รอบนี้ออกนอกสถานที่ ขอจัดแบบมีสาระกันสักที กับกรณี Tablet เพื่อนักเรียน ที่ได้ข่าวมาว่า 90% มันจะเป็น android แน่นอน และเราเหล่าทีม mod เลยขอจัดกันหนักๆ ซักที ขอบอกว่าเทปนี้ยาวชิบ และไม่ค่อยจะขำนะครับ สาระล้วนๆ จ้า
เจอกันเทปหน้าจ้า ^ ^
09/09/2011
รอบนี้ออกนอกสถานที่ ขอจัดแบบมีสาระกันสักที กับกรณี Tablet เพื่อนักเรียน ที่ได้ข่าวมาว่า 90% มันจะเป็น android แน่นอน และเราเหล่าทีม mod เลยขอจัดกันหนักๆ ซักที ขอบอกว่าเทปนี้ยาวชิบ และไม่ค่อยจะขำนะครับ สาระล้วนๆ จ้า
เจอกันเทปหน้าจ้า ^ ^
09/09/2011
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัว และการใช้คุกกี้ของเราคลิก
คุกกี้เหล่านี้มีความสำคัญต่อการให้บริการบนเว็บไซต์แก่คุณ และเพื่อให้คุณสามารถใช้คุณลักษณะบางอย่างได้ คุกกี้เหล่านี้ช่วยในการยืนยันตัวบุคคลของผู้ใช้งานและช่วยป้องกันการปลอมแปลงบัญชีผู้ใช้งาน หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้เราอาจไม่สามารถให้บริการแก่คุณได้ เราใช้คุกกี้ดังกล่าวนี้เพื่อให้บริการแก่คุณ
แม้ว่าอาจเกิดคุกกี้ แต่อาจไม่สามารถบันทึกได้เนื่องจากมีสมุดบันทึกที่คุณสามารถอัปเดตได้เว็บไซต์นี้อาจมีคุกกี้หรืออาจเกิดคุกกี้ใหม่อีกครั้ง
ดูข้อมูลเพิ่มเติมคลิก
ไป outing ไม่มีชวน งอลลลล 😛
อย่างอล เดี๋ยวไว้แก้ตัวตามไปงาน honey moon ด้วย
ดีมะ ^ ^
ยาวววว ว วจัง – –
ไม่เกรียนแล้ว เย้ๆ
กด like ซัก 8ล้านทีได้มั้ย ?? ^^
ผมก็งงนะครับว่าแล้วเด็กจะทำการบ้านส่งครูอย่างไรครับ เมื่อไม่มีแทปกลับบ้านมาด้วย
แร้งงงง 😀
ตัว mainboard บริษัทคนไทยทำเองครับ Forth ตอนนี้เสร็จไปนานแล้ว(ปีที่แล้วมั้ง) ตัว mainboard system ทางบริษัทยังให้ผู้สนใจพัฒนา พัฒนาต่อยอดด้วยครับ
Spec เครื่อง
– 7″ TFT LCD interface + Resistive Touch Panel
– Touch screen controller
– USB Port Host/slave
– Ethernet port
– CPU Freescale i.MX51 ARM Cortex A8 800 Mhz
– DDR2 -256MB , Flash
– MicroSD up to 32GB
– All GPIO connect to socket
ปล.ต่อเน็ตสายได้ด้วย !?
