จากการเปิดตัว Samsung Galaxy Z Fold4 ที่มีการปรับต่างรายละเอียดของตัวเครื่องในหลาย ๆ จุด ไม่ว่าจะเป็น CPU, กล้อง หรือบานพับที่มีการปรับปรุงใหม่ให้ดียิ่งขึ้น แต่อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ ขนาดหน้าจอนอกที่กว้างมากขึ้น เพราะถ้าใครที่เคยใช้มือถือตระกูล Z Fold มาก่อนก็จะรู้กันดีว่าหน้าจอนอกขนาด 6.2 นิ้วอาจจะดูเหมือนไม่แตกต่างจากมือถือตัวไป แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพราะหน้าจอที่มีสัดส่วนเป็น 25:9 จึงทำให้เวลาใช้งานจริงจะพบว่าหน้าจอนอกมีความกว้างน้อยกว่ามือถือทั่วไป

ซึ่งเป็นที่มาของ

ปัญหาจากหน้าจอนอกของตระกูล Z Fold ในรุ่นก่อน ๆ

เป็นเรื่องปกติที่ผู้ใช้มือถือตระกูลนี้หลาย ๆ คนจะพบว่าแอปบางตัวแสดงผลหรือแสดง UI ได้ไม่ถูกต้อง เช่น ข้อความแสดงไม่ครบ, ข้อความถูกตัดแบบแปล ๆ หรือ UI ที่ดูเบียดกันมากเกินไป เป็นต้น ซึ่งเกิดมาจากความกว้างหน้าจอนอก (Cover Screen) ของตระกูล Z Fold ที่เล็กกว่าปกตินั่นเอง

ในโลกของนักพัฒนาแอปบนแอนดรอยด์ ในขั้นตอนการออกแบบ User Interface หรือ UI จะไม่ได้อ้างอิงขนาดหน้าจอด้วยหน่วย px (Pixel) แต่อย่างใด แต่จะใช้หน่วยที่เรียกว่า dp (Density-independent Pixel) ที่ระบบแอนดรอยด์เตรียมไว้ให้ เพื่อลดปัญหา Fragmentation ของแอนดรอยด์ที่แต่ละแบรนด์ แต่ละรุ่นมีขนาดหน้าจอแตกต่างกัน นั่นหมายความว่าสำหรับนักพัฒนาแอปบนแอนดรอยด์นั้นจะสนใจขนาดหน้าจอในหน่วย dp มากกว่าหน่วย px นั่นเอง

ความมหัศจรรย์ของหน่วย dp คือไม่ว่าสมาร์ทโฟนในปัจจุบันจะมีหน้าจอที่ต่างกันและความละเอียดหน้าจอที่ต่างกัน เมื่อแปลงเป็นหน่วย dp ก็จะได้ขนาดหน้าจอที่ใกล้เคียงกัน (โดยเฉพาะความกว้างของหน้าจอ)

โดยปกติแล้วแอปในปัจจุบันจะออกแบบ UI ให้รองรับกับหน้าจอที่มีความกว้างต่ำสุด 360 dp เพราะว่าสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีความกว้างหน้าจออยู่ที่ 360 – 411 dp (เราจะไม่พูดถึงความสูงของหน้าจอ เพราะแอปมักจะออกแบบให้เลื่อนขึ้นลงเพื่อเลื่อนดูเนื้อหาได้)

แต่หน้าจอนอกของตระกูล Z Fold ในรุ่นก่อน ๆ จะมีความกว้างหน้าจอแค่ 320 dp เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยกว่ามือถือทั่วไปค่อนข้างมาก และทำให้แอปเหลือพื้นที่ความกว้างสำหรับแสดง UI แค่เพียง 88% เท่านั้น (เมื่อเทียบกับเครื่องที่มีหน้าจอกว้าง 360 dp) จึงเป็นที่มาว่าทำไม UI ของแอปบางตัวอาจจะมีปัญหาเมื่อเปิดบนหน้าจอนอกของมือถือตระกูล Z Fold ในรุ่นที่ผ่านมา

