เมื่อราวๆ เดือนสองเดือนที่ผ่านมา น่าจะมีหลายๆ คนที่ได้ยินข่าวว่ามีการส่งพัสดุแบบเก็บเงินปลายทาง ให้กับเหยื่อหลายรายทั้งๆ ซึ่งแต่ละคนไม่ได้ทำการสั่งซื้อของอะไรเลย แต่คนที่รับพัสดุตอนเราไม่อยู่ ก็อาจจะใจดีจ่ายเงินแทนให้ก่อน หรืออาจจะเป็นคนที่คิดว่าพัสดุดังกล่าวเป็นของที่ตัวเองสั่งจริงๆ ก็เลยจ่ายเงินไป พอเปิดกล่องมาถึงรู้ว่ามันไม่ใช่ของที่ต้องการ ซึ่งตอนนี้ตำรวจสามารถบุกทลายแก๊งนี้ได้แล้ว.. แต่เราจะแน่ใจได้ยังไงว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก?

สำหรับข่าวของแก๊งต้มตุ๋นดังกล่าวตามที่บอกไปแล้วว่าตอนนี้โดนตำรวจบุกทลายถึงโกดังได้เรียบร้อยแล้ว โดยพบว่าเป็นแก๊งที่มาจากประเทศจีนเข้ามาเช่าโกดังเก็บสินค้าหลากหลายรายการที่ล้วนแต่เป็นของปลอมราคาถูกทั้งหมด อย่างเช่นเครื่องสำอาง, รองเท้า, เสื้อผ้า, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อุปกรณ์ไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่งแปะยี่ห้อแบรนด์เนมทั้งนั้น (แน่นอนว่ามันปลอมทั้งหมดนั่นแหละ)

แก๊งนี้ได้รายชื่อเหยื่อจากไหน?

ส่วนวิธีการหากินของแก๊งนี้ก็คือ จะสุ่มรายชื่อของเหยื่อซึ่งทางตำรวจคาดว่าน่าแก๊งนี้ไปซื้อข้อมูลรายชื่อเหยื่อมาจากบริษัทจัดส่งพัสดุซึ่งเคยมีประวัติทั้งรายชื่อ,ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของผู้ที่สังซื้อของจากร้านค้าออนไลน์มาแล้วนั่นเอง จากนั้นก็จะเอาชื่อที่อยู่มาแปะบนกล่องที่บรรจุสินค้าปลอมเหล่านั้น และส่งออกไปด้วยวิธีเก็บเงินปลายทาง เมื่อของถึงที่หมายแล้วหากเจ้าของที่มีชื่ออยู่บนกล่องนั้นได้รับ แล้วรู้ตัวปฏิเสธไปว่าไม่ได้สั่งก็จะรอดตัวไป แต่ถ้าเกิดช่วงนั้นดันแจ๊คพ็อตสั่งของจากร้านค้าออนไลน์ไปพอดี ก็อาจจะคิดว่าพัสดุกล่องนั้นเป็นของตัวเอง (บางทีก็รับมาแบบไม่ได้ดูว่ามันเป็นของอะไร) แล้วจ่ายเงินไป หรือไม่ก็ส่งมาที่บ้าน ที่ทำงาน แต่เจ้าตัวไม่อยู่ คนรับของแทนก็หวังดีจ่ายให้ไปก่อน ค่อยมารู้ทีหลังว่าโดนเข้าให้แล้ว

ส่วนของที่โดนผู้รับปฏิเสธก็จะถูกตีกลับมาที่โกดังเพื่อลอกใบจ่าหน้าออกและแปะใบใหม่ลงไปเพื่อส่งออกไปอีกครั้ง จนกว่าจะมีคนหลงกลรับของและจ่ายเงินในที่สุด โดยแก๊งจีนดังกล่าวได้เข้ามาทำการหลอกลวงในประเทศไทยได้แค่ 2 เดือน แต่โกยเงินไปได้แล้วกว่า 15 ล้านบาทเลยทีเดียว

ใครที่มีโอกาสโดนหลอกด้วยวิธีนี้ และป้องกันอย่างไรได้บ้าง

เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่เคยสั่งซื้อของออนไลน์มาก่อน (ถ้าข้อสันนิษฐานของตำรวจเป็นไปตามที่ว่าจริงๆ) และถึงแม้ว่าตอนนี้จะจับแก๊งนี้ได้แล้ว แต่เราก็ยังไม่สามารถแน่ใจได้ว่ามันจะไม่กลับมาอีก หรืออาจจะมีแก๊งอื่นที่หากินด้วยวิธีเดียวกันนี้อีกก็ได้ เพราะฉะนั้นวิธีป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเองก็ไม่ได้มีอะไรยากเลย แค่เช็คให้ดีว่าพัสดุชิ้นนั้นส่งมาจากไหน มีชื่อร้านที่เราซื้อระบุไว้รึเปล่า และราคาที่โดนเรียกเก็บมันตรงกับที่เราทำรายการไว้รึเปล่า ถ้าหากว่าไม่ใช่ก็ตีกลับไปได้เลย ส่วนอีกข้อนึงก็คือข้อมูลชื่อและที่อยู่ของเราเอง ก็อย่าพยายามไปโพสท์ในเน็ต หรือไปให้ใครมั่วๆ เพราะอาจจะโดนเอามาแปะบนกล่องพัสดุแล้วส่งมาหลอกเงินเราทีหลังได้

เพราะปัจจุบันบริการสั่งซื้อของออนไลน์มีให้เลือกหลากหลายขึ้น แถมยังมีวิธีการชำระที่ง่ายขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการเก็บเงินปลายทางที่หลายๆ คนมักจะเลือกวิธีนี้เพราะว่าไม่ต้องจ่ายเงินก่อน (มันรู้สึกอุ่นใจกว่าไง…) แก๊งหลอกลวงพวกนี้ก็เลยเห็นช่องทางที่จะหากินได้ตามข่าวที่เราเห็นแบบนี้แหละ

 

ที่มา : Thairath