ทั้งหมดทุกกระบวนการ ไทยทำหมดครับแม้กระทั้ง Hardware
นโยบายนี้น่าสนใจมาก อย่างที่คุณ nunoei บอก ถ้าทำจริงจังมันเผลอๆเป็นการปฏิวัติวงการ IT และ การศึกษา บ้านเราเลยทีเดียว
เสียงตีปิงปอง…ชัดมาก 5555+
ตอนแรกได้ยินมาว่า
CPU 600 เองแต่เป็นจอ capa นิครับ
แต่ ทำและประกอบโดยคนไทยแต่อาจจะ ซื้อบางชิ้นส่วนจากนอกประเทศ มีทั้งอินเดียและจีน
โดยใช้การซ่อมบำรุงจากเทคนิคอาชีวะทั่วประเทศ
ส่วนตัว content ก็ใช้แม่แบบจากหนังสือเรียนเดิม
ความเป็นไปได้น้อยครับ
แค่คิดถึงการควบคุมการใช้ก็จบเห่แล้วครับ ลองคิดเล่นๆนะครับ
– ควบคุมContentอย่างที่กล่าวไป
– ครู อาจารย์ ไม่มีทางรู้ทันเด็กหรอกครับ
– ROM กับอัตราความเสื่อมสภาพของsoftwareและHardware
อันนี้แค่3หัวข้อก็ไม่รอดแล้วครับ
เป็นเรื่องเดิมพันของชาติเลยนะครับ
ถ้าสำเร็จ ประเทศจะรุ่งมาก
แต่!……ถ้าโครงการมันพังขึ้นมา…
เชื่อเถอะำ แจกตามที่พูดไว้ ก็ถือว่าจบ(เป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร) ผู้ใหญ่ อะ ถือว่าทำและนะ ทำลายฝันกันชัดๆ
Title Text Goes Here!!!!
ความพร้อมของโรงเรียนแต่ละแห่งก็ไม่เท่ากัน อาจจะยิ่งทำให้เกิดความเลือมล้ำมากขึ้นไปอีกด้วยครับ น่าจะเอางบประมาณไปพัฒนาโรงเรียนต่างๆให้ดีขึ้นก่อน เมื่อพร้อมแล้วจึงมาเพิ่มเติมในส่วนนี้
จากประสบการณ์ตรง เมื่อหลายปีก่อน มีโครงการณ์ Computer Lab และ Sound Lab สำหรับโรงเรียน แต่ปรากฎว่า โรงเรียนหลายแห่งที่ได้รับอุปกรณ์ไป แต่ใช้งานไม่ได้ เพราะขาดแคลนทั้งห้องเรียน ไฟฟ้าก็ไม่เพียงพอ ทำให้ของต้องวางเอาไว้เฉยๆโดยไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย
และเห็นมีข่าว จะซื้อ iPad แจกครู และอาจารย์ เพื่อรองรับเรื่องแจก tablet ก็ยังงงๆว่า ทำไมไปใช้ iOS แทนที่จะเป็น Android หวังว่าคนที่คิดเรื่องนี้ จะรู้ตัว แล้วเปลี่ยนใจทันนะครับ
งานแจกของ
ลองมองไปทั้งระบบ
ไม่รู้ความพร้อมในการจัดการศึกษา โดยจะเอาสิ่งนี้มาใช้
ยังไม่มี ไม่ว่าจะเรื่อง software เอย การดูแลเรื่อง hardware เอย
ความรู้ทันเทคโนโลยีของบุคลากรเอย
คนซื้อ-คนขาย รวย!!
เปลี่ยนเป็นติดตั้งโปรเจคเตอร์เอาไว้เป็นแรงจูงใจเด็กดีกว่ามั้ย
แค่นี้ครูก๊ใช้กันไม่เป็นแล้ว
ผมว่ามันเร็วไปในเมืองไทย
ไปเที่ยวๆ
ยาวเนอะ
คนไทยถ้าคิดจะทำอะไรแล้วคงไม่แพ้ชาติใดในโลก ^^ สู้ต่อไปเป็นกำลังใจให้ครับ อยากให้มองถึงผลประโยชน์ระยะยาวๆ ประเทศชาติจะได้เจริญ
ทำไมรัฐบาลไม่ติดต่อไปหา HP หละครับ 3000 พอดีเลย
ช้าก็อดอะ ไม่ไหวๆ
เคยไปอ่านดราม่าในหลายๆทีจากแต่ละเว็บ
สรุปได้ดังนี้
คนส่วนใหญ่จะกลัวนู้นกลัวนั้นกลัวนี้ เห็นได้ชัดเลยว่ากลัวการเปลี่ยนแปลง
หากเราไม่เปลี่ยนแปลงแล้วเมื่อไหร่ประเทศไทยจะเจริญละพี่น้อง
หากใครยังกลัวการเปลี่ยนแปลงขอให้เลิกคิดซะ…
เป็นแค่ความเห็นของผมจากเม้นในหลายๆทีนะ ขอบคุนที่อ่านนะครับ อิอิ
หมดละมั้งครับตอนนี้ 99 ดอลอะ
