Galaxy Z Flip7 FE สมาร์ทโฟนจอพับเล็กราคาน่ารัก FE รุ่นแรกของ Flip Series ที่ DroidSans จะนำมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน ในราคาเริ่มต้น 28,900 บาท กับจอพับที่ใช้ชิปเซ็ต Exynos 2400 พร้อมระบบปฎิบัติการเวอร์ชันล่าสุด One UI 8 ที่มีฟีเจอร์ถอดแบบมาจากเรือธงตัวท็อปจะน่าใช้และน่าซื้อขนาดไหน!

ดีไซน์ลูกผสมที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
ผู้อ่านที่เคยหรืออาจยังไม่ได้อ่านรีวิว Galaxy Z Flip7 ที่พวกเราได้เขียนไปก่อนหน้านี้ อาจได้รู้มาแล้วว่า Galaxy Z Flip7 FE เปิดตัวมาพร้อมกับดีไซน์ที่เหมือนกับพับเล็กรุ่นเก่าก่อนหน้าอย่าง Galaxy Z Flip5 และ Z Flip6 สาเหตุที่ต้องพูดถึงทั้งสองชื่อรุ่นนี้ก็เป็นเพราะว่าการออกแบบ วัสดุตัวเครื่องที่เลือกใช้นั้นเป็นการนำจุดเด่นจากทั้งสองรุ่นมาใส่ไว้บน Galaxy Z Flip7 FE นั่นเอง

จอแสดงผลด้านนอก (FlexWindow) ทรงโฟลเดอร์ขนาด 3.4 นิ้ว Super AMOLED อัตรารีเฟรชเรต 60Hz โดยเป็นสเปกเดียวกับ Z Flip5 กับ Z Flip6 แบบโขกกันออกมาเลยครับ ตัวเครื่องมีวางจำหน่ายเพียงแค่สองสีคือ สีขาว (White) และสีดำ (Black) ฝาหลังเครื่องเป็นกระจกตามสีตัวเครื่องที่ค่อนข้างจะเก็บรอยนิ้วมือ ส่วนเฟรมเครื่องเป็นแบบด้านสีตามตัวเครื่องเช่นกันครับ



การออกแบบรอบตัวเครื่องประกอบไปด้วย ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่มเปิด-ปิดหน้าจอที่มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัว ฝั่งซ้ายคือถาดใส่ซิมการ์ด ด้านบนตัวเครื่องเป็นช่องไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ด้านล่างคือพอร์ตเชื่อมต่อ USB-C และลำโพงดีไซน์แบบขีดที่เป็นเอกลักษณ์ใหม่ของ Samsung ไปแล้ว สุดท้ายก็คือกล้องหลังคู่สองตัวที่ถูกวางไว้ในแนวนอนข้างกับไฟแฟลช LED




ถึงจะเป็นรุ่น FE แต่จอก็ยังสวย
จอแสดงผลของ Galaxy Z Flip7 FE เลือกใช้เป็น Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2640 x 1080 (FHD+) รองรับอัตรารีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz รองรับการแสดงผล HDR10+ ให้การแสดงผลหน้าจอสีสันสดใส ความสว่างสูงสุดมากถึง 2,600 นิต ส่งผลให้การใช้งานกลางแจ้งสบายหายห่วง


ข้อสังเกตของรุ่นนี้หากนำไปเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Z Flip7 ก็คือ ‘รอยพับหน้าจอ’ ที่จะเห็นได้ง่ายโดยเฉพาะเมื่อเราลากนิ้วผ่านบริเวณรอยพับ และ ‘อัตราส่วนหน้าจอ’ ที่มีความแคบหรือเน้นผอมยาวกว่าปกติ ทำให้การแสดงผลหรือการใช้งานแอปพลิเคชันหลายๆ ตัว เราจะรู้สึกว่าการแสดงผลดูแน่นหรืออึดอัดไปสักหน่อย


