ASUS ROG Ally X เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในฐานะรุ่นอัปเกรด ตีบวกสเปค ปรับดีไซน์ แก้จุดที่เคยเป็นปัญหาในรุ่นก่อน ๆ ทั้งเรื่องแบตเตอรี่ให้ให้มาเยอะขึ้นถึง 1 เท่าตัว ปรับตำแหน่งช่องใส่ microSD Card ใหม่เพื่อแก้ปัญหาเรื่องความร้อนสูง รวมถึงยังเปลี่ยนไซส์ SSD ใหม่ไปแบบ M.2 2280 ช่วยให้อัปเกรดความจุได้ง่ายขึ้น โดยเปิดราคามาที่ราว ๆ 29,400 บาท (ไม่รวมภาษี)

เปิดตัว ASUS ROG Ally X

ภาพรวมดีไซน์ของ ASUS ROG Ally X ยังคงคล้ายเดิม ๆ แต่จะหนักขึ้นประมาณ 68 กรัม โดยมีการเปลี่ยนตรง Grip ที่จับให้มีความโค้งมนรับกับมือ และมีความลึกลงจากเดิมทำให้จับถือสะดวก และมั่นคงมากขึ้น พร้อมปรับตำแหน่งปุ่มต่าง ๆ และจอยสติ๊กให้เลื่อนเปลี่ยนตำแหน่งกดปุ่มในระหว่างเล่นเกมให้ง่ายขึ้น

ตัวจอยสติ๊กยังมีการอัปเกรดให้ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น และทนทานกว่าเดิม ส่วนปุ่ม D-Pad ก็มีการออกแบบใหม่ลดความหนืด กวาดนิ้วเป็นวงกลมเพื่อควบคุมได้ดีกว่ารุ่นก่อน ส่วนปุ่มด้านหลังก็มีการปรับขนาดให้เล็กลงเพื่อป้องกันนิ้วลั่นไปโดนปุ่ม และเปลี่ยนบอดี้เป็นสีดำสุดเท่เพื่อสร้างความแตกต่างจากรุ่นก่อนด้วย

ส่วนดีไซน์ด้านในตัวเครื่องได้เปลี่ยนพัดลมระบายอากาศใหม่ ที่เล็กลง แต่เพิ่มการไหลเวียนของอากาศได้ดีขึ้น 10% และมีการปรับตำแหน่งช่องใส่ microSD Card มาไว้ข้าง ๆ ปุ่ม Power เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องความร้อนสูงจนเมมโมรีการ์ดเสีย เพราะตำแหน่งอยู่ใกล้ช่องระบายความร้อนมากเกินไปในรุ่นก่อน

ด้านแบตเตอรี่มีการอัปเกรดเพิ่มให้อีก 1 เท่าตัว จาก 40Wh เป็น 80Wh ซึ่งถึงแม้ทางแบรนด์จะไม่ได้เคลมว่าจะใช้ได้นานกว่าเดิมแค่ไหน แต่ก็พออนุมานได้ว่าน่าจะเพิ่มระยะเวลาการใช้งานสูงสุดให้นานขึ้นเป็น 2 เท่าจากรุ่นก่อนสูงสุด 1.5 ชั่วโมง เป็น 3 ชั่วโมง

ในเรื่องความจุนั้น รุ่นนี้ได้อัปเกรดจาก RAM LPDDR5 6400MHz 16GB มาเป็นแรมที่ความจุสูงกว่า และเขียนอ่านข้อมูลได้ไวกว่าเป็น LPDDR5 7500MHz 24GB ทำให้สามารถแบ่ง RAM ไปใช้กับ GPU ได้โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะไปแย่งการทำงานของระบบ OS และเกมที่เราเล่น นอกจากนี้ยังเพิ่มความจุ SSD เป็น 1TB พร้อมเปลี่ยนอินเตอร์เฟสเป็น M.2 2280 ที่หาซื้อได้ง่ายกว่า และอัปเกรดได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ ROG Ally X ยังเปลี่ยนอินเตอร์เฟสการเชื่อมต่อจากเดิมคือ USB-C + ROG XG Mobile สำหรับเชื่อมต่อ e-GPU แต่รอบนี้เปลี่ยนมาใช้อินเตอร์เฟสแบบ Dual USB-C แยกเป็น 2 พอร์ตระหว่าง USB-C 3.2 Gen 2 และ Thunderbolt 4

ส่วนสเปคในด้านอื่น ๆ นั้น ภาพรวมยังคงเหมือนเดิม โดยจะได้ชิป Ryzen Z1 Extreme ใช้จอแสดงผล IPS LCD 1080P ขนาด 7 นิ้ว รีเฟรชเรต 120Hz ลำโพงตัวเดิม เทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายเหมือนเดิม แต่ได้อัปเกรดหน้าตาอินเตอร์เฟสเป็นเวอร์ชั่นใหม่ ASUS Armoury Crate SE ครอบทับบน Windows 11 Home Edition ซึ่งตัวเครื่องรุ่นก่อนก็จะได้อัปเกรดด้วยเช่นกันในเร็ว ๆ นี้

สเปค ASUS ROG Ally X

  • จอภาพ : IPS LCD ขนาด 7 นิ้ว
    • ความละเอียด Full HD (1920 x 1080 พิกเซล)
    • สว่างสูงสุด 500 นิต
    • อัตรารีเฟรช 120Hz
    • รองรับ AMD FreeSync Premium
  • ชิปเซต : Ryzen Z1 Extreme
  • RAM: LPDDR5 7500MHz 24GB
  • ROM: M.2 2280 1TB
    • รองรับ microSD Card
  • ระบบเสียง : ลำโพงคู่สเตอริโอ
    • รองรับ Dolby Atmos, Hi-Res Audio (ผ่านหูฟัง)
  • แบตเตอรี่ : 80Wh
    • รองรับชาร์จไว 65W
  • การเชื่อมต่อ
    • Wi-Fi 6E
    • Bluetooth 5.2
  • พอร์ต
    • Dual USB-C
      • USB-C 3.2 Gen 2 x1
      • Thunderbolt 4 x1
    • ช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม.
  • เซนเซอร์ : เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนปุ่ม Power
  • ระบบปฏิบัติการ : ASUS Armoury Crate SE บนพื้นฐาน Windows 11 Home Edition
  • ขนาด : 28.0 x 11.1 x 2.47 – 3.69 ซม.
  • น้ำหนัก: 678 กรัม

ราคา และการวางจำหน่าย

ASUS ROG Ally X (RC72LA) เปิดราคาวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาที่ 799 เหรียญฯ หรือราว ๆ 29,400 บาทยังไม่รวมภาษี ตัวเครื่องมีเพียงสีดำเพียงสีเดียว ส่วนในไทยมีการประกาศแล้วว่าจะนำเข้ามาวางจำหน่ายกันเหมือนเดิมแน่นอน แต่จะขายเมื่อไร ยังไม่มีรายละเอียดออกมาในตอนนี้

ที่มา: ASUS ROG