มีเรื่องให้เฮสำหรับลูกค้าดีแทคมาบอก เมื่อทางค่ายมีการขยายการให้บริการบนคลื่น 1800MHz เพิ่มเป็น 20MHz เต็มแม็กซ์ของการให้บริการ 4G ในคลื่นเดียว ทำให้คนที่ใช้สมาร์ทโฟนรุ่นเก่าหรือสเปคธรรมดา (เครื่องรองรับ 4G แต่ไม่สามารถทำ CA ได้) ก็สามารถสัมผัสความเร็วแรงได้ไม่ต่างจากคนที่ใช้สมาร์ทโฟนรุ่นแพงๆเลย เริ่มแล้ววันนี้ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล

ปล. เรื่องนี้ฟังดูวุ่นวายสำหรับคนทั่วไป สรุปง่ายๆคือเตรียมใช้งาน dtac 4G ได้สปีดเร็วขึ้นกว่าเดิมนะ

dtac ผู้ให้บริการรายเดียวที่สามารถให้บริการแบบ Single-Carrier Bandwidth

หลายๆคนอาจจะงงกับคำๆนี้ว่ามันคืออะไร งั้นลองไปดูตารางด้านล่างนี้กันก่อน

ตารางแสดงคลื่นความถี่ที่แต่ละค่ายโทรศัพท์ในไทยมีในมือ

 frequencybandwidthexpire
AIS
90010MHz2030
180015MHz2033
210015MHz2027
DTAC
85010MHz2018
180025MHz2018
210015MHz2027
TRUE
85015MHz2025
90010MHz2030
180015MHz2033
210015MHz2027

จะเห็นได้ว่าแต่ละเครือข่ายมีจำนวนคลื่นในมือที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นได้ว่า dtac จะเป็นเพียงเจ้าเดียวที่มีคลื่นความถี่ 1800MHz ที่กว้างที่สุดคือ 25MHz ซึ่งทางค่ายได้แบ่งเอามาส่งสัญญาน 4G ถึง 20MHz (ที่เหลือให้บริการ 2G อยู่) และความกว้างนี้เองที่มีผลต่อการให้บริการ 4G ได้ดีกว่า เพราะผู้ใช้สามารถใช้งานที่ความเร็วสูงได้โดยไม่ต้องพึ่ง Carrier Aggregation (CA)…ยิ่งอ่านยิ่งงงมะ 😛

4G บนคลื่นความถี่ที่กว้างถึง 20MHz รองรับการใช้งาน mobile internet ความเร็วสูงแม้จะใช้เครื่องราคาประหยัด

ในปัจจุบันที่เราเห็นทั้ง AIS และ truemove ให้บริการ 4G ที่ความเร็วสูงๆนั้น เกิดจากการที่เอาสัญญานของ 2 คลื่นความถี่ เช่น 2100 + 1800 หรือ 900+1800+2100 มาส่งสัญญานพร้อมๆกัน (สามารถใช้มากกว่า 2 คลื่นก็ได้) เราเรียกเทคนิคนี้ว่า Carrier Aggregation ปัญหาก็คือ เครื่องที่รองรับการใช้งานประเภทนี้ ยังมีไม่มาก และพบได้ในสมาร์ทโฟนที่ราคาสูงๆเท่านั้น แต่สำหรับดีแทคที่ให้บริการบนคลื่น 1800MHz คลื่นเดียว และมีความกว้างของสัญญานถึง 20MHz นี้ จะทำให้ลูกค้าใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้โดยไม่ต้องทำ CA กล่าวคือ เครื่องที่ราคาไม่กี่พัน ขอแค่รองรับ 4G ก็สามารถรับส่งข้อมูลที่ 100Mbps ได้แล้ว

การใช้งานจริงหลังปรับความกว้างของสัญญานเป็น 20MHz

จากการสังเกตแบบเร็วๆ รู้สึกว่า dtac 4G ทำความเร็วได้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด และน่าจะเห็นผลชัดๆหน่อยคือถ้าหากว่าเราอยู่ในบริเวณที่มีการใช้งานหนาแน่น ปัญหาเรื่องเน็ตหมุน เพจไม่โหลด น่าจะลดลงเพราะเรื่องนี้ด้วยนั่นเอง

ทดสอบในบริเวณที่ใช้บ่อยๆ ปกติเทสต์ไม่เคยได้สูงขนาดนี้

ยังไงลองสังเกตการใช้งานกันใหม่ดูครับ ว่าช่วงนี้มันดีขึ้นกว่าเดิมรึเปล่า แล้วเอามาแชร์ให้ฟังกันด้วยครับ 🙂