หน้าจอแสดงผลด้านนอกหรือ FlexWindow ที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้มีขนาดอยู่ที่ 3.4 นิ้ว อัตรารีเฟรชเรท 60Hz ความสว่างสูงสุด 2,600 นิต และครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus 2 ถึงแม้หน้าจอจะไม่ได้ใหญ่สุดขอบเหมือนกับรุ่นพี่ แต่ด้วยขนาดหน้าจอกับดีไซน์ที่เหมือนกับ Galaxy Z Flip6 ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว ใครที่ไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องได้ดีไซน์หน้าจอแบบใหม่ใหญ่เต็มตา Z Flip7 FE ก็นับเป็นจอพับราคาประหยัดที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ

ส่วนมาตรฐานความทนทานก็ไม่เป็นสองรองใคร Galaxy Z Flip7 FE ทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP48 ทนน้ำลึก 1.5 เมตร ได้นาน 30 นาที เฟรมเครื่องเลือกใช้วัสดุเป็น Armor Aluminum Frame
หน้าจอแสดงผล FlexWindow รองรับการใช้งานในหลายๆ ด้าน ไม่มีกั๊กหรือตัดทอนอะไรให้หายไป เรียกได้ว่าทำได้ทุกอย่างเหมือนกับ Galaxy Z Flip7 ก็ไม่ผิดครับ ใช้เพื่อดูแจ้งเตือน ตั้งค่าวอลเปเปอร์ Emoji หรือ Interactive Wallpaper ซึ่งเราสามารถโต้ตอบหรือสัมผัสหน้าจอเพื่อเล่นกับหน้าจอล็อกได้ ตั้งค่าหน้าวิดเจ็ต ไปจนถึงการใช้งานแอปพลิเคชันที่รองรับ และแอปพลิเคชันอื่นๆ ผ่านลิ้นชักแอปของ Multistar




หรือจะเป็นฟีเจอร์ Galaxy AI ที่ถูกออกแบบมาให้สอดคล้อง และง่ายต่อการใช้งานบนสมาร์ทโฟนจอพับอย่าง ‘แอปแปลภาษาที่เป็นเหมือนล่ามส่วนตัว (Interpreter)’ เราสามารถแสดงหน้าจอซึ่งเป็นภาษาหลักของคู่สนทนาบนหน้าจอ FlexWindow ได้ด้วย เผื่อว่าเราขี้เกียจแบ่งครึ่งหน้าจอดูพร้อมกัน ถือใช้แบบนี้ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ


Flex Camera Mode หรือการถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหลังความละเอียด 50MP ผ่านจอแสดงผลด้านนอก รองรับทั้งการถ่ายภาพนิ่ง ภาพบุคคล และวิดีโอ นอกเหนือจากการปรับอัตราส่วนของภาพหรือวิดีโอแล้ว เราสามารถตั้งค่า นาฬิกานับถอยหลัง, ฟิลเตอร์ภาพ, ความละเอียดรูปหรือวิดีโอ และโหมดการถ่ายรูปด้วยการแตะหน้าจอผ่านจอด้านนอกได้ทั้งหมดเช่นกันครับ


หรือใครที่อยู่ในสถานการณ์ต้องถ่ายรูปให้คุณเพื่อน และคุณแฟนบ่อยๆ แต่หามุมกล้องที่ถูกใจไม่ได้สักที Galaxy Z Flip7 FE ก็สามารถเลือกเปิดโหมด Cover Screen Preview ได้ด้วย เพื่อให้หน้าจอแสดงผลด้านนอกโชว์ตัวอย่างภาพที่เรากำลังถ่ายหรือโฟกัสอยู่ในตอนนั้น หมดปัญหาถ่ายรูปมาเป็นร้อย แต่หาภาพที่ใช่ไม่ได้สักที
ชุดกล้องหลังคู่ความละเอียด 50MP และ 12MP
ชุดกล้องหลังของ Galaxy Z Flip7 FE ประกอบไปด้วยกล้องสองตัว ได้แก่ กล้องหลักความละเอียด 50MP รูรับแสง f/1.8 และกล้องอัลตราไวด์ 12MP รูรับแสง f/2.2 รายละเอียดและสีสันของรูปภาพอยู่ในระดับที่ดี มีไดนามิคเรนจ์ที่กว้าง โดยเฉพาะเมื่อ Z Flip7 FE มาพร้อมกับระบบประมวลผลภาพ ProVisual Engine ที่ทำให้คุณภาพของไฟล์รูปมีความคมชัดเป็นธรรมชาติ