ซื้อเยอะขนาดนี้ตามหลักกลไกตลาดเเล้ว เทียบไม่ได้กลับราคาขายปลีกครับ ดูที่กำไรรวมมากกว่า อาจจะได้เครื่องที่ราคาขายปลีกถึงหกพัน (ขอแค่หน่วยงานที่รับผิดชอบไม่บวกค่าคอม)
ขอบคุณพื้นที่แสดงความคิดเห็นครับ
ยังหาข้อมดีไม่เจอเลย ปวดหัว
เราไม่กลัวการเปลี่ยนแปลงนะ เรากลัวมันไม่เปลี่ยนแปลงมากกว่า 🙂
ถ้ารัฐบาลตั้งใจทำด้วยความจริงใจ โปร่งใส และพยายามอย่างจริงจังก้อขอชมเชย แต่ถ้าไม่…ประเทศไทยก้อคงแย่กว่าเดิม…. ส่วนความคิดเห็นอื่นๆเฉพาะที่ mod Droidsansและสมาชิกเสนอไว้ก้อเยอะแล้ว…… ที่เหลือก้อรอดูว่าจะเป็นอย่างไร……..
ส่วนตัวสงสารเด็กๆที่เรียนในรร.ห่างไกลอย่างในชนบทครับ
คิดดูสิ เด็กๆเหล่านั้นคงได้แต่มองตาปริบๆ
เปลี่ยนเป็นinternetทุกรร.ทั่วไทยยังดีกว่านะครับ
ผอ / รองผอ … นู้นนี้นั้น จะเอาไปหมดก่อนหรือเป่าวนิ ว่าจะถึงเด็ก…
ถูกใจคุณเนยครับ
การเปลี่ยนเปลงไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัว ลงทุนแล้วไม่เกิดประโยชน์ต่อเนื่องระยะยาว
ประเด็นเรื่อง Hardware น่าจะมาหลังจากที่มีการทำ Content ไปแล้วมากกว่า
Hardware มาก่อน Content กำลังทำ ถึงเวลาใช้จริงๆ Hardware เวลามูลค่าจะเหลือเท่าไหร่
สุดท้ายมันจะกลายเป็นทำให้แล้วนะ เพราะสัญญากับประชาชนไว้ … หรือเปล่า
ผมคิดว่า บางทีเรา กลัวเกินไป กลัวนั่นกลัวนี่
กลัว แบบไม่ต้องทำอะไรเลย
รอให้เขาทำหรือข้อมุลชัดๆก่อนมั้ยและวัดผลกันสัก 3 4 ปี ละค่อยมาวิจารณ์
ยังครับยัง ยังไม่ได้วิจารณ์เลย อันนี้แค่มองถึงแนวทางของโครงการเฉยๆ ว่ามันควรจะไปต่อยังไง พยายามมองในหลายๆ มุมครับ
ตอนนี้มี schoolnet กับ ginet มั้งครับ ที่เห็นว่าโครงข่ายกินไป 70-80% ของโรงเรียนทั่วประเทศแล้ว
ผมเชื่อว่าทุกคนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีเหมือนกันหมดครับ
บางฝ่ายอาจจะวิเคราะห์ไปด้วยความเป็นห่วงแค่นั้น เพราะเราไม่มีทางรู้ว่ามันจะไปในทิศทางไหน เนื่องจากเรื่องเทคโนโลยีระดับนี้กับการศึกษาถือเป็นเรื่องใหม่มากๆในประเทศเรา
ยังไงอย่างที่คุณ milabis ว่าแหละครับ รอดูแนวทางที่จะออกมาก่อน เราจะสามารถเห็นอะไรได้กว้างกว่านี้
ป.1 น่าจะเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ทั้งการเขียน การฟัง การอ่าน เล่นดนตรี กีฬา ตามพัฒนาการที่เหมาะสม ดวงตาก็ยังไม่น่าเสี่ยงกับการจ้องหน้าจอนาน ๆ และส่วนใหญ่ชอบเล่นมากกว่ารักษาของ มันจะพังกับหายซะเยอะ จะได้ใช้ถึง ป.6 หรือเปล่าก็ไม่รู้ ในขณะที่ ม.1 น่าจะมีความพร้อมกว่า และไม่สายแน่นอนครับที่จะเรียนรู้เทคโนโลยีให้ทันประเทศอื่น
ไม่อยากจินตนาการ งบเครื่องละ 3k เรียนภูมิศาสตร์ เปิด Google Earth
มันจะกระตุกๆๆ ขนาดไหน
ไม่อยากจะพูด อะ เพื่อนพ่อเราเป็นปลัด กินและ งบดูงาน(เที่ยวตัวกินเลย) งบฉุกเฉินน้ำท่วม(แล้วทำอะไรบ้าง) งบสร้างสำนักงานเขต (ของเดิมยังใหม่ๆ บอกหวงจุ๊ยไม่ดี อาคารละ 10 ล้านอัพ) แต่งบเพื่อการศึกษา ให้แค่เครื่องละ 3000 บาท!! ดีจังเลย ประเทศไทย ก็เค้าใจว่ามันเป็นแค่คำพูดหาเสียง อาจจะทำได้หรือไม่ไม่รู้ เฮ่ออ..
