ระบ ColorOS 12 ที่ครอบอยู่บน Android 12 เปิดตัวเวอร์ชั่นสำหรับใช้ในจีนไปได้ซักพักแล้ว และล่าสุดเวอร์ชั่น Global สำหรับใช้ในมือถือ OPPO รุ่นที่ขายทั่วโลก (รวมถึงในบ้านเรา) ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการซักที ซึ่งแน่นอนว่าเราจะได้เห็นทั้งดีไซน์ UI แบบใหม่, ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงระบบความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย
UI ดีไซน์ใหม่ สบายตา
ColorOS 12 เปลี่ยนมาใช้ UI ดีไซน์ใหม่ที่เรียกว่า Inclusive Design เพิ่มพื้นที่ของหน้าจอให้มากขึ้นด้วยการลดความหนาแน่นของข้อมูลที่แสดงบนหน้าจอให้น้อยลงในขณะที่ตัวอักษรมีขนาดใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับแต่งสีต่าง ๆ ให้แต่ละเมนูมีความโดดเด่น แยกออกจากกันได้ง่ายกว่าเดิม โดยเมนูหลักจะใช้สีที่สว่างกว่าเมนูที่สำคัญรองลงมา
ส่วนไอค่อนแอปต่าง ๆ ก็มีการปรับปรุงหน้าตาใหม่ให้ดูทันสมัยมากขึ้น
OMOJI (อีโมจิ 3D เวอร์ชั่นของ OPPO)
ฟีเจอร์เกร๋ ๆ สำหรับใช้บ่งบอกตัวตนสำหรับเจ้าของมือถือ ด้วยการสร้าง OMOJI ซึ่งเป็นอีโมจิรูปแบบ 3D ที่ผู้ใช้สามารถสร้างอีโมจิหน้าตัวเองได้ แถมยังมีระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวจากใบหน้าของผู้ใช้ที่จะทำให้ OMOJI ขยับหน้าตามได้แบบ real-time โดยเมื่อผู้ใช้สร้างเจ้า OMOJI ที่ต้องการได้แล้ว ยังเอาไปทำเป็นรูปโปรไฟล์ของตัวเอง หรือจะเอาไปวางไว้ที่หน้าจอ Always-On ก็ได้ด้วยนะ
Always-On Display 2.0 ปรับแต่งได้มากขึ้น
ฟีเจอร์ Always-On Display มีมาให้ใช้ตั้งแต่ ColorOS 11 แล้ว (เฉพาะรุ่นที่มีหน้าจอ AMOLED) แต่สำหรับเวอร์ชั่นใหม่นี้ ได้เพิ่มลูกเล่นต่าง ๆ ให้มากกว่าเดิม เพราะผู้ใช้จะสามารถตกแต่ง AOD ได้ในแบบที่ตัวเองต้องการ หรือจะเอา OMOJI ของตัวเองมาวางโชว์ไว้ก็ได้อีก
Theme ที่เปลี่ยนไปตาม Wallpaper
หมดปัญหาภาพวอลเปเปอร์ที่ใช้สีไปคนละทิศละทางกับ Theme เครื่อง เพราะคราวนี้มีฟีเจอร์ Wallpaper color picking ใส่เข้ามาด้วย โดยเมื่อเปิดใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวแล้ว เวลาที่เราเปลี่ยน Wallpaper หน้าจอเมื่อไหร่ Theme เครื่องก็จะเปลี่ยนเป็นสีที่เข้ากันให้แบบอัตโนมัติ
PC Connect เชื่อมต่อกับ Windows 10 ไร้สายเพื่อรับ-ส่งข้อมูล และยิงจอมือถือเข้าจอ PC