หากนำไปเทียบกับ Galaxy Z Flip7 ก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยครับ ว่าโทนสีมีความใกล้เคียงหรือเหมือนกันมากๆ โดยเฉพาะเมื่อนำไปเทียบกับ Z Flip6 ในปีที่แล้วที่คาแรคเตอร์ของภาพจะดูมีความเป็นผู้ใหญ่หรือโทนสีที่ไม่สดใสมากจนเกินไป ในปีนี้ Samsung ก็ได้มีการปรับโทนสีให้มีความสดใสมากขึ้น แต่ก็ยังมีความเป็นธรรมชาติ ส่วนการถ่ายในระยะซูม 2 เท่า ถึงแม้จะทำให้รายละเอียดหายไปเพียงแค่เล็กน้อย แต่การถ่ายภาพบุคคลด้วยระยะ 2 เท่า ทำให้ภาพดูมีมิติและสวยงามขึ้นมาเยอะพอสมควรครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Galaxy Z Flip7 FE















ตัวอย่างภาพถ่าย Portrait จากกล้องของ Galaxy Z Flip7 FE



ตัวอย่างภาพถ่ายที่แสงน้อย











ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล บนหน้าจอแสดงผลด้านในสามารถให้สีสันและการประมวลสกินโทนของตัวแบบออกมาได้เป็นธรรมชาติ และสีสันไม่ผิดเพี้ยน (ไม่สดเกินไปหรือจืดเกินไป) ไปจนถึงรายละเอียดของรูปภาพที่โอเคในระดับหนึ่งเลยครับ แต่ถ้าอยากได้รายละเอียดความคมชัดแบบจัดเต็มแนะนำว่าการเซลฟี่ด้วยกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซลก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า 10MP ด้วยกล้องของ Galaxy Z Flip7 FE


ทดสอบการเล่นเกมด้วยชิป Exynos 2400
หนึ่งในสิ่งที่หลายๆ คนรอคอยกันก็คือ ‘ประสิทธิภาพการประมวลผล และการเล่นเกมของ Exynos 2400’ ใช้งานได้ลื่นไหลขนาดไหน และตัวเครื่องร้อนมากมั้ยหากใช้เล่นเกม โดยเครื่องที่เราได้มานั้นเป็นรุ่น RAM ขนาด 8GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 128GB ด้วยผลทดสอบจาก Geekbench 6 กับคะแนนทดสอบจาก AnTuTu ได้ผลคะแนนออกมาดังนี้ครับ
รายละเอียด | ผลคะแนน |
Geekbench 6 | Single-Core: 1,182 คะแนน Multi-Core: 5,885 คะแนน |
AnTuTu | 1,077,094 คะแนน CPU: 317,158 คะแนน | GPU: 362,311 คะแนน |
RoV | กราฟิกระดับสูง – เฟรมเรต 60 FPS
เกมพื้นฐานขวัญใจมหาชนคนชอบตีป้อมอย่าง RoV ด้วยพลังของชิปเซ็ตระดับเรือธง Exynos 2400 แน่นอนว่าสามารถเล่นเกมพื้นฐานระดับนี้ได้แบบสบายอยู่แล้ว เฟรมเรตลื่นไหลระดับ 60 FPS จับคู่กับการแสดงผลกราฟิกระดับสูงสามารถประมวลผลได้รวดเร็วลื่นไหลมากๆ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะที่เข้าไฟต์หรือตะลุมบอนกันหนักๆ

