สัปดาห์ที่ผ่านมาทีมงาน Droidsans ได้ลองสัมผัสประสบการณ์การขับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ PHEV ที่เมืองซีอาน ประเทศจีน ซึ่งรอบนี้ได้มีการนำ 4 ทหารเสืออย่าง BYD Sealion 6, Formula BAO 5, Yangwang U8 และ Yangwang U9 มาให้ได้ลองขับลองจับกันแบบใกล้ชิด เก็บหมดทั้งรถ Off Road ไปจนถึง Supercar ซึ่งจะเป็นยังไงบ้าง เข้ามาส่องกันได้เลย
สัมผัสคันจริง 4 รถยนต์ไฟฟ้า BYD
BYD Sealion 6
มาที่คันแรกกันก่อน BYD Sealion 6 รถ SUV ซึ่งเป็นตัวชูโรงในครั้งนี้ รุ่นนี้เป็นที่เป็นขุมพลัง DM-i Plug-in Hybrid ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของทาง BYD ซึ่งจะมาเป็นตัวเลือกให้แก่กลุ่มลูกค้าที่ต้องการจะเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า แต่ไม่อยากลองย้ายไปทาง EV ล้วนแบบเต็มตัว
รุ่นนี้มาพร้อมมิติตัวถัง 4,775 x 1,890 x 1,670 มม. ขนาดกว้างขวาง บ้านใครที่มีคนในครอบครัวหลายคน หรือใช้งานอเนกประสงค์ทั่วไปก็ถือว่าตอบโจทย์ ภายนอกดีไซน์โฉบเฉี่ยวล้ำสมัย ซึ่งพัฒนาภายใต้ Ocean Series ไฟหน้าเป็นแบบ C-Shape และกันชนด้านหน้ามีเส้นพาดผ่านผสมผสานความดุดัน จึงทำให้ BYD Sealion 6 มีความหล่อและมีมิติมากขึ้น
ทางด้านประสิทธิภาพ ด้วยความที่รุ่นนี้ใช้เป็นเทคโนโลยี DM-i Plug-in Hybrid ทำให้ข้อดีในเรื่องของสมรรถนะ โดยสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 8.3 วินาที, มีประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูง ทำให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำ ทำให้ประหยัดน้ำมันได้ดีด้วย ส่วนสเปคอื่น ๆ มี ดังนี้
- เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ให้กำลัง 98 แรงม้า แรงบิด 122 นิวตันเมตร
- ทำงานร่วมมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 197 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร
- เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ ได้กำลังรวม 218 แรงม้า แรงบิด 300 กม.
- ระยะวิ่งสูงสุด 1,092 กม.
ภายในเบาะนั่งเป็นแบบสองสี พวงมาลัยเป็นมัลติฟังก์ชัน ช่วยควบคุมรถอย่างสะดวกสบาย คันเกียร์ดีไซน์หรู รูปแบบ crystal และเมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็จะเจอกับหลังคา Sunroof ที่ทำให้ห้องโดยสารดูกว้างโปร่งขึ้น
ส่วนทางด้านประสบการณ์ ในฐานะที่ผู้นั่งโดยสารทั้งเบาะหน้าและเบาะหลังรู้สึกได้ว่าภายในห้องโดยสารมีความเงียบจริง ในระหว่างที่เครื่องดับอยู่แล้วกลับมาเครื่องติดคือแทบไม่ได้ยินเสียง เบาะหลังกว้าง ส่วนตัวสูง 160 ซม. เข้าไปนั่งแล้วรู้สึกว่าพื้นที่เหลือเยอะพอควร และสำหรับคนสูง 180 ซม. ก็ยังถือว่านั่งได้สบาย ๆ เลย
BYD Formula Bao 5
BYD Formula Bao 5 รถออฟโรดสายลุย ซึ่งรุ่นนี้ใช้เป็น DMO Platform (Dual Mode Off-road) ที่เป็นแพลตฟอร์มไฮบริดออฟโร้ด ที่มีการนำแบตเตอรี่เอาไว้ด้านในฐานของแชสซีส์ (โครงป้องกัน) เวลาใช้งานลุย ๆ หนัก ๆ ก็จะช่วยลดความเสียหายของแบตเตอรี่ได้มากขึ้น ใครที่เป็นสายขับลุยไปในถนนที่อุปสรรคเยอะน่าจะต้องชอบรุ่นนี้แน่นอน
ซึ่งที่เราไปลองสัมผัส BYD Formula Bao 5 ที่สนามทดสอบ ณ เมืองซีอาน ประเทศจีน เค้าก็จะมีด่านทดสอบหลากหลายรูปแบบเพื่อแสดงศักยภาพของรถรุ่นที่นำมาลองอย่างเต็มที่ โดยสนามที่ลอง BYD Formula Bao 5 นั้น จะมีทั้งรูปแบบพื้นต่างระดับแบบทั่วไป, พื้นต่างระดับเสมือนขับบนพื้นที่บนภูเขาที่มีความชันและพื้นผิวนูนต่ำไม่เท่ากัน และขับบนหินล้วน ซึ่งรุ่นนี้สามารถผ่านอุปสรรค์ดังกล่าวได้ไปด้วยดีจริง ๆ
