Fairphone ปรับราคา Fairphone 5 รุ่นแรม 8 + 256GB จาก 700 ยูโร เหลือ 630 ยูโร พร้อมออกรุ่นย่อยแรม 6 + 128GB ที่มากับสีใหม่ Moss Green วางขายในราคา 550 ยูโร เป็นอีกหนึ่งทางเลือก แม้เหตุผลยังไม่แน่ชัด แต่คาดว่าความเคลื่อนไหวนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางของ Reinier Hendriks ซีอีโอคนใหม่ ที่ต้องการให้ Fairphone เป็นแบรนด์ที่เข้าถึงง่ายขึ้น (ทั้งในแง่ของราคาและการจำหน่าย) ตามที่เคยประกาศไว้

สเปค Fairphone 5

  • จอภาพ : OLED ขนาด 6.46 นิ้ว
    – ความละเอียด Full HD+
    – หน่วยประมวลผลแยก Pixelworks
  • ชิปเซต : QCM 6490
  • หน่วยความจำ : 6 / 8GB
  • ความจุ : 128 / 256GB
    – รองรับ microSD card สูงสุด 2TB
  • กล้องหลัง :
    – กล้องหลัก 50MP, เซนเซอร์ IMX800, ระบบกันสั่น OIS และ EIS
    – กล้องอัลตราไวด์ 50MP, เซนเซอร์ IMX858, มุมกว้าง 117 องศา, ระยะโฟกัสใกล้สุด 2.5 ซม.
    – เซนเซอร์วัดความลึก
  • กล้องหน้า : 50MP, เซนเซอร์ ISOCELL JN1
  • เสียง : ลำโพงสเตอรีโอ
  • เครือข่าย : 5G (nano-SIM + eSIM)
  • การเชื่อมต่อ :
    – Wi-Fi 802.11 a/n/g/n/ac/ax
    – Bluetooth 5.2 LE
    – NFC
  • แบตเตอรี่ : 4200mAh
    – รองรับชาร์จไว 30W
  • พอร์ต : USB Type-C 3.0
  • ความทนทาน : ทนน้ำทนฝุ่น IP55
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 13 (อัปเดตได้ถึง Android 18)
  • ขนาด : 162 x 75.5 x 10.5 มม.

Fairphone เป็นมือถือที่ชูจุดเด่นในแง่ความยั่งยืน ผลิตมือถือโดยเน้นไปที่วัสดุรีไซเคิล ให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดกระบวนการ ตัวเครื่องถูกออกแบบให้แกะซ่อมง่ายทุกส่วน ด้วยเครื่องไม้เครื่องมือทั่วไปที่หาได้ตามบ้าน มีอะไหล่จำหน่ายในระยะยาว และอัปเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นเวลานาน เช่นกรณี Fairphone 5 รุ่นล่าสุด การันตีอัปเดต 5 + 8 ปี อัปเดตได้ถึง Android 18 และออกแพตช์ต่อจนถึงปี 2031 เป็นอย่างน้อย

แต่ด้วยค่าตัวที่ค่อนข้างสูง ประกอบกับการทำตลาดที่จำกัดอยู่ในโซนยุโรป และคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยอินกับเทรนด์รักษ์โลกเท่าไหร่นัก Fairphone จึงไม่เป็นที่นิยม พอ Hendriks เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เจ้าตัวจึงอยากให้แบรนด์เกิดความเปลี่ยนแปลง จนไปอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันกับ Apple และ Samsung ได้ในอนาคต ซึ่งเป็นเป้าหมายในระยะยาว

ที่มา : Fairphone