ด้วยฟีเจอร์ PC Connect จะทำให้มือถือระบบ ColorOS 12 สามารถเชื่อมต่อกับ PC ระบบ Windows 10 หรือใหม่กว่า ทำให้การส่งไฟล์ระหว่างมือถือและ PC มีความสะดวกสบายมากขึ้น โดยมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลสูงถึง 45MB/s นอกจากนี้ยังสามารถยิงภาพจากหน้าจอมือถือขึ้นไปที่หน้าจอ PC และใช้เมาส์ + คีย์บอร์ดบังคับมือถือได้เลย หรือจะกลับกันด้วยการควบคุม PC ผ่านหน้าจอมือถือก็ได้นะ
จัดการการใช้แบตเตอรี่ได้ง่าย ๆ
ColorOS 12 มากับฟีเจอร์ที่จะช่วยให้เราเช็คการใช้งานต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นว่ามีการกินแบตเตอรี่ผิดปกติตรงไหนบ้างรึเปล่า ด้วย Battery Dashboard ที่จะโชว์ข้อมูลการใช้งานต่าง ๆ ของมือถือในรูปแบบแผนภูมิ ว่ามีการใช้พลังงานในช่วงเวลาไหนเท่าไหร่บ้าง และแบตที่เหลือจะใช้ได้นานอีกแค่ไหน
หากแบตเตอรี่ใกล้จะหมดก็สามารถเปิดใช้โหมดประหยัดพลังงานได้ง่าย ๆ ในเมนู Settings > Battery และเปิดโหมด Save power ซึ่งระบบจะจัดการปิดบางแอปที่วิ่งอยู่เบื้องหลัง, เปิดฟีเจอร์ปรับแสงหน้าจออัตโนมัติ, ปิดโหมด High Performance ฯลฯ และยังมีการแจ้งเตือนอีกด้วยหากพบว่ามีแอปที่กินพลังงานผิดปกติ
หดแอปเป็นหน้าต่างเล็ก ๆ เพื่อใช้งานพร้อมกันได้ 2 แอป ด้วย FlexDrop
ใช้งาน 2 แอปไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย FlexDrop ที่จะหดแอปที่เราต้องการให้เป็นหน้าต่างเล็ก ๆ ลอยอยู่บนหน้าจอให้เราสามารถลากไปไว้ตรงไหนก็ได้ ในขณะที่บนหน้าจอหลักก็ยังเปิดอีกแอปเอาไว้อยู่
แปลภาษาบนหน้าจอด้วย Google Lens แค่ใช้ 3 นิ้ว
เวลาเปิดดูหน้าเว็บหรือรูปภาพที่มีภาษาต่างประเทศซึ่งเราไม่เข้าใจ ก็แค่เอานิ้ว 3 นิ้ว แตะไว้ที่หน้าจอ ระบบก็จะให้ตัวเลือกในการเปิด Google Lens ขึ้นมาให้เพื่อช่วยแปลภาษาได้ทันที
เพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
ใน ColorOS 12 ผู้ใช้จะสามารถตรวจสอบได้จาก Privacy Dashboard ว่ามีแอปไหนที่ขออนุญาตเข้าถึงการใช้งานอะไรบ้าง และหากว่าเจอแอปที่เราเผลอให้เข้าถึงส่วนที่ละเอียดอ่อนเกินไป ก็สามารถกดยกเลิกได้ทันที และหากว่ามีแอปไหนที่กำลังใช้งานกล้อง / ไมโครโฟนอยู่ ก็จะมีไอค่อนแจ้งเตือนบนแถบ Notification ให้ผู้ใช้ได้เห็นกันง่าย ๆ
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกปิดการเข้าถึงกล้อง + ไมโครโฟนจากแอปทั้งหมดได้ในครั้งเดียว โดยกดปุ่มในแถบ Quick Settings ส่วนแอปไหนที่จำเป็นต้องเข้าถึงตำแหน่งของเครื่อง เราก็ก็สามารถเลือกเป็นตำแหน่งที่อยู่ใกล้เคียงได้ ไม่จำเป็นต้องจี้จุดเป็นตำแหน่งที่เราอยู่แบบเป๊ะ ๆ
สำหรับมือถือบางรุ่นจะสามารถใช้ฟีเจอร์ Anti-peeping Notification ได้ด้วย โดยฟีเจอร์ดังกล่าวจะปิดข้อมูลบางส่วนของการแจ้งเตือน (Notification) เมื่อระบบตรวจจับได้ว่ามีคนกำลังแอบมองหน้าจอมือถืออยู่