ในฐานะคนนั่งตอนทดสอบ (เบาะหน้า) รู้สึกว่าช่วงล่างค่อนข้างนิ่ม โช้ครับแรงกระแทกได้ดี สัมผัสได้จากตอนที่ขึ้นทางต่างระดับแล้วล้อยกลอยแล้วลงมากระแทกกับพื้น หรือแม้กระทั่งตอนนี้ขับบนพื้นหินตัวรถสามารถตะกุยออกจากทางได้โดยที่ไม่เสียการควบคุมเลย แต่หากนั่งที่เบาะหลังอันนี้จะรับรู้พวกแรงกระแทกได้มากกว่า
มิติตัวถังมีขนาดอยู่ที่ 4,890 x 1,970 x 1,920 มม. ใหญ่และกว้างขวาง ในส่วนของดีไซน์รุ่นนี้คือเท่ดุดันแบบจัดเต็ม ภายนอกออกแบบเน้นความเหลี่ยมมุม ภายในมีจอแยกทั้งด้านคนขับ,จอกลางและจอฝั่งผู้นั่ง ส่วนด้านสมรรถนะสามารถสรุปได้คร่าว ๆ ดังนี้
- เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร
- ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าไฟฟ้าคู่ + ตัวล็อกเฟืองท้าย 3 ตัว ให้กำลังรวมสูงสุด 680 แรงม้า แรงบิดสูงุสด 760 นิวตันเมตร
- คู่หน้ากำลัง 268 แรงม้า
- คู่หลังกำลัง 385 แรงม้า
- อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 4.8 วินาที
- ระยะวิ่งสูงสุด 1,200 กม. (CLTC)
BYD Yangwang U8
Yangwang U8 อีกหนึ่งรถออฟโร้ดไฟฟ้าตัวดังอีกหนึ่งรุ่นของแบรนด์ BYD รุ่นนี้ก็จัดว่าได้ใจสายลุยไปเต็ม ๆ เหมือนกัน โดย BYD Yangwang U8 จะมีมิติตัวถังอยู่ที่ 5,319 x 2,050 x 1,930 ซึ่งใหญ่กว่า BYD Formula Bao 5 แต่ว่าดีไซน์ภายในจะดูละมุนกว่านิดนึง แต่สมรรถนะจัดจ้านไม่แพ้กัน สามารถสรุปได้คร่าว ๆ ดังนี้
- มอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว ทำงานรวมกันได้ขุมพลังรวม 1,180 แรงม้า แรงบิด 1,280 นิวตันเมตร
- อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 3.6 วินาที
- ระยะวิ่งสูงสุด 1,000 กม. (CLTC)
และในทริปทดสอบรถนี้ได้มีการโชว์ของด้วยการแสดง Yangwang U8 หมุนรอบตัวเองเรียกว่า Tank Turn เนื่องจากว่ารุ่นนี้มีมอเตอร์ 4 ตัวที่กระจายกำลังไปให้ทั้ง 4 ล้อแบบอิสระ ทำให้สามารถหมุนรอบตัวเองได้ 360 องศา แบบเดียวกับรูปแบบการหมุนล้อของรถถัง ตามที่หลาย ๆ คนเคยเห็นในคลิปโปรโมทต่าง ๆ ก่อนหน้า
ในฐานะผู้นั่ง (เบาะหน้า) ในพาร์ทนี้ขอพูดถึงฟีลลิ่งและสิ่งที่เกิดขึ้นภายในรถตอนขับขึ้นทางต่างระดับที่น่าหวาดเสียวมาก ๆ รู้สึกว่าระบบป้องกันความปลอดภัยคือทำงานได้ดี เมื่อรถเริ่มเอียงข้าง เบาะนั่งก็จะปรับซัพพอร์ตที่ข้างตัวเราทันที เช่น หากรถตะแคงซ้าย ปีกเบาะทางซ้ายก็จะมารับกับซี่โครงด้านซ้ายของเรา ทำให้ตัวผู้นั่งไม่ไหลรวมไปฝั่งที่รถตะแคง
BYD Yangwang U9
คันสุดท้ายที่ได้ลองสัมผัสก็คือ BYD Yangwang U9 ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้าที่เร็วแรงสะใจ รุ่นนี้ใช้เป็นแพลตฟอร์ม e4 ที่มีจุดเด่น ล้อแต่ละข้างมีมอเตอร์แยกกัน ขับเคลื่อนอย่างอิสระ ช่วงล่าง BYD’s Disus X ที่ทำให้สามารถขับขี่แบบ 3 ล้อได้ ส่วนสมรรถนะอื่น ๆ สามารถสรุปได้คร่าว ๆ ดังนี้
- มอเตอร์ 4 ตัว ขุมพลังรวมกัน 1,287 แรงม้า
- แรงบิดสูง 1,680 นิวตันเมตร
- อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 2.36 วินาที
- ระยะวิ่งสูงสุด 465 กิโลเมตร/ชาร์จ
ส่วนด้านดีไซน์ก็คือมาพร้อมประตูที่เปิดออกแบบปีกนกที่โดดเด่น รูปลักษณ์ภายนอกโฉบเฉี่ยว ภายในออกแบบสไตล์ค็อกพิตที่มีความเท่ไปคู่กับความทันสมัย มีหน้าจอสัมผัสให้ทั้งหมด 3 จอ ทั้งด้านของคนขับและฝั่งเบาะโดยสาร ส่วนด้านประสบการณ์ที่ลองได้นั่งแล้วก็จะเป็นประมาณนี้เลย
ตอนนี้วางจำหน่ายในประเทศจีนราคา 1.98 ล้านหยวน หรือราว 8.5 ล้านบาท ซึ่งก็ยังไม่ได้มีแผนจะวางจำหน่ายในไทย ยังไงก็ต้องรอดูทิศทางอนาคตกันอีกที
เรียกได้ว่าทั้ง 4 รุ่นนี้มาพร้อมจุดเด่นที่แตกต่างกัน อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์และสมรรถนะที่ตอบโจทย์ต่อผู้ใช้แต่ละประเภท ซึ่งข่าวดีคือ ได้มีข้อมูลเผยว่า BYD Sealion 6 รุ่นประกอบไทยจะเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2024 นี้ รอชมอีกทีว่าตลาด PHEV จะเดือดขนาดไหน
Comment