Roblox | กราฟิกอัตโนมัติ – เฟรมเรต 60 FPS
อีกเกมที่เชื่อว่าใครหลายๆ คนยังเล่นกันได้แบบไม่มีเบื่ออย่าง Roblox โดยแผนที่ที่เรานำไปทดสอบก็มีตั้งแผนที่ทั่วไปที่มีฉากหรือพื้นหลังทั่วไป ไม่กินทรัพยากรหนักไปจนถึงแผนที่ที่มีฉากหลังจัดหนักจัดเต็ม เช่น Dress to Impress ผลที่ได้ออกมานั้นถือว่าสามารถใช้เจ้า Galaxy Z Flip7 FE เล่นเกม Roblox ได้แบบสบายๆ เลยครับ


Zenless Zone Zero | กราฟิกระดับสูง – เฟรมเรต 60 FPS
สุดท้ายคือสุดยอดเกมกินสเปคที่เคยมีประเด็นกับชิปเซ็ต Exynos มาก่อนหน้านี้อย่าง Zenless Zone Zero ด้วยการเล่นกับการตั้งค่าแบบ กราฟิกระดับสูง – เฟรมเรต 60 FPS หากเป็นการเดินเล่นในพื้นที่ทั่วไปสามารถแสดงผลกราฟิกออกมาได้แบบลื่นๆ ทั้งการโหลดฉาก และการเปลี่ยนพื้นที่ซึ่งก็ใช้เวลาดาวน์โหลดไม่นาน


แต่ข้อสังเกตอย่างหนึ่งที่อาจจะเห็นความแตกต่างจากรุ่นอย่าง Galaxy Z Flip7 ที่ใช้ชิปเซ็ตรุ่นใหม่อย่าง Exynos 2500 ก็คือ ความร้อนที่สูงขึ้นมาก ถึงแม้จะเข้าเล่นได้เพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น แต่ทั้งนี้ความร้อนดังกล่าวก็ไม่ได้ส่งผลต่อการเล่นหรือทำให้ประสิทธิภาพแย่ลงนะครับ เพราะบริเวณหน้าจอที่เราจับถือตอนเล่นเกม (ฝั่งหน้าจอแสดงผลด้านนอก) เป็นจุดที่มีการติดตั้งชิปเซ็ตและแผ่นระบายความร้อนเอาไว้ด้วย เลยทำให้รู้สึกได้ถึงความร้อนง่ายเป็นพิเศษ
แบตเตอรี่อึดมั้ย ใช้งานได้นานหรือเปล่า
Galaxy Z Flip7 มีความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 4,000mAh ซึ่งเป็นความจุเดียวกับ Galaxy Z Flip6 ในปีที่แล้ว แต่การใช้งานจริงก็อาจไม่ได้เหมือนกันทั้งหมดครับ ด้วยปัจจัยในเรื่องของระบบปฏิบัติการกับชิปเซ็ตที่ใหม่กว่าซึ่งจัดการพลังงานได้ดีกว่า ไปจนถึงแอปพลิเคชันที่อาจกินทรัพยากรมากขึ้นตามการอัปเดต เลยส่งผลให้ระยะการใช้งานแบตเตอรี่ และการจัดการพลังงานมีความแตกต่างกัน