แจ่มๆๆๆๆ
ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ
เด็กๆจะได้ลองบ้าง อาจารย์จะได้ลองบ้าง มันจะได้เกิดอะไรขึ้นบ้าง 555555
ส่วนตัวคิดว่าหลายๆด้านมันยังไม่พร้อมเลยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บุคคลากร ครูหลายๆท่านยังใช้เทคโนโลยีพวกนี้ไม่เป็นด้วยซ้ำ และใช่ว่าอบรมแล้วจะเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง
ปล.ผมสงสัยมากว่าทำไมถึงทำครั้งเดียว 800,000 เครื่อง ทำไมไม่ทำเป็นโครงการนำร่องไปก่อน ทดลองก่อนสักปี แล้วถ้ามีปัญหาจะได้แก้ไขสะดวก
ควรเริ่มทำ และทำอย่างต่อเนื่อง พัฒนาไปเรื่อยๆ เพราะมั่วแต่คิดแล้วไม่ทำ มันก็ไม่เกิดอะไร
ประเทศไทยมีเป็นหมื่นๆ โครงการที่ดีเฉพาะวันเปิดงาน ที่เหลือก็เน่า
น่าจะมีการทำวิจัยผลในส่วนต่างๆ ออกมารองรับก่อนนะครับ ว่ามันจะเป็นอย่างไร ต่างประเทศเท่าที่จำได้ เขาทำวิจัยกันมา 3-4 ปี เขาถึงจะสรุปผลว่าโอเคกับนโยบายมั้ย ส่วนตัวแล้วผมกลัวจะเป็นแค่ว่า ทำให้เพื่อให้มันเป็นไปตามคำพูดมากกว่าน่ะครับ
แล้วจะบอกว่าถึงไม่แจก tab เด็กๆ ตอนนี้ ช่วงปิดเทอมผมก็เห็นเด็กหันหน้าเข้าร้านคอมร้านเน็ตตลอด ยิ่งถ้ามี tab เ้นี่ย เด๋วก็มีร้านโทรศัพท์บ้านเรารับแก้ให้ทำนู่นทำนี่ได้ มากกว่าที่จะเอามาเพื่อการศึกษา
ประเทศไทยมองอะไรหลายๆจุดผิดไปนะครับเนี่ย น่าจะเอาเงินไปพัฒนาด้านอื่น เช่นอินเตอร์เน็ตสำหรับสถานศึกษา เพื่อนผมเป็นครูอยู่มันบอกที่โรงเรียนมันมีเน็ตแต่ แค่ฟ้าปิดเน็ตก็ใช้ไม่ได้แล้วครับ อยากให้เน็ตมีคุณภาพครอบคลุม พื้นที่ให้มากกว่านี้น่ะคับ
น่าจะมีการมอบหมายให้ ซักที่นึง ทำกาสำรวจความต้องการ และความเป็นไปด้วยของบุคลากร ก่อนเอาไปแจกเด็ก ทุกวันนี้ อาจารย์บางคนยังใช้ Microsoft Word ไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ แล้วจะให้ไปศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆเพิ่มเติมอีก แค่ พิมพ์เอกสารการสอน ยังต้องจ้างเขาเลย
อาจารย์ 2 อาจารย์ 3 จ้างทำทั้งนั้นแหละ(เอามาจากส่วนหนึ่งของชีวิตครับ)
ไม่ได้ชี้ประเด็นว่าโจมตี ไม่อยากให้ทำนะครับ แต่แค่ติดว่า น่าจะนำร่องก่อน อย่าให้ถึง 800000 เลย เกิดมันล้มขึ้นมา 3000 * 800000 เลยนะคับ ศูนย์เงินงบเปล่าๆเลย
ลองนำร่องที่ 1 อำเภอ 1 โรงเรียนก่อน แค่นี้ มันก็หนักแล้ว
