ช่วงนี้หลายคนที่ใช้ Discord บน Windows น่าจะรู้สึกว่าเครื่องเริ่มอืดหรือหน่วงแบบไม่ค่อยปกติ ซึ่งไม่ต้องแปลกใจเลย เพราะ Discord ออกมายอมรับแล้วว่าแอปเวอร์ชันปัจจุบันใช้ RAM หนักมากจนพุ่งได้เกือบ 4GB สาเหตุสำคัญคือการย้ายไปใช้ Electron ทำให้ทุกเซิร์ฟเวอร์ ทุกห้องแชต และทุกฟีเจอร์ในแอปทำงานเหมือนการเปิดแท็บ Chrome เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เปิดทิ้งไว้นานโดยไม่รีสตาร์ท RAM ก็พองสะสมไปเรื่อยจนเครื่องเริ่มช้าลงแบบรู้สึกได้

ปัญหานี้จริงๆ ไม่ได้เกิดกับ Discord เจ้าเดียว เพราะตอนนี้หลายแอปบน Windows ก็หันไปใช้ Electron หรือ WebView2 มากขึ้นเพื่อประหยัดค่าต้นทุนและเวลาพัฒนา แต่สุดท้ายผู้ใช้ต้องเป็นฝ่ายแบกภาระทั้ง RAM ที่พุ่งสูง CPU ทำงานเกินจำเป็น และประสิทธิภาพโดยรวมที่ช้าลง แม้แต่ Microsoft Teams เองก็ยังใช้ WebView2 และกิน RAM เกิน 2GB แบบเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

ตอนนี้ต้องเพิ่มฟีเจอร์รีสตาร์ทตัวเองอัตโนมัติเมื่อ RAM แตะ 4GB โดยจะทำงานก็ต่อเมื่อผู้ใช้ไม่ได้แตะคีย์บอร์ดหรือเมาส์ (AFK) เกิน 30 นาที และไม่ได้อยู่ในห้องเสียง (Vioce Channel) หรือวิดีโอ ฟังดูเหมือนออปชันแก้ขัด แต่มันสะท้อนให้เห็นว่าแอปยุคใหม่บน Windows กลายเป็นเว็บแอปตัวใหญ่ ๆ จนกินทรัพยากรเครื่องมากกว่าที่ควรจะเป็น

รายงานจาก Windows Latest ระบุว่า Discord ตอนนี้เป็น Electron เต็มรูปแบบแล้ว ถ้าจะนึกภาพง่ายๆ ก็เหมือนการเปิด Chrome หนึ่งหน้าต่างที่มี Node.js อยู่ข้างใน และภายใน Discord เซิร์ฟเวอร์แต่ละอันก็กลายเป็นแท็บย่อยของตัวเอง พอมีการโหลดข้อความใหม่ๆ หรือสลับเซิร์ฟเวอร์ RAM ก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปัญหานี้คล้ายกับที่ WhatsApp บน Windows เคยเจอหลังเปลี่ยนไปใช้ WebView2 แล้วกิน RAM จนคนบ่น แต่ Microsoft ก็ไม่ได้ผลักดันให้หยุดใช้เพราะแอปของตัวเองก็ยังใช้เทคโนโลยีเดียวกัน

Discord บอกว่าหลังเปิดแอปใหม่ ๆ จะใช้ RAM ประมาณ 1GB และระหว่างใช้งานสามารถพุ่งขึ้นได้ถึง 4GB ทำให้พวกเขาต้องเริ่มแก้ไขทั้งการลดการใช้หน่วยความจำและการทดสอบฟีเจอร์รีสตาร์ทอัตโนมัติแบบที่ว่าไป ซึ่งก็มีเงื่อนไขประกอบหลายข้อ และจะไม่รีสตาร์ทมากกว่าหนึ่งครั้งต่อวัน เพื่อไม่ให้กระทบผู้ใช้มากเกินไป

นอกจาก Electron แล้ว ตัวแอป Discord เองก็มีจุดที่ต้องแก้เหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้เคยใช้วิธีเรียกคำสั่ง PowerShell ชุดใหญ่เพื่ออ่านข้อมูลพื้นฐานของระบบแทนการใช้ API ของ Windows โดยตรง ทำให้กินทรัพยากรเกินความจำเป็น แม้จะถูกแก้ไขไปแล้ว แต่ก็ชัดว่ามีการบ้านอีกเยอะพอสมควร และปัญหานี้ก็เกิดขึ้นกับหลายแอปที่เป็นเว็บแอปบน Windows เพราะแต่ละตัวต้องแบกเอนจินเบราว์เซอร์ของตัวเองทั้งหมด เปิดหลายแอปพร้อมกันก็ยิ่งกิน RAM และ CPU แบบคูณสองจนเครื่องเริ่มช้าลงอย่างเห็นได้ชัด

บริษัทเทคหลายเจ้าไม่ว่าจะเป็น Discord, Meta หรือแม้แต่ Microsoft เอง ก็ดูจะมุ่งหน้าไปทางนี้เหมือนกันหมด เลยมีคำถามตามมาว่า Windows ควรมีมาตรฐานให้แอปใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่ากว่านี้หรือไม่ หรือว่าในอนาคตเราจะต้องอยู่กับสภาพที่แอปทุกตัวกินแรมเยอะคล้าย Chrome กันแน่

ที่มา : windowslatest