงแม้จะใช้งานมาเป็นเวลานาน โครงสร้างบริเวณโมดูลกล้องที่ยกสูงช่วยให้มีพื้นที่สำหรับการติดตั้งชิ้นส่วนภายในเยอะกว่าเดิม และส่งผลให้ใส่แบตเตอรี่ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นลงไปได้ด้วย

ชิปเซ็ตรุ่นใหม่อย่าง A19 Pro มาพร้อมกับ ซีพียูจำนวน 6 คอร์ และจีพียูจำนวน 6 คอร์ มอบประสบการณ์การใช้งาน Performance ระดับสูงแบบต่อเนื่องด้วยประสิทธิภาพการประมวลผลที่ดีกว่าเดิม 40% เหมาะสำหรับการเล่นเกมที่ใช้กราฟิกระดับสูง การตัดต่อวิดีโอ หรือการรันโมเดล AI ขนาดใหญ่บนเครื่องโดยตรง

ด้วยประสิทธิภาพของชิป A19 Pro และการออกแบบโครงสร้างภายในที่เอื้อให้ตัวเครื่องมีแบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น iPhone 17 Pro สามารถใช้งานแบตเตอรี่ดูวิดีโอได้นานสูงสุด 31 ชั่วโมง ส่วน iPhone 17 Pro Max ใช้งานได้สูงสุด 37 ชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 50% ภายใน 20 นาที (ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 40 วัตต์หรือสูงกว่า)

หน้าจอของ iPhone 17 Pro กับ iPhone 17 Pro Max มีขนาดอยู่ที่ 6.3 นิ้ว และ 6.9 นิ้ว ตามลำดับ เป็นหน้าจอแบบ Super Retina XDR ให้ความสว่างสูงสุด 3,000 nits มาพร้อมเทคโนโลยี ProMotion และฟีเจอร์ Always-On Display ปกป้องหน้าจอด้วยกระจก Ceramic Shield 2 และกระจก Ceramic Shield สำหรับการปกป้องด้านหลังของตัวเครื่อง ทำให้ตัวเครื่องนั้นทนทานต่อการตกกระแทกได้ดีกว่าเดิมถึง 4 เท่า

กล้องหน้ากับชุดกล้องหลังทั้งสามตัวของ iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max เรียกได้ว่าโขกสเปคออกมาแบบเดียวกันเป๊ะๆ เลย การเปลี่ยนแปลงหลักครั้งสำคัญในปีนี้ก็คือการที่ ชุดกล้องหลังทั้งสามตัวมีความละเอียด 48MP เท่ากันทั้งหมด ประกอบไปด้วยกล้องหลัก (Fusion Main Camera) กล้องอัลตราไวด์ (Fusion Ultra Wide Camera) และกล้องเทเลโฟโต้ (Fusion Telephoto Camera)

จุดเด่นของ iPhone 17 Pro ก็คือ กล้องเทเลโฟโต้ความละเอียด 48MP แบบใหม่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Tetraprism พร้อมเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่าเดิม 56% ช่วยให้ภาพถ่ายคมชัดขึ้นและสามารถเก็บรายละเอียดได้ดีแม้ในที่แสงน้อย ซูมออปติคัลได้ที่ระยะ 4 เท่า และการซูมแบบ In-sensor Zoom ระยะ 8 เท่า (Optical Quality) ส่วนกล้องหน้า Center Stage มีความละเอียดอยู่ที่ 18MP ซึ่งรองรับการถ่ายวิดีโอกล้องหน้ากับหลังพร้อมกันได้ด้วยฟีเจอร์ Dual Capture เช่นกัน

และเพื่อการใช้งานด้านโปรดักชันระดับสูง iPhone 17 Pro ยังมาพร้อมฟีเจอร์หรือความสามารถในการบันทึกวิดีโอระดับโปรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ProRes RAW เพื่อความยืดหยุ่นในการปรับแต่งสีและแก้ไขภาพในขั้นตอน Post-production การถ่ายวิดีโอด้วย Apple Log 2 ซึ่งมาพร้อมโปรไฟล์สีแบบใหม่ Dynamic Range กว้างขึ้น เก็บรายละเอียดในส่วนมืดและสว่างได้ดีกว่าเดิม ไปจนถึงการรองรับเทคโนโลยี Genlock สำหรับใช้ซิงค์วิดีโอจากกล้องหลายตัวให้แสดงผลหรือทำงานพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทียบสเปค iPhone 17 Pro กับ iPhone 17 Pro Maxฃ