นานาสาระ ต่างคน ต่างความคิด 😀
ส่วนตัวผมคิดว่า การเปลี่ยนแปลงดี การได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ดี
เป็นประสบการณ์เพื่อการพัฒนาต่อไปในอนาคต
แต่การเปลี่ยนแปลงต้องมีการวางแผนและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้เท่าที่ดูสถานการณ์ กลัวแจกแล้วจะไม่มีอะไรต่อเนื่องอ่ะจิ แจกแล้วจบ
😀 😀 😀 😀 😀 😀 😀 😀 😀 😀 😀
ความคิดเห็นของผม ผมว่าจะมุ่งเน้นพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ฺ และ content ก่อน เอางบไปสร้างห้องสมุทอัจฉริยาดีกว่า แล้วพัฒนาบุคคลกรไปพร้อมๆกับ เมื่อพร้อมแล้วค่อยแจกแท็ปเล๊ตยังไม่สายนะครับ
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ทำห้องสมุดให้ออนไลน์ก่อนดีกว่า ให้คนเข้าไปอ่านได้
โดยไม่ต้องไปที่ห้องสมุด มีประโยชน์ในวงกว้างมากกว่ามาก
ทำระบบคอมทุกโรงเรียนให้ดี ให้ใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพซะก่อนจะดีกว่า
พัฒนาระบบสาธารณสุข ชุด อุปกรณกีฬา อุปกรณ์การเรียน ก่อนดีกว่า
พัฒนาศักยภาพครูอาจารย์-บุคลากรในสถานศึกษา ก่อนดีกว่า
โครงการTablet ถ้าใช้ในกทม. อาจจะพอได้ผล
ใช้ในรร.แถวชนบท ผมยังมองไม่ออก ด้วยความที่ผมเป็นเด็ก ตจว.
เรียนประถม-มัธยมที่ ตจว. ยังไงผมก็มองว่า Tablet ไม่ได้เป็นการตอบโจทย์
อย่างแรกเลยผมเห็นด้วยที่ว่าเด็ก ป.1 ควรจะใช้ชีวิตกับธรรมชาติมากกว่าเทคโนโลยี อยู่กับการเรียนรู้ ฝึก ฟัง พูด อ่าน เขียน ถ้ามัวแต่เล่นแทป ต่อไปก็คงงใช้แทปสื่อสาร พิมพ์เอ็มกันอย่างเดียวเลยมั้งครับ ขนาดม.1 ผมยังว่าเด็กเลยครับ (ไม่แน่ เด็กป.1 อาจจะไม่เล่นเลยก็ได้ ทิ้งขว้างไว้ตรงนั้น)
และแน่นอนถ้าแจกตอนนี้บุคคลากรที่รู้เรื่องนั้นมีไม่มากพอ ดูจากแต่ล่ะโรงเรียนสิครับ ครูอายุเยอะๆทั้งนั้นแล้ว (ส่วนใหญ่)ท่านไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก ขนาดครูหนุ่มๆบางคนยังใช้มือถือขาวดำอยู่เลย อย่างนี้จะไปทันเด็กได้ไงครับ แถมจะช่วยเพิ่มอาชญากรรม และ พวกปัญญาทางสังคสเกี่ยวกับเรื่องเพศด้วยครับ ถึงแม้คุณจะล็อคไม่ให้เปิดยังไง ถ้าเด็กอยากดู อยากฯลฯ ในสิ่งที่ไม่ดี เค้า็ทำได้ทั้งนั้นแหละครับ (ขนาดรร.ซื้อคอมใหม่เสปคแรงใช้ได้ เด็กว่างๆรีบมาจอง ถามว่าเอาไปทำอะไร เล่นเกมส์ ใช้งานจริงๆน่ะเหรอ หายากเหมือนกันน่ะครับ)
