หลายคนคงเคยสงสัยว่า ถ้าคอมเริ่มอืด ทำงานไม่ลื่นเหมือนตอนซื้อมาใหม่ ๆ การ Reset เครื่องผ่านเมนู Settings, กด Reinstall Windows, หรือจะเลือกลง Windows ใหม่หมดผ่านแฟลชไดรฟ์ แบบไหนให้ผลลัพธ์ดีกว่ากัน แม้จะเป็นเรื่องที่พูดถึงกันมานาน แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าทางไหน “แรงกว่า” หรือ “ดีกว่า” จนล่าสุดเว็บไซต์ PCWorld ได้ทำการทดสอบเปรียบเทียบให้เห็นกันชัด ๆ แล้วว่า ความต่างนั้นมีอยู่จริงหรือแค่รู้สึกไปเอง

การทดสอบนี้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 11 รุ่นใหม่ล่าสุด 24H2 โดยเปรียบเทียบระหว่างเครื่องที่ลง Windows ใหม่แบบคลีนจากแฟลชไดรฟ์ กับเครื่องที่ใช้งานมานานกว่า 1 ปี และผ่านการอัปเกรดระบบแบบ in-place ซึ่งถือเป็นตัวแทนของ “เครื่องใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน” ที่หลายคนมีอยู่

ทาง Microsoft เองก็เคยให้ข้อมูลว่า การติดตั้ง Windows ใหม่แบบคลีนอาจช่วยให้เครื่องทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะไม่มีพวกไฟล์ตกค้างหรือโปรแกรมเบื้องหลังที่สะสมระหว่างการใช้งาน อีกทั้งยังเปิดการทำงานของฟีเจอร์ Smart App Control (SAC) ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งฟีเจอร์นี้จะคอยช่วยป้องกันแอปที่อาจเป็นอันตราย และเสริมความปลอดภัยให้ระบบ โดยจะเปิดใช้งานอัตโนมัติได้ก็ต่อเมื่อเป็นการติดตั้งแบบสะอาดเท่านั้น

ในการทดสอบกับโปรแกรม Adobe Photoshop บนซีพียู AMD Ryzen รุ่น 9950X3D (16 คอร์) และ 9800X3D (8 คอร์) พบว่าผลลัพธ์ออกมาค่อนข้างคละกัน คือบางกรณีเครื่องที่ลงใหม่เร็วกว่า แต่บางกรณีกลับเป็นฝั่งเครื่องที่ใช้งานมานานทำได้ดีกว่า โดยรวมแล้ว คะแนนอยู่ในระดับใกล้เคียงกันมาก ซึ่งถ้าเป็นผู้ใช้ทั่วไปอาจแทบไม่รู้สึกถึงความต่างในงานลักษณะนี้

แต่เมื่อเปลี่ยนไปทดสอบงานที่ใช้ซีพียูหนัก ๆ อย่างงานเรนเดอร์ เช่น Cinebench 2024 (แบบจำลอง) และ Blender (การเรนเดอร์จริง) ผลก็เริ่มชัดขึ้นว่าเครื่องที่ลง Windows ใหม่หมดมีคะแนนที่ดีกว่าอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าในงานที่ต้องรีดประสิทธิภาพซีพียูทุกคอร์พร้อมกัน การติดตั้งระบบใหม่หมดอาจช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

ในส่วนของเกมก็ถูกนำมาทดสอบเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Cyberpunk 2077, F1 2024 หรือ Fortnite ซึ่งมีทั้งผลที่ใกล้เคียงและผลที่เริ่มเห็นความต่าง โดยเฉพาะใน F1 2024 ที่เครื่องแบบคลีนสามารถทำค่าเฟรมเรตต่ำสุด (1% low) และค่าเฉลี่ยได้สูงกว่าอย่างชัดเจน ส่วนใน Fortnite ก็เห็นได้ว่าเฟรมเรตนิ่งกว่า แม้ผลต่างจะไม่มาก แต่ก็พอจะรู้สึกได้ถ้าใช้งานบนจอรีเฟรชเรตสูงหรือเล่นเกมที่เน้นความลื่นไหลต่อเนื่อง

โดยทีมผู้ทดสอบยังได้ให้ข้อสังเกตสำคัญว่า Windows เองมีความแปรปรวนเรื่องประสิทธิภาพระหว่างแต่ละรอบของการใช้งาน แม้จะเป็นเครื่องเดียวกันก็ตาม ทำให้บางครั้งผลทดสอบอาจสลับฝั่งกันได้ และนั่นคือเหตุผลที่ยากจะสรุปว่าแบบไหน “ดีกว่าอย่างชัดเจน” โดยเฉพาะเมื่อผลต่างเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับที่ “สังเกตได้ยาก” เว้นแต่คุณจะใช้งานระดับโปรดักชันหรือต้องการความเสถียรสูงสุดในงานเฉพาะทาง

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เครื่องที่ถูกจัดให้เป็น “ฝั่งใช้งานมานาน” ในการทดสอบนี้ยังมีอายุเพียงราว 1 ปี หากเปรียบเทียบกับเครื่องที่ผ่านการใช้งานหนักหลายปีหรือมีซอฟต์แวร์ติดตั้งสะสมมากกว่านี้ ผลลัพธ์อาจจะต่างกันมากขึ้นก็ได้

สรุปคือ หากคุณเป็นผู้ใช้ทั่วไปที่ใช้งานพีซีเพื่อเล่นเน็ต ทำงานเอกสาร หรือเล่นเกมระดับกลาง ๆ การ Reset หรือ Reinstall ผ่านเมนู Settings ก็ยังถือว่า “เพียงพอ” ในแง่ของประสิทธิภาพและความง่ายในการจัดการ แต่หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่แน่นอนสำหรับการใช้งานระดับสูง เช่น งานเรนเดอร์ ตัดต่อ หรือเกมหนัก ๆ การลง Windows ใหม่แบบคลีนก็ยังเป็นทางเลือกที่ให้ความมั่นใจได้มากกว่า แม้ผลลัพธ์จะไม่พุ่งแบบก้าวกระโดด แต่ก็ช่วยรีเฟรชระบบให้กลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง

ที่มา : neowin