รายละเอียดiPhone 17 ProiPhone 17 Pro Max
จอภาพพาเนลSuper Retina XDR (OLED)
ขนาด6.3 นิ้ว6.9 นิ้ว
ความละเอียด2622 x 1206 พิกเซล2868 x 1320 พิกเซล
ความสว่างสูงสุด3000 นิต
อัตรารีเฟรชเทคโนโลยี ProMotion อัตรารีเฟรชเรต 120Hz
อื่นๆHDR และ Always-On display
กระจกหน้าจอ Ceramic Shield 2
เคลือบสารกันแสงสะท้อน
ประสิทธิภาพชิปเซตA19 Pro
หน่วยความจำ12GB12GB
ความจุ256GB / 512GB / 1TB256GB / 512GB / 1TB / 2TB
ระบบปฏิบัติการiOS 26
กล้องกล้องหลักกล้องหลัก Fusion Camera 48MP (f/1.78) รองรับภาพถ่ายความละเอียดสูงพิเศษ (24MP และ 48MP)
รองรับการถ่ายเทเลโฟโต้ 2 เท่า (คุณภาพระดับออปติคัล 12MP)
ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล
รองรับการบันทึกวิดีโอ Dolby Vision ระดับ 4K ที่ 120 fps
กล้องอัลตราไวด์กล้องอัลตราไวด์ Fusion Ultrawide Camera 48MP (f/2.2) รองรับภาพถ่ายความละเอียดสูงพิเศษ (48MP)
มุมมองกว้าง 120 องศา
รองรับการถ่ายภาพมาโคร
กล้องเทเลโฟโต้กล้องเทเลโฟโต้ Fusion Telephoto Camera 48MP (f/2.8)
ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล 3D และออโต้โฟกัส
รองรับการซูมออปติคัลระยะ 4 เท่า
รองรับการซูมในเซนเซอร์ระยะ 8 เท่า (คุณภาพระดับออปติคัล 12MP)
ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 40 เท่า
กล้องหน้ากล้องหน้า Center Stage 18MP (f/1.9) ระบบออโต้โฟกัสด้วย Focus Pixels
รองรับการบันทึกวิดีโอ Dolby Vision ระดับ 4K ที่ 60 fps
ระบบเสียงลำโพงลำโพงสเตอริโอ
การเชื่อมต่อเครือข่าย5G (sub‑6 GHz)
ชิปเครือข่ายไร้สาย N1Wi-Fi 7
Bluetooth 6
NFC
Ultra Wideband รุ่นที่ 2
เทคโนโลยีระบบเครือข่าย Thread
พอร์ตUSB-C 3 (สูงสุด 10Gb/s)
รองรับ DisplayPort
แบตเตอรี่ความจุดูวิดีโอสูงสุด 31 ชั่วโมงดูวิดีโอสูงสุด 37 ชั่วโมง
การชาร์จชาร์จได้สูงสุด 50% ใน 20 นาที (ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 40 วัตต์หรือสูงกว่า)
รองรับชาร์จไร้สาย MagSafe สูงสุด 25W
รองรับชาร์จไร้สายแบบ Qi2 สูงสุด 25W
ตัวเครื่องทนน้ำทนฝุ่นIP68
ขนาด150 x 71.9 x 8.75 มม.163.4 x 78 x 8.75 มม.
น้ำหนัก204 กรัม231 กรัม

ราคาและการวางจำหน่าย

iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max เปิดตัวมาพร้อมกับราคาเริ่มต้น 43,900 บาท สำหรับความจุ 256GB (iPhone 17 Pro) หรือราคาเริ่มต้น 48,900 บาท กับรุ่นความจุ 256GB (iPhone 17 Pro Max) มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่

  • สีน้ำเงิน (Deep Blue)
  • สีส้ม (Cosmic Orange)
  • สีเงิน (Silver)