ดูอย่างร.7 สิครับ พระองค์ยังทรงให้สร้างดุสิ ตธานีเอามาทดลองก่อน เพื่อจะดูว่าคนไทยพร้อมกับประชาธิปไตยมั้ย
อีกอย่างผมเห็นด้วยกับท่านที่ว่า ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง แต่ก็มันไมท่เปลี่ยนแปลง แถมยังแย่ลงอีกต่างหาก
ปล.ดูเสปค กับราคาแล้ว ไม่อยากนึกว่าใช้งานจริงจะกระตุกขนาดไหน
ตามความคิดผม
– ต้องแจกแทปเล็ทให้ครูก่อน จัดอบรมครู ครูใช้ไม่เป็นก็จบ
– ทำเป็นแท็ปเล็ทยืมเรียน เอาไว้ที่โรงเรียน มีการบ้านค่อยเอากลับบ้าน ครูจะสามารถควบคุม
คอนเทนต์ได้ง่าย ไม่ต้องกลัวหาย ไม่ต้องกลัวผู้ปกครองลืมชาร์จแบต
– เครื่องพังควรจะมีเปลี่ยนให้เด็กทันที มีเครื่องสำรอง
– ตัวเครื่องต้องแข็งแรงพอสมควร (พี่สาวเป็นครู บอกว่ากลัวเด็กเอามาไล่ฟาดกัน)
เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ครับ ป.1 มันเด็กไป
ผมว่านโยบายนี้ดีนะครับ ถ้าทำดีๆ เอาใจช่วย
เห็นด้วยครับกับแนวความคิด
แต่ผมคิดน่าจะปรับนโยบายให้เหมาะสมและชัดเจนกว่านี้ ควรทำเป็นขั้นตอน ให้ content นำหน้าตัว hardware ให้งบประมาณมหาลัยต่างๆไปคิด solution การใช้งานการสอนมาก่อน และให้งบประมาณเพื่อวิจัยในการผลิต hardware เพื่อให้ technology อยู่ในประเทศของเรา รวมถึงการ mod android OS แห่งชาติ ด้วยซึ่งควรจะทำเพื่อให้เหมาะสมในการ update online ทั้งประเทศ เหมือน linux ที่ nectec เคยทำมาแล้ว และน่าจะมี market สำหรับครูไป load วิชาต่างๆมาจะเวอร์ไปไหมเนี่ย 😉 จัดอบรมการใช้งาน tablet แก่ครูทั้งประเทศ ผมแนะนำว่าแจกครูก่อนเลยดีกว่า ปัจจุบันแค่ notebook ที่แจกไปยังใช้กันไม่ค่อยเป็นเลยครับ แบบนี้แจกครูไปซักคนละ 5 เครื่องเลยครับนำร่องให้ครูไปใช้ประกอบการสอน 1 เครื่องไม่จำเป็นต้องเล่นคนเดียวนิครับขนาดรูปยังแบ่งกันดูได้ ลองคิดถึงครูสอนเรื่องนก แล้วก็แบ่งภาพนกที่เคลื่อนไหวได้ให้นักเรียนดู ครูก็ขึ้นกระดานไป โดยมี tablet เป็นสื่อการสอนประกอบ น่าจะ work กว่ามานั่งใช้เรียนแทนกระดาษ บางวิชา tablet น่าแย่กว่ากระดาษด้วยซ้ำ ใช้แต่พอดีประหยัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นได้อีกเยอะ
ทุกนโยบายล้วนดี แต่ต้องปฏิบัด้วยปัญญาครับ ถึงจะให้ผลที่คุ้มค่า ได้ประโยชน์