ภาพดังกล่าวเป็นภาพที่บันทึกเก็บไว้เมื่อตอนที่ใช้ Samsung Galaxy Z Fold2 ในปัจจุบันอาจจะถูกแก้ไขแล้วก็เป็นได้

และนอกจากนี้ หน้าจอของ Z Fold ในรุ่นก่อน ๆ มีความกว้างจริงแค่เพียง 310 – 316 dp (Z Fold2 = 310 dp, Z Fold3 = 316 dp) เท่านั้น แล้วถูก Upscale อีกทีเพื่อให้มีความกว้างเป็น 320 dp

แล้วทำไมนักพัฒนาแอปถึงไม่ทำ UI ให้รองรับล่ะ?

ถ้าไม่นับแอปของ Google, แอปของ Samsung, และแอปที่เป็น Partner กับ Samsung ก็คงต้องบอกว่าแอปส่วนใหญ่ไม่มีความจำเป็นต้องทำให้รองรับกับหน้าจอที่มีขนาดไม่เหมือนกับชาวบ้าน ถึงแม้ว่าตระกูล Z Fold จะเป้นกลุ่มมือถือในระดับ Hi-end แต่เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ใช้งานในรุ่นอื่น ๆ ก็นับว่าเป็นแค่เพียงกลุ่มน้อยเท่านั้น จึงไม่คุ้มค่าพอที่จะเสียเวลามาพัฒนาแอปให้รองรับ

ด้วยเหตุนี้เราจึงมักจะเห็นในงานเปิดตัวอยู่บ่อย ๆ ว่าทาง Samsung ได้ร่วมมือกับแอปบางตัวเพื่อทำให้รองรับกับการใช้งานบนหน้าจอเหล่านี้ของ Samsung และในขณะเดียวกันทางฝั่ง Google ก็พยายามผลักดันนักพัฒนาด้วยการออกคู่มือแนะนำสำหรับการพัฒนาแอปให้รองรับกับ Foldables Device เช่นกัน แต่นั่นก็มีผลกับแอปแค่ส่วนน้อย (ที่มีผู้ใช้งานเยอะ) เมื่อเทียบกับจำนวนแอปที่มีอยู่ทั้งหมดในปัจจุบัน

เมื่อ Samsung Galaxy Z Fold4 เปิดตัวพร้อมกับหน้าจอนอกขนาด 6.2 นิ้วเหมือนเดิม แต่สัดส่วนหน้าจอไม่เท่าเดิม

หน้าจอนอกของ Samsung Galaxy Z Fold ที่มีขนาด 6.2 นิ้วที่ฟังดูเหมือนจะเท่ากับรุ่นก่อน ๆ แต่ทว่าสัดส่วนหน้าจอมีการเปลี่ยนจาก 25:9 มาเป็น 23.1:9 แทน นั่นหมายความว่าหน้าจอนอกของรุ่นนี้มีความกว้างเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้หน้าจอนอกของ Samsung Galaxy Z Fold4 มีความกว้างอยู่ที่ 344 dp และไม่ต้องใช้การ Upscale เข้ามาช่วยแล้ว

Samsung Galaxy Z Fold4 – การเช็คขนาดหน้าจอในหน่วย dp ต้องเช็คผ่านแอป ไม่สามารถเช็คผ่านข้อมูลสเปคตามเว็ปทั่วไปได้

อาจจะไม่สามารถการันตีได้ว่าทุก ๆ แอปจะแสดงผลได้ถูกต้องเหมือนกับมือถือที่มีหน้าจอกว้าง 360 dp แต่ด้วยความกว้างที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 344 dp ในรุ่นนี้ก็จะช่วยลดโอกาสที่ผู้ใช้จะเจอปัญหา UI แสดงผลไม่ถูกต้องให้น้อยลง เมื่อเทียบกับความกว้างของหน้าจอในรุ่นก่อน ๆ นั่นจึงนับว่าเป็นข่าวดีอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่กำลังจะตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้ Samsung Galaxy Z Fold4 ก็ว่าได้