จากการทดสอบใช้งานตลอด 1 วัน พร้อมการชาร์จแบตเตอรี่กลับให้เต็ม 100% จาก 1% เราสามารถสรุปผลออกมาได้เป็นดังนี้ครับ ทั้งนี้การทดสอบการใช้งานแบตเตอรี่ของ Galaxy Z Flip7 FE เราอิงจากการไลฟ์สไตล์การใช้ในชีวิตประจำวันเป็นหลัก เช่น ไถฟีดหรือเล่น Social Media, ใช้งานเพื่อเล่นเกม ตอบข้อความระหว่างวัน และถ่ายรูปเป็นต้น ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับตัวบุคคล
- ดู YouTube นาน 1 ชั่วโมง (4K 60FPS): แบตเตอรี่ลดไป 8%
- เล่นเกมนาน 1 ชั่วโมง: แบตเตอรี่ลดไป 17%
- เล่นโซเชียลมีเดีย 1 ชัวโมง: แบตเตอรี่ลดไป 9%
- ชาร์จแบตเตอรี่ 50% ได้ภายใน (จาก 1%) : ใช้เวลาประมาณ 32 นาที
- ชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ได้ภายใน (จาก 1%) : ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง 38 นาที

Android 16 ครอบทับด้วย One UI 8 ฟีเจอร์ครบไม่มีกั๊ก
Galaxy Z Flip7 FE มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการเวอร์ชันล่าสุดอย่าง One UI 8 บนพื้นฐานของ Android 16 ที่ได้ฟีเจอร์เหมือนกับรุ่นพี่ในซีรีส์อย่าง Galaxy Z Flip7 และ Galaxy Z Fold7 รวมไปถึงการใช้งานฟีเจอร์ AI เช่น Circle to Search ฟีเจอร์วงเพื่อค้นหาคอนเทนต์บนหน้าจอ และผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Gemini และ Gemini Live ซึ่งเราสามารถเปิดกล้องพูดคุยกับ Gemini ได้แบบเรียลไทม์




ฟีเจอร์เด่นน่าสนใจบน Galaxy Z Flip7 FE ที่ช่วยให้การใช้งานสมาร์ทโฟนจอพับสะดวกยิ่งขึ้นอย่างการแบ่งหน้าจอ (Multi-window) ก็มีให้ใช้งานเหมือนกับ Z Flip7 และ Z Fold7 เลย เราสามารถแบ่งหน้าจอสองแอปพลิเคชันพร้อมกันในสัดส่วน 90:10 ทำให้สลับไปใช้งานแอปที่สองได้ง่ายขึ้น เพียงแค่แตะหน้าจอหนึ่งครั้งบริเวณพื้นที่ของแอปพลิเคชันที่ต้องการสลับไปใช้งาน



- Portrait Studio : ฟีเจอร์ใหม่ของ Portrait Studio เราสามารถเปลี่ยนภาพของน้องหมา และน้องแมวให้กลายเป็นภาพถ่ายในรูปแบบต่างๆ ได้ เช่น ภาพถ่ายสตูดิโอ, ภาพการ์ตูนสามมิติ และภาพฟิชอายหรือภาพวาดสีน้ำมัน
- Generative edit : วงที่สิ่งของหรือคนในรูปภาพที่เราต้องการจะลบ หรือย้ายตำแหน่ง
- Audio eraser : ลบเสียงรบกวนที่ไม่ต้องการในวิดีโอได้ง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน สามารถเลือกปรับระดับเสียงพูดคุย เสียงลม และเสียงรบกวนอื่นๆ ได้ตามต้องการว่าต้องให้เบา-ดังมากขนาดไหน
- Now Brief : รับข้อมูลสรุปที่เป็นประโยชน์ในแต่ละช่วงเวลาของวัน เช่น สภาพอากาศ การนัดหมาย เพลย์ลิสต์เพลงและคลิปวิดีโอที่แนะนำให้ดู หรือหากเราใช้อุปกรณ์สวมใส่ของ Samsung ก็จะมีการสรุปข้อมูลสุขภาพให้ดูในหน้านี้ด้วยเช่นกัน










สุดท้ายก็คือระยะเวลาในการซัพพอร์ตการอัปเดตซอฟต์แวร์ ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่น FE แต่ทาง Samsung ก็ยังให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานอย่างเราเต็มที่ครับ Galaxy Z Flip7 FE จะได้รับการอัปเดต OS นานถึง 7 เวอร์ชัน และแพตช์ความปลอดภัยอีก 7 ปี ใช้งานกันได้ยาวๆ แบบไม่ต้องกลัวโดนลอยแพ