หน้าจอด้านซ้ายคือ Notification ที่จะเด้งแค่บางส่วน เมื่อตรวจจับว่ามีคนกำหลังมองหน้าจอ
เพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของมือถือ
ColorOS 12 จะใช้ระบบ AI ในการตรวจจับการใช้งานมือถือ ว่าตอนไหนควรจะเร่งประสิทธิภาพเครื่อง และตอนไหนที่ควรลดประสิทธิภาพลง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว ยังช่วยในการประหยัดแบตเตอรี่ได้อีกด้วย
และยังมากับฟีเจอร์ GPA 2.0 ที่จะใช้ระบบ AI ในการปรับแต่งประสิทธิภาพเครื่องระหว่างเล่นเกมให้เหมาะสมกับอุณหภูมิของเครื่อง ทำให้เฟรมเรตมีความเสถียรขึ้น แต่ไม่ทำให้เกมกระตุกจนเสียอารมณ์
กำหนดการอัปเดต ColorOS 12
สำหรับการอัปเดต ColorOS 12 ให้กับมือถือ OPPO คาดว่าทุกรุ่นที่รองรับจะได้ใช้ ColorOS 12 กันหมดภายในปี 2022 โดยรายชื่อรุ่นต่าง ๆ ที่จะได้รับการอัปเดตตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2022 ก็มีตามนี้
อัปเดต ColorOS 12 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
- Find X3 Pro 5G
อัปเดต ColorOS 12 ตั้งแต่พฤศจิกายน 2021 ต้นไป
- Find X2 Pro
- Find X2 Pro Lamborghini Edition
- Find X2
- Reno6 Pro 5G
- Reno6 5G
อัปเดต ColorOS 12 ตั้งแต่ธันวาคม 2021 เป็นต้นไป
- Reno6
- Reno5
- Reno5 (Marvel Edition)
- Reno6 Z 5G
- Reno5 Pro 5G
- Reno5 Pro
- F19 Pro+
- A74 5G
- A73 5G
อัปเดต ColorOS 12 ช่วงครึ่งแรกของปี 2022
- Find X3 Lite 5G
- Find X3 Neo 5G
- Find X2 Neo
- Find X2 Lite
- Reno5 5G
- Reno5 F
- Reno5 Lite
- Reno5 Z 5G
- Reno4 Pro 5G
- Reno4 5G
- Reno4 F
- Reno4 Lite
- Reno4 Z 5G
- Reno4 Pro
- Reno4
- Reno3 Pro 5G
- Reno3 Pro
- Reno3
- Reno5 A
- Reno 10x Zoom
- F19 Pro
- F17 Pro
- A94
- A94 5G
- A93
- A54 5G
- A53s 5G
อัปเดต ColorOS 12 ช่วงครึ่งหลังของปี 2022
- F19
- F19s
- A74
- F17
- A73
- A53
- A53s
- A16s
ใครที่ใช้มือถือ OPPO รุ่นไหนอยู่ก็ดูกันได้เลยว่าของเราจะได้อัปเดต ColorOS 12 กันในช่วงไหนบ้าง ส่วนมือถือ OnePlus ยังไม่มีการพูดถึงว่ารุ่นที่ขายเวอร์ชั่น Global จะได้ใช้ ColorOS 12 ด้วยหรือไม่ครับ
ที่มา : OPPO
มีความเป็นไฮบริดระหว่าง Color กับ Oxygen 😆😆
เอาซะนึกว่า MIUI
+1 ใกล้เคียงมากจริงๆ ครับ
Reno 2 ของฉันไม่ได้ไปต่อ
reno 10x ได้ไปต่อ นี่ถือเป็นอัพเดทใหญ่ครั้งที่ 4 แล้วถือว่าคุ้มค่าสมราคา แต่ยังแปลกใจเหมือนที่เม้นข้างบนบอกว่า reno 2 ไม่ได้ไปต่อ