สเปค Galaxy Z Flip7 FE
รายละเอียด | Galaxy Z Flip7 FE |
จอแสดงผลด้านนอก | Super AMOLED ขนาด 3.4 นิ้ว ความละเอียด 720 x 748 พิกเซล ความสว่าง 1,600 นิต อัตรารีเฟรชเรต 60Hz |
จอแสดงผลด้านใน | Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2,640 x 1,080 พิกเซล ความสว่าง 2,600 นิต อัตรารีเฟรช 1 ~ 120 Hz |
ชิปเซ็ต | Exynos 2400 |
หน่วยความจำ | 8GB |
พื้นที่จัดเก็บข้อมูล | 128GB 256GB |
กล้องหลัง | กล้องหลักความละเอียด 50MP กล้องอัลตราไวด์ความละเอียด 12MP |
กล้องหน้า | 10MP |
เครือข่าย | 5G |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi 6E Bluetooth 5.4 NFC USB-C 3.2 Gen 1 |
แบตเตอรี่ | 4,000mAh ชาร์จไว QC2.0 ชาร์จไร้สาย FWC2.0 |
ความทนทาน | IP48 |
ขนาด (เมื่อพับ) | 85.1 x 71.9 x 14.9 มม. |
ขนาด (เมื่อกาง) | 165.1 x 71.9 x 6.9 มม. |
น้ำหนัก | 187 กรัม |
ราคา | 28,900.- (8+128GB) 30,900.- (8+256GB) |
สรุปการใช้งาน Galaxy Z Flip7 FE
สำหรับ Galaxy Z Flip7 FE ถ้าจะมองให้เป็นสมาร์ทโฟนจอพับที่คุ้มค่าที่สุดในปี 2025 ก็ไม่ผิดครับ โดยเฉพาะใครที่อยากจะลองใช้งานสมาร์ทโฟนจอพับสักครั้งแต่ไม่อยากจ่ายเงินเยอะ เพราะถึงแม้จะเป็นรุ่น FE แต่ก็ยังได้ทั้งดีไซน์ วัสดุ และฟีเจอร์ที่ยกมาจากรุ่นพี่แทบทั้งหมด

หน้าจอแสดงผล Super AMOLED ก็ให้การแสดงผลที่สวย คม สว่างเต็มตา พร้อมการใช้งานจอนอก FlexWindow ที่ทำให้เราใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ครบเหมือนกับรุ่นท็อป แบตเตอรี่ที่ไม่ได้ถึงขั้นอึดขั้นสุดเหมือนกับสมาร์ทโฟนทรงแท่งปกติ แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันด้วยการจัดการพลังงานของชิปเซ็ต Exynos 2400 ฟีเจอร์ Galaxy AI และ One UI 8 ก็จัดมาให้เต็มที่แบบไม่มีกั๊ก พร้อมการอัปเดต OS ยาวนานถึง 7 ปี

ถึงแม้จะยังมีข้อสังเกตเรื่องรอยพับหน้าจอที่ยังมองเห็นได้ชัด และอัตราส่วนหน้าจอที่ดูแคบกว่ารุ่นพี่อยู่พอสมควร แต่พอมองจากราคาปัจจุบันที่ลดลงมาเหลือ 28,900 บาท (8GB + 128GB) ก็ถือว่าได้มือถือจอพับสเปกครบ ฟีเจอร์แน่น ดีไซน์พรีเมียม และการซัพพอร์ตซอฟต์แวร์ระยะยาวในแบบที่หาได้ยากมากๆ ในตลาดจอพับ ณ ตอนนี้ เหมาะทั้งเป็นเครื่องหลักและเป็นเครื่องแรกสำหรับคนที่อยากก้าวเข้าสู่วงการจอพับครับ

Comment